ด้านนอกคือท้องฟ้ายามราตรีที่เงียบสงัด แสงเทียนส่องสลัวภายในห้อง มู่หรูอี้อยู่นั่งข้างเตียง ในมือถือผ้าคอยเช็ดหน้าผากชื้นเหงื่อของหลิ่วไป๋เจ๋อ เมื่อเห็นผมสีเงินก็ทำให้นางนึกถึงใครคนหนึ่ง
“ท่านแม่”
จิ่วฟางเทียนฉีเดินมาจากด้านหลัง มู่หรูอี้รีบปาดน้ำตาออกทันที
“ไป๋เจ๋อยังไม่ฟื้นหรือขอรับ” จิ่วฟางเทียนฉีเดินเข้ามาดู
มู่หรูอี้ส่ายหน้าแล้วเอ่ยตอบ “ร่างกายเด็กคนนี้ล้ามาก ให้เขาพักผ่อนสักสองสามวันเถอะ”
“เขาจะไม่เป็อะไรจริงๆ ใช่ไหม นอนมาสามวันสามคืนติดแล้วนะขอรับ”
มู่หรูอี้มองไปยังหลิ่วไป๋เจ๋อด้วยแววตาเศร้าโศก
“ที่เทือกเขาจู่เสียเป็เช่นไรบ้าง”
จิ่วฟางเทียนฉีตอบ “หลายวันมานี้ป่าใต้พิภพสงบเงียบ แต่ข้ารู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติไป”
มู่หรูอี้ตบไหล่บุตรชาย “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จงระมัดระวังให้มากขึ้น”
จิ่วฟางเทียนฉีพยักหน้ารับคำ หันกลับไปมองหลิ่วไป๋เจ๋อและถามอย่างเป็กังวล “าแบนร่างกายไม่ร้ายแรงแล้ว เหตุใดเขาถึงยังไม่ฟื้น จะไม่เป็อะไรจริงๆ ใช่ไหมขอรับ”
มู่หรูอี้คว้าแขนบุตรชายแล้วลากออกจากห้อง “ไปกันเถอะ อยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่จำเป็ต้องกังวลหรอก”
เมื่อทั้งสองออกจากห้องไป มู่หรูอี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “เด็กคนนี้เหมือนมารดาของเขามากเหลือเกิน นอกจากรูปร่างหน้าตา แม้แต่นิสัยก็เหมือนกันมาก ข้ากลัวจริงๆ ว่าสักวันเขาจะเป็เหมือนนาง...”
จิ่วฟางเทียนฉีรู้ว่าคนที่มารดาเอ่ยถึงนั้นคือสตรีผู้ให้กำเนิดหลิ่วไป๋เจ๋อ จึงเอ่ยถามว่า “ตอนนั้นเกิดเหตุใดขึ้น ท่านไม่รู้จริงๆ หรือขอรับ”
มู่หรูอี้ส่ายหัวแล้วพูดว่า “์แสดงให้เห็นแล้วว่าคนที่ถูกเลือกนั้น ไม่อาจควบคุมชะตากรรมของตนได้เลย พวกเขาไม่มีทางเลือก”
จิ่วฟางเทียนฉีขมวดคิ้ว “ท่านหมายถึงหลิ่วไป๋เจ๋อก็จะเป็เช่นนั้น…”
มู่หรูอี้เอ่ยแทรกคำพูดของบุตรชาย “ไม่มีสิ่งใดแน่นอน ข้าเพียงหวังว่าเด็กคนนี้จะไม่เป็เช่นนั้น มิฉะนั้นชะตากรรมของเขาคงน่าสงสาร”
หลังจากทั้งสองคนจากไป ร่างของใครคนหนึ่งก็เข้าไปในห้องเงียบๆ
…
มีมือข้างหนึ่งอังใต้จมูกของหลิ่วไป๋เจ๋อเพื่อตรวจสอบ แล้วคว้าข้อมือของเขามาตรวจชีพจร ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจโล่งอก
จู่ๆ อูิโยวก็นึกขึ้นมาได้ หยิบกล่องที่มีขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากเปิดออกก็มีประกายแสงเรืองรองออกมา
“ไป๋อิงเฉ่านี้คงมีประโยชน์กับเ้า”
ขณะที่เอ่ยก็หยิบใบไม้หนึ่งในห้าใบออกมาใส่เข้าไปในปากของหลิ่วไป๋เจ๋อ นี่คือหญ้าเทวดา ทันทีที่ผิวใบัักับริมฝีปากและฟันก็กลายเป็ของเหลวกลมใส ไหลเข้าปากไป
หลังจากทำเช่นนี้อูิโยวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหนื่อยล้า จึงนอนเท้าคางอยู่ข้างเตียง มองดูใบหน้าซึ่งกำลังหลับใหลของหลิ่วไป๋เจ๋อด้วยท่าทีเหม่อลอย
เขาไม่เคยได้มองคนผู้นี้ยามหลับอย่างถี่ถ้วนเช่นนี้มาก่อน คงเป็เพราะแม้แต่ยามหลับใหลเขาก็...สงบเงียบมาก
อูิโยวใช้นิ้วชี้จิ้มแก้มอีกฝ่าย “ตื่นได้แล้ว จะนอนอีกนานแค่ไหนกัน ข้ายังอยากพาเ้าไปสังหารพวกสัตว์ร้ายอีกนะ!”
