หลังจากที่จัดการชายหนุ่มห้าคนนั้นไปแล้ว จื่อต้าหลงจึงเลือกที่จะเดินไปยังศาลาชมจันทร์ ที่นั่นมีผู้คนไม่มากนัก เขาหยิบสุราเมฆแดงขึ้นมาดื่ม พร้อมกับชื่นชมจันทร์อย่างสบายใจ บัดนี้เด็กหนุ่มกลายเป็ขี้เมาไปแล้ว ผ่านไปชั่วครู่เขาก็ได้ยินสุ้มเสียงไพเราะแฝงความเ็าดังขึ้นมา
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ… นายน้อยจื่อ ฝ่ามือัม่วงแข็งแกร่งอย่างที่เค้าเล่าลือกันจริงๆ ข้าได้แต่นับถือแล้ว”
จื่อต้าหลงหันกลับไปมองยังต้นเสียงก็พบเข้ากับดรุณีน้อยโฉมงามล่มเมือง
‘จิ้งจอกน้อย? หลิวสุ่ยเยว่? นางมาที่นี่ได้อย่างไร?’
“เป็ท่านเองหรือ? แม่นางหลิว” จื่อต้าหลงกล่าวทักทาย
“ตอนที่ท่านประมือกับข้าใยมิใช้ฝ่ามือัม่วงออกมา” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวเสียงเรียบ นางจ้องหน้าจื่อต้าหลงอย่างเ็า ราวกับกำลังโกรธ
“ท่านเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยหรือ… มิใช่ว่าข้าไม่ใช้ ในตอนที่ประมือกับท่านข้ายังไม่ได้ฝึกฝ่ามือัม่วงเลยด้วยซ้ำ” จื่อต้าหลงตอบตามจริง
“เป็เช่นนี้เอง…” นางตอบเสียงเรียบ น้ำเสียงอ่อนความเ็าลงไปหลายระดับ
“ดื่มสักหน่อยไหม?” จื่อต้าหลงยื่นส่งสุราเมฆแดงให้หลิวสุ่ยเยว่ “ข้ามีจอกให้ท่านด้วยนะ” จื่อต้าหลงกล่าวกับพร้อมหยิบจอกสุราออกมาอีกใบ
“ไม่ดี…. ข้ามิอาจดื่มได้ ข้ารู้มาว่า การดื่มสุรามิใช่เื่เหมาะสมสำหรับอิสตรีนัก แถมข้าก็ยังอายุยังไม่ถึงด้วย ท่านพ่อยังไม่อนุญาตให้ข้าดื่ม” หลิวสุ่ยเยว่ตอบ
“สุราดีหรือไม่….หาได้อยู่ที่ตัวมัน… กลับอยู่ที่ท่านดื่มมันเวลาใดต่างหาก…” จื่อต้าหลงกล่าวเสียงเรียบ
“…..!!” หลิวสุ่ยเยว่มิอาจเข้าใจที่เด็กหนุ่มกล่าวได้เพราะนางไม่เคยดื่มสุรา
“…..คืนนี้พระจันทร์ช่างสวยงามยิ่งนัก” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวเบาๆ
จื่อต้าหลงหันมามองหน้าหลิวสุ่ยเยว่พร้อมกับกล่าวยิ้มๆว่า “ใช่พระจันทร์สวยจริงๆโดยเฉพาะคืนนี้… ช่างงดงามยิ่งนัก…”
……บรรยากาศในตอนนี้สำหรับจื่อต้าหลงช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ดื่มสุราชมจันทร์กับหญิงงาม ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับบรรยากาศ หลิวสุ่ยเยว่เองก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองต่างยืนชมจันทร์ด้วยกันเงียบๆ เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ ไม่ทราบว่านานเท่าใดแล้ว
“นี่ก็ดึกมากแล้ว… ข้าขอลาก่อน นายน้อยจื่อ” หลิวสุ่ยเยว่กล่าว
“ใช่ดึกมากแล้วจริงๆ ล่าก่อนแม่นางหลิว” จื่อต้าหลงตอบโดยที่ไม่หันมามอง สายตาของเด็กหนุ่มยังจดจ้องอยู่ที่ดวงจันทร์
หลังจากหลิวสุ่ยเยว่กล่าวจบนางก็แยกตัวจากไป….
จื่อต้าหลงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ในมือยกสุราขึ้นมาดื่ม
“ฮ่าาา!! ….อึ้ก!!”
“วันนี้ช่างเป็วันดียิ่งนัก” เด็กหนุ่มรำพึงนึกถึงเื่ราวต่างๆมากมาย จนในหัวเริ่มว่างเปล่า เหลือแต่ เขากับสุราและก็พระจันทร์….
