เพลงขาเมฆาหมอกหลบหลีก!
ตูม!
พื้นดินที่ราบเรียบถูกอุ้งเท้าฟาดลงไปจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ถึงจะมีกลิ่นหอมลอยตามขึ้นมา แต่ข้าก็ไม่มีเวลาได้ดอมดม
“ซูเหยียน เ้ารออะไรอีก?!” ข้าที่เหนื่อยหอบจากการวิ่งเอาชีวิตรอดะโบอก“อย่าได้ลังเล!”
ด้านหลังของมันมีซูเหยียนที่กำลังรวบรวมพลังของเพลงกระบี่เมฆาเพลิงัไปไว้ที่หอกและพุ่งตรงเข้าไปยังเป้าหมายซึ่งความรุนแรงต้องมีมากกว่าต้นสาลี่อย่างแน่นอน
ฉึบ!
ไม่รู้ว่าลึกเท่าไรแต่เืกลับสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
ถังเชวียหรานะโขึ้นแล้วง้างศรยิงออกไปหลายดอกแต่ก็ยากที่จะยิงให้ถูกตาขณะกำลังเคลื่อนไหวตลอดเวลาแบบนี้
ข้ายังคงวิ่งและะโบอก“แทงเข้าไปที่ลำไส้ก็น่าจะฆ่ามันได้แล้วล่ะซูเหยียนอย่าบอกนะว่าเ้าแทงมันเข้าไปตรงๆ? แบบนั้นจะฆ่ามันได้อย่างไรเ้าต้องปรับองศาหอกด้วยสิ!”
“ฮะ...” ซูเหยียนร้องเหมือนงุนงงเล็กน้อย
ตั้นไถเหยาที่อยู่ไม่ไกลพูดขึ้นอย่างเหลืออด“ยังจะมาปรับองศาอีก ทำไมไม่แทงซ้ำๆ แล้วดันให้สุดไปเลยล่ะ”
ข้าถึงกับพูดไม่ออกกับสิ่งที่นางบอกเพราะนั่นมันหมายถึงจังหวะในการ...
…
เบื้องหน้าที่ข้ากำลังจะวิ่งไปเป็ป่าทึบปิดทางไปหมด
โคร่ง!...
ัดินตัวนั้นก้มหัวลงต่ำพร้อมกับอ้าปากกว้างและกางกรงเล็บไล่ตะปบหมายจะฆ่าข้าให้ตายไปซะ
“ระวังด้วย ปู้อี้เชวียน!!!”ถังเชวียหรานที่ค่อนข้างใจเย็นะโหลบไปด้านข้างเพราะจะให้เอาชีวิตมาทิ้งด้วยกันก็ไม่ใช่เื่ที่ดีสักเท่าไร
ข้าหาโอกาสที่เหมาะเจาะก่อนจะะโม้วนตัวขึ้นไปแบบสามร้อยหกสิบองศายืนเหยียบอยู่บนหัวของมันแล้วเรียกกระบี่คมจันทราไว้ในมือ ก่อนจะปักลงไปที่หัวสุดแรง
ฉึบ!
แม้กระบี่จะปักลงไปแล้วแต่เ้าตัวนี้ยังคงดิ้นพล่านและใช้กรงเล็บตะปบไม่หยุด
ตุ้บ!
ร่างกายหล่นวูบลงกับพื้นเมื่อสบโอกาสเ้าัดินจึงใช้ขาหน้าทั้งสองเหยียบกดเอาไว้อย่างหนักหน่วงความปวดร้าวแล่นแปลบเข้ามา ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองจะตายเอาให้ได้
แต่จู่ๆความเ็ปเมื่อครู่ก็หายไปเพราะมีความกลัวและเหงื่อในห้วงเวลาที่เข้าใกล้ความตายขึ้นเรื่อยๆ
พลังิญญาทั้งหมดพุ่งเสริมเข้าไปในเกราะรบเสี้ยวจันทราซึ่งเป็ตัวชี้ชะตาของข้าในตอนนี้ ยิ่งมันต้านทานเท้าของัดินตัวนี้ได้นานเท่าไรก็จะยืดเวลาชีวิตต่อไปได้เท่านั้น
สวบ!
ลูกศรอันเยือกเย็นปักเข้าที่ลูกตาข้างที่เหลืออย่างรวดเร็วยิ่งมันเ็ปและโมโหมากขึ้น แรงที่เหยียบลงบนเกราะรบจึงมีมากขึ้นด้วย
โฮก!