บางทีอาจเป็เพราะััที่ทำให้รู้สึกดี อูิโยวจึงจิ้มนิ้วลงไปอีกครั้ง
“เ้ากับท่านพี่หญิงรีบร้อนตกลงปลงใจโดยไม่บอกข้าเลย เ้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่าหากเจอหญิงสาวที่ดีจะให้ข้าเป็พ่อสื่อให้ นี่ข้ายังไม่ทันนำด้ายแดงขึ้นมา พวกเ้าก็หามาผูกกันเองเสียแล้ว เกินไปแล้วนะ!”
“เ้าให้ขลุ่ยดินเผากับข้า จะมีประโยชน์อะไรล่ะถ้าเล่นไม่เป็ ได้โปรดรีบตื่นขึ้นมา ตื่นมาสอนข้าเถอะ…”
อูิโยวยังคงพูดพล่าม แต่ผ่านไปไม่นานก็ผล็อยหลับ
ใกล้รุ่งสางอูิโยวพลันลืมตาขึ้นมา ะโลงจากเตียงพร้อมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้น มองไปรอบกายก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เหตุใดเขาถึงไม่ระวังจนเผลอหลับไปได้นะ โชคดีที่เมื่อคืนไม่มีใครเข้ามาเยี่ยมหลิ่วไป๋เจ๋อ ไม่อย่างนั้นหากถูกพบเข้าคงเป็เื่แน่
อูิโยวหันกลับมามองหลิ่วไป๋เจ๋อ อีกฝ่ายยังคงไม่ตื่น เขาพลันขมวดคิ้ว
“เป็เพราะข้าให้กินไป๋อิงเฉ่าน้อยไปหรือเปล่า”
อูิโยวหยิบกล่องไม้ออกมาจากแขนเสื้อโดยไม่ลังเล ในขณะที่กำลังจะเปิดกล่องก็ถูกฝ่ามือของใครคนหนึ่งทัดทานเอาไว้
“หญ้าเทวดาที่หายากเช่นนี้ไม่ควรนำมาใช้อย่างสิ้นเปลืองกับร่างกายของข้า!”
“เอ๊ะ เ้าตื่นแล้ว!”
อูิโยวรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
“เป็อย่างไรบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกไหม”
หลิ่วไป๋เจ๋อส่ายหัว “ข้าสบายดีมาก”
เขาไม่ได้โกหก ตอนนี้ร่างกายดีขึ้นมากแล้ว ซึ่งก็เป็ได้ตามคาด ไป๋อิงเฉ่าทำให้อาการเจ็บป่วยที่ซ่อนอยู่หายขาดในคืนเดียว
เมื่อเห็นว่าไป๋อิงเฉ่ามีประโยชน์ต่อหลิ่วไป๋เจ๋อ อูิโยวก็ยื่นกล่องไม้นั้นให้อีกฝ่าย
“ข้าให้เ้าทั้งหมดเลย เอาไปเถอะ หากได้รับาเ็อีกก็หยิบมากินหนึ่งใบ”
หลิ่วไป๋เจ๋อรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ไม่ได้ปฏิเสธและเก็บกล่องไม้นั้นเอาไว้ เพราะไป๋อิงเฉ่านั้นมีประโยชน์มากมาย ทว่าไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง
“เ้ามาั้แ่เมื่อใด” หลิ่วไป๋เจ๋อถาม
“เมื่อคืนนี้ ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเห็นข้าหรือรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่”
“สถานการณ์การต่อสู้ข้างนอกเป็อย่างไรบ้าง”
อูิโยวบุ้ยปากและเอ่ยว่า “เ้าเป็ถึงขนาดนี้ยังจะมากังวลเื่นี้อีก วางใจเถอะทุกอย่างเรียบร้อยดี ระยะนี้สัตว์ร้ายเ่าั้สงบมาก”