“ข้าเองก็ควรกลับได้แล้ว” จื่อต้าหลงโคจรลมปราณขับไล่ความเมาลงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับที่พักไป….
ที่สำนักปลาทอง เหล่าศิษย์มากมายต่างขยันขันแข็งฝึกฝนพลังฝีมืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การแข่งขันของที่นี่อยู่ในระดับสูงยิ่ง โดยทั่วไปแล้ว ศิษย์สายนอก จะมีระดับลมปราณก่อเกิดระดับต้น ศิษย์สายในจะมีระดับลมปราณก่อเกิดระดับกลาง และศิษย์หลักจะมีระดับลมปราณก่อเกิดขั้นปลาย
เช้านี้จื่อต้าหลงที่ได้เลื่อนเป็ศิษย์สายในแล้ว ได้กลับมายังหอตำรา ศิษย์ที่ได้เลื่อนระดับ จะมีสิทธิเข้าหอตำราอีกหนึ่งครั้ง เพื่อเลือกวิชาไปฝึกฝน จื่อต้าหลงยื่นตราประจำศิษย์สายในให้แก่ผู้าุโตรวจสอบ จากนั้นจึงขึ้นไปยังชั้นสอง ที่ชั้นสองตำราต่างๆน้อยกว่าชั้นที่หนึ่งอยู่บ้าง จื่อต้าหลงหาอยู่นานก็เจอ เคล็ดวิชาเกราะกายาขั้นกลาง เขามาเพื่อสิ่งนี้แหละ
เมื่อได้สิ่งที่้ามาแล้ว เด็กหนุ่มจึงยื่นตำราให้ผู้าุโหอตำราตรวจสอบ จากนั้นจึงนำมันกลับไปฝึกฝน
“เ้าหนูนั่นยังเลือกฝึกเคล็ดกายาอยู่อีกงั้นรึ? ไม่บ่อยนักที่จะมีคนตั้งมั่นถึงเพียงนี้” ผู้าุโคิด ชายชราเห็นศิษย์มากมายที่เลือกฝึกวิชาเกราะกายา แต่ทั้งหมดล้วนล้มเหลวั้แ่ขั้นต้นจึงถอดใจเลิกฝึกไป
จื่อต้าหลงอ่านตำราจนจบเล่ม วิธีฝึกนั้นยังคงเหมือนเดิม นั่นคือแช่สมุนไพรพร้อมกับโคจรลมปราณวิชาเกราะกายาเพื่อหล่อหลอมร่างกายให้แข็งแกร่ง เื่สมุนไพรนั้นไม่ต้องห่วง ทางตระกูลเขาสามารถจัดหามาให้ได้ สิ่งที่ยากคือการลงไปแช่สมุนไพรพร้อมโคจรพลังตามเคล็ดวิชาต่างหาก ความเ็ปในการแช่อยู่ในน้ำสมุนไพรนั้นยากที่เหล่ารุ่นเยาว์จะทานทนได้
จื่อต้าหลงไม่รอช้า เมื่อกลับมาถึงตระกูลเด็กหนุ่มก็เข้าไปเบิกสมุนไพรกับจื่อเทียนหลางทันที จากนั้นจึงนำมันมาปรุงตามสูตร สมุนไพรรอบนี้มีด้วยกันเกือบสิบชนิด ราคาของมันนั้นสูงเสียดฟ้า มีเพียงตระกูลใหญ่เท่านั้นที่มีกำลังสามารถจัดหามาได้ครบ เด็กหนุ่มใส่สมุนไพรทั้งหมดลงไปในถังไม้ตามลำดับ ไม่นานน้ำในถังก็เดือดปุดๆ เห็นแล้วชวนสยองขวัญยิ่งนัก เขาลองเอามือจุ่มลงไปเพื่อทดสอบดู
“อ๊ากกก!! เจ็บโว้ยยย!!”
จื่อต้าหลงกรีดร้องเสียงหลง นี่เพียงแค่ทดสอบเบาๆเท่านั้น หากลงไปแช่ทั้งตัวเขาคงได้ทรมานมากกว่านี้แน่ แต่ในเมื่อจิตใจตั้งมั่นแล้วเขาก็ไม่ยอมแพ้ จื่อต้าหลงลงไปแช่น้ำสมุนไพร พร้อมโคจร เคล็ดวิชาเกราะกายา เขากัดฟันแน่นจนเส้นเืปูดโปน ขณะนี้เด็กหนุ่มรู้สึกเ็ปไปทุกอณู ทุกรูขุมขน ร่างกายเหมือนโดนเผาไหม้ ราวกับมีแมลงนับพันชอนไชเข้าทางิั ช่างเป็การฝึกฝนที่ทรมานยิ่งนัก!