มันอ้าปากกว้างก่อนจะงับลงมาที่หัวของข้าแต่เคราะห์ดีที่มีเกราะรบขวางกั้นเอาไว้และกลายเป็ข้าที่ใช้เพลงหมัดสายฟ้าสอยปลายคางเข้าไปเต็มๆ
พอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับซูเหยียนหลิวถงเอ๋อร์ ตั้นไถเหยาที่อยู่ตรงขาทั้งสองข้างของัดินซูเหยียนใช้เพลงกระบี่เมฆาเพลิงัฟาดฟันลงไปบนต้นคอด้วยความคับแค้นจนน้ำตาไหลออกมาแต่ด้วยส่วนคอที่มีเกล็ดหนาจึงไม่สามารถฟันลงไปได้ง่ายๆส่วนตั้นไถเหยาที่ฟาดไม้เท้าเวทลงบนต้นคอก็โดนพลังของมันสะท้อนกลับออกมาทุกครั้ง
“อดทนไว้นะ ปู้อี้เชวียน!” ถังเชวียหรานะโบอกเสียงดัง
โฮก!มันร้องคำรามอีกครั้ง เกราะรบของข้าก็เริ่มต้านรับไม่ไหว และเมื่อสบายไปข้าก็ถูกงับเข้าที่หัวทันที ถึงตอนนี้ต่อให้เป็เทพเทวดาก็ช่วยไม่ได้แล้วกลิ่นคาวคลุ้งเหม็นลอยออกมาจากปาก มันอาจจะคิดได้ว่าถึงแม้ตัวจะตายแต่อย่างไรก็ต้องกินข้าให้ได้
“เข้ามาเลย!”หมัดทั้งสองข้างที่อัดแน่นด้วยพลังสายฟ้าซัดเข้าที่ปากของมันถึงสองครั้งโดยพลังส่วนใหญ่จะมาจากอาวุธิญญาระดับดาวอย่างปลอกแขนทองแดงในที่สุดก็แสดงพลังออกมาในยามคับขันสักที
ตอนนี้พลังิญญาแผ่ซ่านออกมาไม่ขาดสายสิ่งที่ติดขัดอยู่ในใจกำลังจะแตกสลายเพราะพลังิญญาและลมปราณในร่างกายพุ่งเข้ากระทบจินตานระดับหกก้อนนั้นใกล้จะสลายในไม่ช้า!
“เข้ามา!”
กรงเล็บอันคมกริบกดทับจนเกราะรบแตกออกและทิ้งาแร้อนๆ ไว้ที่เอว ข้าไม่รู้ว่ามันลึกแค่ไหนรู้เพียงอย่างเดียวว่าเจ็บจนแทบจะขาดใจ
ข้ารับรู้ได้ถึงเส้นลมปราณที่ร้อนระอุที่รอการปะทุ!
แกร๊ก!
จินตานระดับหกสลายไปหมดแล้ว!
พลังิญญาที่แข็งแกร่งได้ทะลุทะลวงเพื่อเติมเต็มส่วนที่ปิดกั้นของร่างกายและเมื่อจินตานแตกสลาย การบำเพ็ญจึงบรรลุด้วยเช่นกัน
ขั้นประกายจิตระดับต้นบรรลุ!
ขั้นประกายจิตระดับกลางบรรลุ!
ขั้นประกายจิตระดับสมบูรณ์บรรลุ!
ขั้นประกายจิตระดับเซียนบรรลุอีกแล้ว!
…
เพียงไม่ถึงเสี้ยวนาทีข้าบรรลุไปแล้วถึงสี่ระดับ และก้าวข้ามขั้นประกายจิตสู่ขั้น์ในระดับต้นเทียบเท่ากับตั้นไถเหยาและถังเชวียหราน
“ฮะ?” ตั้นไถเหยาและถังเชวียหรานตะลึงงัน
จังหวะนี้เองเสียงจากกระบี่เพลิงกัลป์ที่ฟาดฟันคอของัดินหลังเหล็กจนขาดและร่วงหล่นสู่พื้นคนที่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนั้นคงมีแต่ซูเหยียนเท่านั้นแหละ
เมื่อส่วนหัวขาดออกจากลำตัวเืก็พุ่งกระฉูดออกมาจากรอยแผล ร่างกายของข้าร้อนขึ้นจากเืที่ตกกระทบดูเหมือนว่าเืของมันจะดีต่อาแอยู่ไม่น้อยแม้ในตอนที่กลืนเืนั้นเข้าไปพลังิญญาก็เริ่มร้อนรุ่มและสลายความเ็ปได้ดีระดับหนึ่ง
“เ้ายังไม่ตายใช่ไหม ปู้อี้เชวียน?” ซูเหยียนพุ่งเข้ามาอย่างทุลักทุเลก่อนจะยกเอาหัวของข้าไปหนุนอยู่บนขาขาวๆของนาง
ข้าสำลักออกมาหลายครั้งแล้วพูดน้ำเสียงแ่เบาด้วยอาการเวียนหัว“ซูเหยียน...ข้าทำให้เสื้อของเ้าเปื้อน...”
