ราชวงศ์เหยียน ณ แคว้นเฟิ่งเทียน ่ปลายปีที่ 36
เรือสำราญที่ดูโอ่อ่ากำลังล่องไปตามแม่น้ำไหวเหอ ซึ่งเป็แม่น้ำที่ไหลรอบเมืองหลวงอย่างช้าๆ ตามมุมชายคาของเรือประดับไปด้วยโคมแดงที่ทำจากคริสตัล เสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีดังไพเราะไม่ขาดสาย
ภายในห้องชั้นสามบนเรือ มีหญิงสาวในชุดนางรำที่มิได้ปกปิดเรือนร่างอันสวยงามของนางแม้แต่น้อย ส่วนใบหน้าถูกบดบังไว้ด้วยผ้าผืนบาง ซึ่งเผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่สวย กระนั้นก็มิอาจบดบังความงามได้เลย
นางมองมีดสั้นที่ซ่อนไว้ภายในแขนเสื้อ โดยมิอาจซ่อนความตื่นตระหนกได้ ทันใดนั้นบานประตูก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับชายหนุ่มที่มีรูปโฉมหล่อเหลาเดินเข้ามา
“อีเอ๋อร์”
“พี่เยวี่ย”
ฉู่ชิงอีตรงเข้าไปกอดคนตรงหน้า พร้อมส่งสายตาหวานซึ้งให้ชายหนุ่ม
“อีเอ๋อร์ เ้าพร้อมหรือยัง?” ตู้ิเยวี่ยมองสาวงามในอ้อมกอดก็ตกตะลึงในความงดงามของนาง ปกติยามอยู่วัง นางมักสวมชุดและใช้ปิ่นปักผมเรียบๆ ดูแล้วน่าสงสาร พอนานเข้าก็เกิดรู้สึกเบื่อ แต่วันนี้นางในชุดนางรำหอนางโลมกลับดูเปล่งประกายต่างไปจากเดิม
ช่างน่าเสียดาย หญิงสาวที่งดงามเช่นนี้กลับต้องถูกคนอื่นเชยชม!
ฉู่ชิงอีกัดริมฝีปาก พร้อมกับแสดงสีหน้าลังเล “พี่เยวี่ย ข้ากลัว...”
ตู้ิเยวี่ยเห็นนางเริ่มมีทีท่าขี้ขลาด ยามนั้นราวกับกองไฟที่โดนสาดด้วยน้ำเย็น ควันที่ลอยฟุ้งอยู่เต็มอกแปรเปลี่ยนเป็ความรำคาญ “เ้าทำไม่ลงงั้นหรือ? นั่นสินะ เซียวเจวี๋ยทรงเป็ถึงเทพาแห่งราชวงศ์เหยียน แถมฝ่าายังทรงแต่งตั้งให้เป็ถึง ‘เซ่อเจิ้งอ๋อง[1]’ คอยช่วยเหลือฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่จะขึ้นครองบัลลังก์ ข้ามันก็แค่บุตรของอัครมหาเสนาบดีจะไปเทียบอะไรได้เล่า!”
ฉู่ชิงอีได้ยินดังนั้นก็รีบตอบกลับ “ข้าเปล่า! พี่เยวี่ย ท่านเชื่อข้านะ! ชั่วชีวิตนี้คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วยมีเพียงท่าน! เสด็จพ่อไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา ข้าเคยทูลเสด็จพ่อแล้วว่าข้าจะไม่แต่งงานกับเซียวเจวี๋ย แต่เสด็จพ่อไม่ทรงฟังข้าสักนิด!”
“เฮ้อ หากข้าไม่ได้เป็บุตรของอัครมหาเสนาบดี หากท่านอาข้าไม่ได้ขึ้นเป็ฮองเฮาต่อจากฮองเฮาองค์ก่อน ฝ่าาก็คงไม่ทรงพรากคนรักออกจากกันเช่นนี้” ตู้ิเยวี่ยแสดงท่าทางเ็ปใจ “แต่อีเอ๋อร์ เ้าต้องเชื่อข้า! ขอแค่ฆ่าเซียวเจวี๋ยได้ ข้าก็จะไปกับเ้าได้ เดินทางไปยังที่ไกลแสนไกล หลีกหนีเื่ราววุ่นวายนี้”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าเซียวเจวี๋ยเป็คนยากจะคาดเดา แล้วขะ ข้าจะฆ่าเขาได้จริงหรือ?”
ตู้ิเยวี่ยมีสีหน้าเบื่อหน่าย เขาพยายามข่มอารมณ์ไว้ แล้วพูดต่อ “เ้าวางใจเถอะ หลายปีก่อนเซียวเจวี๋ยได้รับาเ็จากา วิทยายุทธ์ถดถอยลงมาก ยิ่งกว่านั้นข้าสั่งให้คนวางยาในเหล้าของเขาแล้ว แค่รอยามที่เ้ากับเขากำลังมีความสุขกัน อาศัยจังหวะนั้นเอามีดแทงเขาซะ! ต้องแทงให้โดนภายในครั้งเดียว!”
“ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
นี่เขาจะให้นางเสียตัวให้คนอื่นงั้นหรือ?
สีหน้าของนางซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้จากปากของตู้ิเยวี่ย
ตู้ิเยวี่ยเห็นนางน้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้ ทำให้ความอดทนของเขาหมดลง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ไยดี “ข้าไม่ถือสาเื่ที่เ้าโดนคนอื่นย่ำยีหรอกน่า เ้ายังกังวลอะไรอีก? เอาล่ะ งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เ้ารีบเตรียมตัวซะ!”
“ไม่!” ฉู่ชิงอีอึ้งมองเขา “ท่านไม่ใช่พี่เยวี่ยที่ข้ารู้จัก พี่เยวี่ยที่ข้ารู้จักไม่มีทางทำแบบนี้กับข้า! ข้าจะกลับวัง ข้า...อื้อ...”
ฉู่ชิงอีเดินได้เพียงสองก้าวก็ถูกตู้ิเยวี่ยปิดปากและลากตัวกลับเข้าไปข้างใน เขากระแอมสองสามครั้ง องครักษ์ด้านนอกก็รีบเข้ามากดแขนกดขานางไว้ทันที
“เอายาให้นางกินซะ!” ตู้ิเยวี่ยทิ้งภาพลักษณ์เก่าไปอย่างสิ้นเชิง เขาจับจ้ององครักษ์ที่กำลังเอายากรอกปากฉู่ชิงอีและบังคับให้นางกลืนมันลงไปด้วยสีหน้าโเี้
“แคก แคก แคก ท่าน นี่ท่านเอายาอะไรให้ข้ากิน!” นางหน้าซีดมองไปยังชายหนุ่ม
ตู้ิเยวี่ยแสยะยิ้ม “เ้ากลัวไม่ใช่หรือ? นี่ข้ากำลังช่วยเ้าอยู่นะ! อีกเดี๋ยวเซียวเจวี๋ยก็จะมาถึงแล้ว เ้าจะอยากพุ่งเข้าหาเขาทันทีเชียวล่ะ!”
“ท่าน นี่ท่านกล้า...ไม่นะ! ปล่อยข้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
“เอะอะน่ารำคาญ ทำให้นางเงียบซะ!”
“นี่!”
หนึ่งในนั้นเอาปลอกกระบี่กระแทกไปที่หลังคอฉู่ชิงอี ภาพที่นางมองเห็นก็มืดลง แล้วท้ายทอยของนางกระแทกเข้ากับมุมเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะล้มลงไปที่พื้น
“เร่งมือเข้า เอานางไปไว้ใต้เตียง”
ตู้ิเยวี่ยสั่งการเสร็จก็รีบพาคนออกไป ไม่แม้แต่จะเหลียวมองนาง ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าผมดำสนิทของหญิงสาวใต้เตียงนั้นถูกย้อมด้วยเืสีแดงฉาน บัดนี้ นางได้สิ้นลมไปเสียแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงเพลงบรรเลงบนเรือก็พลันหยุดลง เสียงฝีเท้ามากมายดังมาจากด้านนอก กลุ่มคนชุดดำประคองชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในห้อง
ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงจะโดนสูบหายไปหมด
“เ้าพวกเลวทรามนั่นบังอาจนัก กล้าดียังไงมาวางยาพิษในเหล้า!” องครักษ์หลิงเฟิงพูดอย่างมีน้ำโห
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเ็า แม้จะโดนพิษเล่นงาน แต่น้ำเสียงก็ยังคงเรียบเฉยเช่นเคย “จับกุมทุกคนบนเรือลำนี้ อย่าให้ใครหนีรอดไปได้”
“ท่านอ๋อง[2]แล้วท่าน...”
“แค่พิษของหร่วนกู่ส่าน[3] ข้าเดินลมปราณขจัดพิษได้ เ้าพาคนไปเถอะ ถ้าข้าไม่ได้สั่ง ห้ามเข้ามาเป็อันขาด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลิงเฟิงรับคำสั่งและรีบนำคนออกไปจากห้อง
ทว่า ร่างของฉู่ชิงอีที่หมดลมหายใจไปแล้วนั้น จู่ๆ ก็ขยับกาย
ภายในความมืด ดวงตาคู่สวยพลันลืมตาขึ้น แววตาคู่นั้นทอประกายระยิบระยับแลดูน่าหลงใหล
พื้นที่ที่แสนคับแคบจนรู้สึกอึดอัด นางยื่นมือออกไปก็ััโดนเข้ากับแผ่นพื้นเตียง ถึงได้แน่ใจทันทีว่านางกำลังอยู่ที่ไห
นางเลิกหางคิ้วขึ้น เฮอะ เ้าบ้าที่ไหนบังอาจเอานางมายัดไว้ใต้เตียงกันฮะ?