หลิ่วไป๋เจ๋อใจกระตุกวูบเมื่อได้ยิน “เงียบสงบอย่างนั้นหรือ”
ก่อนที่ทั้งสองจะได้เอ่ยอะไรต่อก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกเสียก่อน อูิโยวรีบซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้า การกระทำของเขาทำให้หลิ่วไป๋เจ๋อยกมุมปากขึ้น “เ้าซ่อนตัวเร็วมากนะ”
ประตูถูกผลักเปิดออก เป็อูิหลิงที่เดินเข้ามา ในมือมีอ่างน้ำร้อนถืออยู่ เมื่อเห็นหลิ่วไป๋เจ๋อนั่งอยู่บนเตียง อ่างน้ำในมือก็ร่วงกระทบพื้นเสียงดัง
อูิหลิงรีบโถมกายเข้าหาอ้อมกอดของหลิ่วไป๋เจ๋อ ความกังวลจากหลายวันที่ผ่านมาทำให้นางร่ำไห้
การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ทำให้หลิ่วไป๋เจ๋อรู้สึกสงสาร ในเวลาเดียวกันแก้มพลันแดงระเรื่อ “ข้าไม่เป็ไร”
อูิหลิงจับแขนเขาแน่นกว่าเดิม
“ข้าขอโท...!”
ก่อนที่หลิ่วไป๋เจ๋อจะได้เอ่ย ััอันอบอุ่นนุ่มนวลก็แตะลงบนริมฝีปาก ัันี้ส่งตรงถึงหัวใจ ทำให้หลิ่วไป๋เจ๋อผู้ซึ่งมักสงบนิ่ง เริ่มใจเต้นไม่เป็จังหวะ
อูิโยวที่ซ่อนตัวอยู่มองผ่านรอยแยกของตู้เสื้อผ้า การกระทำของอูิหลิง ทำให้น้องชายอย่างเขาแทบจะกรีดร้อง เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปาก ป้องกันไม่ให้ตัวเองส่งเสียงใดๆ ออกไป ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าช่างสวยงามจนรู้สึกปลาบปลื้มในอก อดไม่ได้ที่จะดีใจกับทั้งคู่ ทั้งยังลุ้นให้หลิ่วไป๋เจ๋อทำขั้นต่อไป ผลักนางลง ผลักนางลง ผลักท่านพี่หญิงลง...
แต่ผลลัพธ์ก็คือ...
“ิหลิง…” หลิวไป๋เจ๋อส่งเสียงออกมา เมื่ออีกฝ่ายตระหนักได้ว่าการกระทำของตนหุนหันเกินไป จึงหันหลังวิ่งออกไปด้วยความเขินอาย หลิ่วไป๋เจ๋อถูกทิ้งให้นั่งอยู่คนเดียวด้วยสีหน้างุนงง ใช่แล้ว...ยังมีคนแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้า แอบดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเบิกบานใจ
ทันทีที่อูิหลิงจากไป อูิโยวก็ะโออกมาแล้วชี้ไปยังหลิ่วไป๋เจ๋อ รู้สึกโกรธกับความไร้น้ำยาของเขา “เ้า เ้า เ้า เหตุใดเ้าถึงไม่ได้เื่เช่นนี้นะ ท่านพี่หญิงของข้าตรงไปตรงมาขนาดนี้แล้ว เ้ายังจะเป็สุภาพบุรุษไปทำไม กดนางลงไปเลยไม่ดีกว่าหรือ”
หลิ่วไป๋เจ๋อลุกขึ้นเดินไปหน้าประตู ก่อนจะหยิบอ่างน้ำบนพื้นขึ้นมา
“เ้าคนดื้อรั้น คนโง่…”
หลิ่วไป๋เจ๋อเมินคำพูดของอูิโยวแล้วเอ่ยขึ้นสามคำ “ข้าหิวแล้ว!”
“หิวก็ช่างเ้าสิ!” อูิโยวไม่อยากสนทนากับเขาอีก
“ถ้าข้าอดตาย เ้าจะไม่มีพี่เขย!”