“ไม่เป็ไรๆ ...” นางพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม และน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม“เ้าไม่ตายก็ดีแล้ว...”
ตั้นไถเหยาเดินออกมาข้างหน้าแล้วพูดแนะ“ตอนนี้ยังไม่ตายก็จริง แต่คงจะใกล้แล้วล่ะที่เอวมีแผลเหวอะหวะจนแทบจะเห็นซี่โครงกับหัวใจแล้วรีบพยุงไปให้หลิวถงเอ๋อร์รักษาก่อนเถอะ”
“อืม!”
รักษา? ข้าทำสีหน้ามึนงงจึงถามเพื่อความแน่ใจ “หลิวถงเอ๋อร์เป็หมอเหรอ?”
“ไม่ใช่”
ซูเหยียนพยุงข้ามานั่งบ้างๆขอนไม้ก่อนจะพูดขึ้น “ถงเอ๋อร์เป็ผู้มีพร์ถึงสองอย่าง หนึ่งคือการป้องกันและสองก็คือการรักษา น้ำลายของนางสามารถรักษาอาการาเ็ถึงขั้นช่วยคนให้รอดพ้นจากความตายได้เลยล่ะ”
“ฮะ?”
ในขณะที่ข้ายังตะลึงไม่หายตั้นไถเหยาก็เข้ามาฉีกชายเสื้อของข้าออก เผยให้เห็นาแที่น่ากลัวความยาวจากหน้าอกไปถึงเอวกว่ายี่สิบเิเ หากไม่ห้ามเืหรือกดแผลเอาไว้ไส้อาจไหลออกมาพร้อมกับเืก็เป็ได้ แม้จะเจ็บแต่ต้องกัดฟันเอาไว้ “ตั้นไถเหยาเ้าเบามือหน่อยสิ...”
“ถงเอ๋อร์ พอได้ไหม?” นางไม่ได้สนใจข้าแต่หันไปถามหลิวถงเอ๋อร์แทน
หลิวถงเอ๋อร์เม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้า“น่าจะได้ แต่ข้าว่า...พวกเ้าหันไปทางอื่นก่อนดีกว่า”
“อืม!”
ทั้งสามคนหันกลับไปมองร่างของัดินหลังเหล็กที่นอนแน่นิ่ง
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่พูดมาจะเป็จริงเมื่อข้าเริ่มรู้สึกว่าาแมันสมานตัวขึ้นมาแล้ว
เวลาผ่านไปห้านาทีเต็มๆหลิวถงเอ๋อร์จึงเงยหน้าขึ้นพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะกลืนเืที่ติดอยู่บนลิ้นลงไป“เ้าดีขึ้นหรือยัง ปู้อี้เชวียน?”
“อืม ขอบใจเ้ามาก”
“พวกเราต่างก็เป็เพื่อนร่วมการเดินทาง ไม่เป็ไร”
“อืม!”
ข้าลุกขึ้นอย่างโงนเงนซูเหยียนจึงถลาเขามาหิ้วปีกพยุงข้าไว้
ไม่นานเม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นบนตัวของหญิงสาวแต่กลับไม่ทำให้ความหอมของนางลดลงไปเลย
ขณะที่หลี่สวินและคนอื่นๆต่างเข้ามายืนมองรอบๆ ัดินหลังเหล็กตัวนั้น
“อะไร พวกเ้าคิดจะแย่งคะแนนของพวกข้าไปหรือไง?” ถังเชวียหรานถามขึ้นเสียงเรียบ
หลี่สวินที่ได้รับาเ็สาหัสเอามือกุมหน้าอกพูดอย่างเว้าวอน“ซูเหยียนเ้าก็เห็นว่าพวกเราาเ็ไม่น้อยจากการต่อสู้กับเ้าัดินหลังเหล็กตัวนี้เ้าจะไม่แบ่งคะแนนให้พวกเราสักหน่อยหรือ?”
ซูเหยียนมองตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย“พวกเ้าแค่ทำในสิ่งที่เกินแก่พลังตัวเองเท่านั้น เ้าัดินหลังเหล็กตัวนี้ั้แ่หัวจรดเท้าล้วนเป็ฝีมือของกลุ่มที่หนึ่งอย่างพวกเราทั้งสิ้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเ้าเลยสักนิด แบบนี้ยังจะมีหน้ามาถามหาส่วนแบ่งอีกเหรอ?”
“เ้า!”