ขณะที่นางกำลังอ้าปาก ก็รู้สึกได้ถึงความแห้งผากภายในปาก ร่างกายนี้เหมือนกับถูกความร้อนจากูเาไฟในขุมนรกชั้นที่สิบหกแผดเผาอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ทรมานจนพูดไม่ออก บวกกับความเ็ปหนักๆ ที่ท้ายทอยจนแทบทนไม่ไหว
ความทรงจำมากมายประดังเข้ามาภายในหัวของนาง
นางสะบัดหัวอย่างแรง พร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ ในที่สุดก็ได้ ‘ขึ้นมา’ ทั้งที คิดว่าจะได้ร่างดีๆ เสียอีก ดันได้ร่างที่โดนคนวางยาปลุกกำหนัดเนี่ยนะ?
ฤทธิ์ยานี่...ท่าจะแรงไม่เบา
ยามนี้นางรู้สึกราวกับมีมดไต่ไปทั่วร่างกาย มันทั้งอัดอั้น และเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจบรรยายได้
“นั่นใคร!” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจาก้า
เสียงหึ่งดังขึ้นในหัวของชิงอี ภายใต้การควบคุมของฤทธิ์ยา ทำให้นางคลานออกมาจากใต้เตียง
ั์ตาของนางสะท้อนใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับภาพที่ถูกวาดขึ้นอย่างประณีต ใบหน้าของเขาขาวซีดดูอ่อนแรง ชุดสีขาวสะอาดตาที่เขาสวมใส่นั้นไร้ซึ่งฝุ่นผง ความเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขาช่างเย็นะเืและดูห่างเหินราวกับคมกระบี่ต้องหิมะ
ดวงตาคู่คมคล้ายดอกท้อหรี่ตาลง ั์ตาสีดำสนิทราวกับหมึกดูล้ำลึกยากหยั่งถึง แค่มองเพียงครู่เดียวก็ราวกับว่าิญญาถูกดูดเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
รูปโฉมที่งดงามยิ่งกว่าผลงานศิลปะชั้นสูง เรียกได้ว่าเกินบรรยาย
ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนเขาไม่สามารถขยับตัวได้ ชิงอีที่มีสภาพไม่ต่างจากผีโผล่ออกมาจากใต้เตียง ชายหนุ่มกลับทำได้แค่จ้องมองนิ่งๆ มากสุดคือหรี่ตาลงเล็กน้อย จนบัดนี้แม้แต่จังหวะลมหายใจของเขาก็แทบไม่ต่างไปจากเดิมเลยสักนิด มันกลับสงบเสียจนทำให้ผู้คนอยากจะเห็นเขากระวนกระวาย
ใบหน้าของชิงอียังคงถูกผ้าคลุมปิดไว้ ผิวสีชมพูระเรื่อที่โผล่พ้นผ้าคลุมช่างล่อตาล่อใจยิ่งนัก เพียงเสี้ยวหน้าก็รับรู้ถึงความงามที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า ทว่า แววตาของนางกลับเย็นะเืและเต็มไปด้วยความทะนง สายตาค่อยๆ สำรวจใบหน้า และร่างกายของเขา ั้แ่หัวจรดเท้าราวกับตรวจสอบสินค้า จากการสำรวจดูท่าว่าชายหนุ่มน่าจะเป็คนชนชั้นสูงทีเดียว ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ นางถึงเอ่ยปากขึ้น “รูปร่างหน้าตาไม่เลว พอให้ข้าฝืนใจร่วมเตียงด้วยได้”
****************************
[1] เซ่อเจิ้งอ๋อง หมายถึง ตำแหน่งของอ๋องที่ทำหน้าที่เป็ผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ได้ โดยมากเป็องค์ชายหรือเครือญาติของฮ่องเต้
[2] อ๋อง หมายถึง บรรดาศักดิ์ชั้นพิเศษ ‘อ๋อง’ หรือที่รู้จักกันว่า ‘หวัง’ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งอ๋องโดยมากเป็พระโอรส พระเชษฐา หรือพระอนุชาของฮ่องเต้
[3] หร่วนกู่ส่าน หมายถึง ชื่อตำรับยาพิษที่ใช้ในนิยายจีนโบราณ คนที่โดนพิษนี้จะทำให้ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เป็คนละอย่างกับตำรับยาหร่วนกู่ส่านที่ใช้ในปัจจุบัน