หลังจากที่ ฉินเซียนหรู ดับลมหายใจของมือสังหารไปแล้ว นางหาได้เร่งรุดกลับจวนไม่ ถึงแม้ยามนั้นตะวันได้ลาลับขอบฟ้า ท้องนภาถูกกลืนด้วยเงายามราตรี หากแต่ในใจของนางสงบนิ่งเพราะต่อให้กลับไปช้าสักเพียงใด ก็ย่อมไม่มีผู้ใดในจวนเหลียวแลอยู่ดี สำหรับพวกเขา นางไม่ต่างอากาศธาตุที่ไร้ค่า ขณะเดียวกัน ภายในร้านยาที่ประดับด้วยตะเกียงสลัวของ ซ่งเจิ้งหยุน ความเงียบงันถูกกลบด้วยเสียงสบถที่เต็มไปด้วยโทสะ
“ไอ้คนไร้ประโยชน์! แค่สตรีตัวเล็ก ๆ ผู้เดียว เหตุใดถึงล่าช้าได้ถึงเพียงนี้!”
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเดือดดาล ั์ตาเต็มไปด้วยเพลิงริษยา เขาเฝ้ารอข่าวการสิ้นชีวิตของนางสตรีที่ทำให้ตนขายหน้า ความอับอายนั้นกัดกินหัวใจเขาเสมือนพิษร้าย มีเพียงการเห็นนางตายด้วยตาของตนเองเท่านั้น ที่จะชำระความเ็ปนี้ได้
“เ้ากำลังรอใครอยู่หรือ… ซ่งเจิ้งหยุน” เสียงนั้นมิใช่สิ่งที่เขาเฝ้ารอ หากแต่เป็เสียงที่ทำให้โลหิตในกายแทบหยุดไหล หัวใจของเขากระตุกวูบ เมื่อรีบหันไปตามต้นเสียง ร่างกายพลันสั่นสะท้านโดยไม่อาจห้ามได้
เบื้องหน้าเขาสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ในชุดเรียบง่าย ใบหน้าเรียวขาวผ่องถูกบดบังด้วยหน้ากากเย็นเยียบ ดวงตาของนางทอแสงนิ่งสงบคล้ายห้วงเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง นั่นคือ ผู้ที่เขาปรารถนาให้หายไปจากโลกนี้ริมฝีปากของเขาสั่นเครือ ก่อนเสียงพร่า ๆ จะเล็ดลอดออกมา “เ…เป็เ้า!”
เพียงแค่นางสบตาเข้ากับซ่งเจิ้งหยุน นางก็มิจำเป็ต้องเอ่ยคำถามใด ๆ อีกเพราะแววตาที่ตื่นตระหนกและความหวาดกลัวที่ฉายวาบออกมาเพียงชั่วขณะ ได้เผยความจริงทั้งหมดแล้วว่า มันคือตัวการที่อยู่เื้ั ซ่งเจิ้งหยุน แม้มีชื่อเสียงเื่การแพทย์และหลอมโอสถ แต่กลับอ่อนด้อยสิ้นเชิงในเชิงยุทธ์ ร่างกายที่เคยห่อหุ้มด้วยความมั่นใจ ตอนนี้กลับสั่นระริกดุจลูกนกไร้รังพึ่ง เพียงพริบตาเดียว ฉินเซียนหรูสะบัดฝ่ามือออก พลังปราณแผ่ซ่านดุจคลื่นทะเลสาดกระแทกเข้ากับอกของชายผู้นั้น ตึง!