จื่อต้าหลงต้องแช่น้ำสมุนไพรบ้าๆนี่กว่าครึ่งค่อนวันตามที่ตำราเขียนบอกไว้ แต่เขาก็ััได้ว่าในแต่ละวันนั้น ร่างกายเขาค่อยๆแข็งแกร่งและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้เขาอายุสิบสี่ปี ถือได้ว่าเป็หนุ่มน้อยแล้ว ส่วนสูงเองก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ร่างกายก็เริ่มกำยำมีกล้ามเนื้อขึ้นมาให้เห็นได้ชัดบ้างแล้ว พลังลมปราณเองก็เลื่อนระดับจากปราณก่อเกิดขั้นที่เจ็ดเป็ขั้นที่แปด!
่หลายเดือนมานี้เขาเอาแต่ฝึกวิชา พลังสู้รบโดยรวมของเขาพัฒนาไปก้าวใหญ่ วิชาเกราะกายา และเคล็ดัม่วง ก็มาถึงขั้นกลางแล้ว ส่วนท่าร่างัม่วงไปถึงระดับห้า ่เช้าถึงเย็นฝึกวิชา พอตกค่ำไปดื่มอาหารร่ำสุรากับเฉิงไฉเซียว ทั้งสองหนุ่มบัดนี้ซี้กันย่ำปึ้ก ตอนนี้พวกเขาเป็ลูกค้าชั้นเลิศของโรงเตี๊ยมเมฆแดงไปแล้ว
เฉิงไฉเซียวเองหลังจากได้ทำภารกิจต่างๆรับรางวัลมากมาย ตอนนี้เขาก็ได้เข้าสู่ ลมปราณก่อเกิดขั้นที่หกแล้ว อีกเพียงก้าวเดียว เขาก็จะเข้าสู่ลมปราณก่อเกิดขั้นสูง มีสิทธิเป็ศิษย์หลักได้แล้ว ศิษย์หลักของสำนักปลาทอง รวมๆแล้วมีประมาณ หนึ่งพันคนจากศิษย์มากมายนับแสนของสำนักปลาทอง
ณ โรงเตี๊ยมเมฆแดง
“ข้าได้ยินมาว่า หลิวสุ่ยเยว่ เซ่อเฉิงซาน และลวี่เหริน ได้เข้าเป็ศิษย์หลักกันแล้ว เวลาเพียงหนึ่งปีพวกเขาพัฒนาไปไกลมาก เหล่าทายาทจากตระกูลใหญ่ ต่างก็เข้าเป็ศิษย์หลักกันหมดแล้ว เหลือแต่เพียงเ้า” เฉิงไฉเซียวกล่าวยิ้มๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเราเองก็เหลืออีกแค่ก้าวเดียวเองน่า อย่างที่ท่านเคยบอก ช้าๆ ปูพื้นฐานให้แน่นก่อน” จื่อต้าหลงกล่าวท่าทางสบายๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อนที่คนอื่นได้เข้าเป็ศิษย์หลักกันหมดแล้ว
จื่อต้าหลงยังไม่ได้บอกใครว่าเขาเองนั้นได้เข้าสู่ลมปราณก่อเกิดขึ้นสูงตั้งนานแล้ว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นก็จะบรรลุชั้นลมปราณจิต ด้วยอายุเพียงสิบสี่ย่างสิบห้า แต่กลับใกล้บรรลุขั้นลมปราณจิต นี่มันเหลือเชื่อเกินไป! ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้ตราัม่วง หลายเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้ฝึกฝนพลังลมปราณพื้นฐานเลย เด็กหนุ่มเน้นฝึกวิชายุทธและประลองกับเฉิงไฉเซียวเสียส่วนมาก ประสบการณ์ด้านการต่อสู้และสัประยุทธของเขานับว่าสู่งส่งมาก
เฉิงไฉเซียวเองก็ไม่ธรรมดา แม้เขาไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ก็จริง แต่กลับสามารถไต่เต้ามาได้ขนาดนี้ ทั้งวิชายุทธ พร์ ความอดทนของเขานับว่าสูงมาก ในตอนที่ประลองยุทธด้วยพลังเท่ากันจื่อต้าหลงยังไม่เคยเอาชนะเฉิงไฉเซียวได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เฉิงไฉเซียวนับว่าเป็ยอดอัจฉริยะคนนึงเช่นกัน เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวัน คาดว่าอีกไม่นานนี้เขาคงได้เลื่อนขึ้นเป็ศิษย์หลักอย่างแน่นอน
“ต้าหลง ข้านึกแผนดีๆที่จะทำให้พวกเราเข้าเป็ศิษย์สายในได้แล้วล่ะ” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างตื่นเต้น
“แผนอะไรงั้นรึ?” จื่อต้าหลงถามอย่างสงสัย