อูิโยวหันไปมองหลิ่วไป๋เจ๋อ สีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“เ้าอยากกินอะไร” อูิโยวเอาผ้าสีดำขึ้นมาปิดหน้าอีกครั้ง “ข้าจะไปขโมยมาให้”
“ขโมยหรือ”
อูิโยวชี้ไปที่ใบหน้าของตน “ถ้าอย่างนั้นจะให้ข้าเดินไปขออย่างเปิดเผยหรือ หากพี่ใหญ่และท่านพี่หญิงมาพบ พวกเขาคงตีก้นข้าจนแยกเป็แปดส่วนแน่”
หลิ่วไป๋เจ๋อหันหลังเดินไปที่เตียง หยิบหน้ากากอันหนึ่งออกมาจากใต้เตียงแล้วมอบให้อีกฝ่าย
“เอานี่ติดตัวไปด้วย ข้าเตรียมไว้ให้เ้า”
อูิโยวรับมาวางบนใบหน้าของตนเอง ค่อนข้างพอดีเลยทีเดียว “มีความพิเศษอะไรหรือไม่”
“หน้ากากนี้เป็หน้ากากที่ผู้คุ้มกันของชิงหลิ่วถังใช้ คนภายนอกล้วนรู้จักเป็อย่างดี หากสวมใส่ คนอื่นจะได้ไม่สงสัยในตัวตนของเ้า”
อูิโยวไม่เอ่ยอะไรอีก เขาสวมหน้ากากแล้วเดินออกไป เดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาและโน้มกายไปข้างใบหูของหลิ่วไป๋เจ๋อ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงระมัดระวังราวกับคนรับใช้ว่า “ไม่ทราบว่าจุมพิตของแม่นางอูทำให้นายท่านรู้สึกอย่างไรขอรับ”
ใบหน้าของหลิ่วไป๋เจ๋อเปลี่ยนเป็แดงก่ำ ซึ่งทำให้อูิโยวหัวเราะออกมาเสียงดัง เขากุมท้องก่อนจะวิ่งออกไป
หลิ่วไป๋เจ๋อเม้มริมฝีปากแล้วส่ายหัว ในใจเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ทันทีที่ิโยวจากไปก็มีคนเดินเข้ามา เมื่อมองไปยังหลิ่วไป๋เจ๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งท่าทีดูเป็ปกติแล้ว จิ่วฟางเทียนฉีจึงกำหมัดชกไปที่อกเขา “เ้าทำให้ข้ากังวลแทบตาย!”
หลิ่วไป๋เจ๋อเผยรอยยิ้มให้เหล่าผู้มาเยือน “ไป๋เจ๋อขออภัยที่ทำให้พวกเ้าต้องกังวล”
อูิเยี่ยยิ้ม เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ข้าไม่ได้กังวล แต่น้องสาวของข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับตลอดทั้งวันเพราะเป็ห่วงเ้า เ้าต้องปลอบใจนางถึงจะถูก”
หลังจากได้ยิน อูิหลิงก็ต่อยอูิเยี่ยด้านหลัง “พี่ใหญ่พูดเื่อะไร”
“ทำไม ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ”
“เงียบเลย!”
ท่าทีเขินอายของน้องสาวช่างพบเห็นได้ยาก ทำให้คนรอบข้างหัวเราะขึ้นมา
มู่หรูอี้ก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้นแล้วพูดกับหลิ่วไป๋เจ๋อ “ให้ข้าตรวจดูหน่อย!”
หลิ่วไป๋เจ๋อไม่ปฏิเสธและยื่นมือให้นาง “รบกวนจิ่วฟางฟูเหรินด้วยขอรับ”
ครู่หนึ่งมู่หรูอี้ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความใ พลันประหลาดใจขึ้นมา
“เ้ากินอะไรเข้าไป”
หลิ่วไป๋เจ๋อไม่รู้ว่านางจะเก่งกาจขนาดนี้ สามารถจับการเปลี่ยนแปลงในร่างกายเขาได้ด้วยการตรวจชีพจร แต่เพราะกลัวว่าจะเป็การเปิดเผยเื่ิโยว จึงส่ายหัวและโกหกออกไป
“ไป๋เจ๋อเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินอะไรเลยขอรับ”
“เช่นนั้นก็แปลกประหลาดยิ่งนัก!”
ิหลิงที่อยู่ด้านข้างเกิดกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “ฟูเหริน มีสิ่งผิดปกติหรือเ้าคะ” หลังจากพูดเช่นนั้น นางก็ก้าวเข้าไปจะตรวจชีพจรของไป๋เจ๋อ แต่อีกฝ่ายกลับหลบเลี่ยงด้วยท่าทีที่ดูตั้งใจแต่ก็เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจ
มู่หรูอี้ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เขาสบายดี ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เ้าจะนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ”
หลิ่วไป๋เจ๋อพยักหน้า ท้ายที่สุดอูิหลิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
——————————————