เสียงกระแทกดังสนั่น ร่างของซ่งเจิ้งหยุนถูกซัดจนกระดูกแทบแตกละเอียด ดวงตาเบิกกว้าง เืสดทะลักออกจากปากเป็สายยาว ร่างทั้งร่างสั่นระริกก่อนทรุดฮวบลงเหมือนถุงทรายไร้ค่า อวัยวะภายในปั่นป่วนจนมิอาจฟื้นคืนเขาแทบไม่มีโอกาสได้เปล่งคำสั่งเสีย เพราะเพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา ชีวิตของซ่งเจิ้งหยุนก็มาถึงกาลอวสาน
ฉินเซียนหรูมองร่างนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า แววตาของนางไม่ไหวสะทกสักนิด น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาเรียบเฉยดุจสายลมพัดผ่าน “เป็เ้าที่เลือกเอง…”
สิ้นคำ นางหันหลังให้อย่างไม่ใยดี ปล่อยให้ร้านยาที่เคยเป็ที่โอ่อ่าของหมอผู้มากด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลายเป็เพียงสุสานแห่งความทะนงตนที่ดับสิ้นในชั่วพริบตา
ค่ำคืนนั้นเงียบสงัด แสงจันทร์สาดต้องร่างบอบบางของ ฉินเซียนหรู เมื่อก้าวกลับมาถึงเรือนหลังน้อยของตนเอง ราวกับคืนที่ผ่านมามิได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทั้งที่ความจริงนางเพิ่งดับลมหายใจคนไปถึงสองชีวิต ทว่าลมหายใจของนางกลับนิ่งสงบ ดุจสายน้ำที่ไร้ระลอกคลื่น ความตายสำหรับผู้อื่นอาจเป็ตราบาป แต่สำหรับนาง มันกลับกลายเป็เพียงหนึ่งในก้าวเดินใหม่ของโชคชะตาฝีเท้าเรียวเพิ่งก้าวถึงเรือน เสียงทุ้มต่ำและเ็าก็ดังขึ้นแทรกกลางความเงียบงัน
“เ้าหายไปไหนมา”
น้ำเสียงนั้นหนักแน่นดุจคมดาบ เสียงที่นางรู้จักดี ฉินเทียนหง แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ และบิดาผู้ให้กำเนิดของนาง หลังจากไม่เห็นนางในห้องโถงอาหาร เขาจึงมาที่เรือนแห่งนี้ รอคอยอยู่เนิ่นนานและในที่สุดนางก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า เงาร่างสูงใหญ่ในชุดแม่ทัพยืนตระหง่านอยู่กลางลาน แววตาคมกล้าเหมือนเคย ทว่าในความเ็ากลับแฝงด้วยประกายบางอย่างที่มิใช่เพียงความโกรธ หากยังมีความเฝ้ารอที่นางไม่อาจอ่านออกในทันที
ฉินเซียนหรู ไม่แม้แต่จะหันไปสบตา ดวงตาภายใต้หน้ากากแห่งความสงบนิ่งยังคงทอดตรงไปเบื้องหน้า น้ำเสียงที่นางเอื้อนเอ่ยออกมาเรียบเฉยไร้ความสั่นไหว
“ข้าเพียงแค่ไปสูดอากาศที่ภายนอกมาเท่านั้น”
แสงจันทร์สาดลงบนเงาของบิดาและบุตรสาวทอดทาบปะทะกันราวกับเป็คนแปลกหน้าที่ต่างฝ่ายต่างไม่อาจก้าวข้ามกำแพงในใจได้ ฉินเทียนหง ก้าวออกมาขวางประตู ท่วงท่าหนักแน่นของแม่ทัพผู้ผ่านศึกนับครั้งไม่ถ้วนยังคงสง่างาม หากแต่แววตาที่ทอดมองบุตรีกลับสั่นไหว “เ้าจะหนีข้าไปไหน… ข้าเป็บิดาของเ้านะ!”
น้ำเสียงก้องกังวาน แฝงทั้งอำนาจและความปวดร้าว ทว่าฉินเซียนหรูเพียงชะงักเล็กน้อย ดวงตาเ็าไร้อารมณ์ไม่แม้จะเหลือบแลบิดากลิ่นโลหิตเจือจางแตะจมูก แม่ทัพผู้คมกริบย่อมรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่กลิ่นที่พัดพามาตามลม แต่คือร่องรอยจากการสังหารที่ยังเกาะติดอยู่บนร่างของบุตรสาว ความใสาดวาบไปทั่วร่างสูงใหญ่
“ฉินเซียนหรู… เ้าไปฆ่าคนมาอย่างนั้นหรือ!”