หลี่สวินมองมาอย่างเยือกเย็นก่อนจะพูดต่อ“ซูเหยียน เ้าทำแบบนี้มันเป็การรังแกคนด้วยอำนาจชัดๆ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ซูเหยียนผายมือเพื่อเรียกกระบี่เพลิงกัลป์ออกมาแล้วตัดเขาทั้งสองข้างออก“ถงเอ๋อร์ เก็บเขาัดินนี่ไว้ดีๆ เพราะมันเป็หลักฐานว่าพวกเราเป็คนฆ่าเอง”
“ทำแบบนี้มันเอาเปรียบกันชัดๆ!” ศิษย์ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความโมโห“จริงๆ แล้วของแบบนี้มันควรจะแบ่งให้คนที่เห็นส่วนหนึ่งด้วยซ้ำทั้งพวกพวกเรายังเข้าร่วมการต่อสู้เหมือนกัน พวกเ้าทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือไง?”
ซูเหยียนยืดอกก่อนจะพูดขึ้น“ไม่ยอมอย่างนั้นเหรอ? หรือพวกเ้าลืมเื่เม่นหนามไปแล้วว่าตัวเองพูดว่าอย่างไรพวกข้าได้ไปแย่งของพวกเ้ามาหรือเปล่า?”
“แต่ว่า...หลี่สวินถึงกับไปไม่ถูก
ข้ากระแอมแล้วพูดเสริม“ซูเหยียน ข้าว่าแบ่งเนื้อหรือเกล็ดให้พวกเขาสักหน่อยก็ดีนะ”
“ไม่แบ่ง แม้แต่ขนสักเส้นพวกเ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ไป!”
ซูเหยียนบันดาลโทสะ“ทำไมพวกข้าจะต้องทำงานร่วมกับคนที่มักมากไม่รู้จักพออย่างพวกเ้า? ข้าไม่ทำ! ถ้าแน่จริงก็เข้ามาสิข้าอยากรู้เหมือนกันว่าใครจะสู้กับกระบี่เพลิงกัลป์เล่มนี้ได้!”
ขณะกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเสียงหนึ่งก็ดังลอยมาจากฟ้า “เฮอะ ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักจิงอิงปากดีไม่เบานี่!”
กลิ่นอายอันแข็งแกร่งลอยลงมาจากฟากฟ้าเผยให้เห็นอาจารย์ระดับสูงของสำนักหมื่นิญญาลอยลงเหยียบบนพื้นด้วยพลังของวิชาลมหายใจัในขั้นที่เจ็ดเขาเอามือไพล่หลังก่อนจะพูดขึ้น “ซูเหยียน เ้าทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือไง?”
หลี่สวินและหวังอี้รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“อาจารย์ไป๋ชง”
ไป๋ชงเผยมือขึ้นแล้วหรี่ตาลง“ในเมื่อคุณหนูทั้งสองเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยดังนั้นจะต้องแบ่งผลงานกันอย่างเท่าเทียม นี่เป็กฎของทางสำนักและน้ำใจของศิษย์ที่ควรจะมี”
ซูเหยียนพูดขึ้นเสียงเรียบ“แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ?”
ไป๋ชงกระตุกยิ้ม“เ้าเป็เพียงศิษย์คนหนึ่งของสำนักถึงแม้จะเป็ลูกสาวของท่านเสนาบดีก็น่าจะรู้จักเคารพอาจารย์ใช่ไหม? เพราะถ้าเื่นี้ดังไปถึงหูทางสหพันธ์จะหาว่าข้าทำเกินเหตุทีหลังไม่ได้นะ”
ซูเหยียนหัวเราะอย่างอดใจไม่ไหว“พูดแบบนี้ก็หมายความว่าท่านจะร่วมมือกับศิษย์ของตัวเองมารังแกพวกข้าอย่างสินะ?”
ไป๋ชงวาดมือลงบนพื้นก่อนจะเผยให้เห็นพลังิญญาเป็ลำแสงสีน้ำเงินแผ่ซ่านออกมาเป็วงกว้างพลังแข็งแกร่งเกินกว่าที่ซูเหยียนจะต้านไหว ทั้งตอนนี้นางยังาเ็อีกต่างหาก!
…
ตูม!
ร่างของใครบางคนลอยลงมาจากฟ้าพร้อมกับพลังไฟที่แข็งกล้าฝ่ามือทั้งสองลุกโชนด้วยเปลวเพลิงอันร้อนระอุริมฝีปากแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างเอาเื่“แบบนี้ก็แสดงว่าท่านไป๋ชงกำลังจะรังแกศิษย์ของข้าอีกคนสินะ?”
อาจารย์หลงอี้นึกไม่ถึงว่าเขาก็มาเหมือนกัน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้