เสียงนั้นพร่าและสั่น ไม่ใช่เพราะความกลัว หากแต่เป็เพราะหัวใจที่ปฏิเสธไม่ลง ภาพบุตรีวัยเยาว์ที่เคยวิ่งเล่นหัวเราะอยู่เคียงข้างผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับเป็สตรีผู้เปื้อนเืและเปล่งประกายเย็นะเืนางหันมาสบตาเพียงชั่ววูบ ดวงตาคู่นั้นแข็งกร้าว ไร้เมตตา “ข้าไปฆ่าคนมาแล้ว… มันเป็อย่างไร”
เพียงคำตอบสั้น ๆ แต่กลับเป็ดั่งหอกแหลมแทงทะลุหัวใจผู้เป็บิดา ฉินเทียนหง ใบหน้าที่แข็งแกร่งพลันสั่นไหว ความโกรธ ความเ็ป และความรู้สึกผิดตีกันในอก
“แม้ข้าจะไม่เคยมอบความรักความอบอุ่นแก่เ้า… แต่เหตุใดเ้าต้องเลือกทางสายนี้!”
ทว่า ฉินเซียนหรู มิได้เหลียวแล ก้าวผ่านร่างบิดาไปอย่างเ็า ปลายนิ้วผลักบานประตูไม้ปิดดัง ปัง! แต่ก่อนนั้น นางทิ้งถ้อยคำหนึ่งเอาไว้ ราวกับฟ้าผ่ากลางใจ “แล้วท่าน…จะมาแสดงความเป็พ่ออะไรเอาตอนนี้”
เสียงสะท้อนจากบานประตูดังก้องไปท่ามกลางความเงียบงันของรัตติกาล เงาร่างใหญ่ของแม่ทัพยังคงยืนนิ่ง ดวงตาคมที่เคยทนทานต่อสมรภูมิร้อยครั้งพันครั้ง บัดนี้กลับเอ่อคลอด้วยความเ็ปที่มิอาจเอื้อมถึงหัวใจบุตรีของตนได้อีกต่อไป…
ร่างสูงใหญ่ของ ฉินเทียนหง ก้าวเดินออกจากเรือนด้วยฝีเท้าที่หนักหน่วง หากแต่หัวใจกลับเบาหวิวราวกับถูกสูบิญญาออกไปจนสิ้น ถ้อยคำของบุตรีที่เพิ่งสะบัดใส่เขาเมื่อครู่
“แล้วท่านจะมาแสดงความเป็พ่ออะไรตอนนี้”
ดังก้องสะท้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในโสตประสาท คล้ายคมมีดที่ไม่หยุดเฉือนหัวใจให้แหลกสลายริมฝีปากที่เคยเปล่งเสียงก้องในสนามรบ พลันสั่นระริกไม่อาจเปล่งวาจาใด ๆ ออกมาได้ เขาได้เพียงคร่ำครวญกับตัวเอง
“ใช่สิ… แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน”
ภาพความทรงจำย้อนผุดขึ้นทีละฉาก เด็กหญิงน้อยผู้เป็แก้วตาดวงใจ คนที่เขาเคยอุ้มแนบอกด้วยความภาคภูมิใจ วันวานเขาเคยฝากทั้งความหวังและความรักทั้งหมดไว้บนบ่าที่เล็กเกินไปของนาง แต่ยามที่ผลการตรวจวัดพร์เปิดเผยออกมา ว่าบุตรีของเขาไร้ค่าไร้แววรุ่งโรจน์ เขากลับเป็คนแรกที่ทอดทิ้ง ยิ่งกว่าบ่าวรับใช้ในเรือนที่พากันหัวเราะเยาะ แปดปีเต็ม ที่เขาเมินเฉย ทำราวกับว่านางไม่เคยมีตัวตน บัดนี้ความจริงถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นทะเลซัดกระแทกฝั่งจนสลายไปทุกอย่าง
“นี่ข้าทำกับแก้วตาดวงใจของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร…”
น้ำเสียงของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่พลันพร่าและสั่นสะท้าน ดวงตาคมกร้าวที่เคยผ่านสมรภูมิเืนับร้อยบัดนี้เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใส ถึงแม้รู้ว่าวันนี้บุตรีของเขามิได้เป็เพียงหญิงสาวไร้ค่า หากแต่ได้ก้าวขึ้นสู่เส้นทางที่เปื้อนเืเสียแล้ว… ความภาคภูมิและความเ็ปพลันปะทะกันในอกจนแทบหายใจไม่ออก
แม้เขาจะรับรู้ถึงความสามารถของนางในยามนี้ แต่เพียงแค่ความจริงที่ว่ามือเล็ก ๆ ของบุตรีที่เขาเคยกุมไว้อย่างแ่เบา…บัดนี้เปื้อนโลหิตของผู้อื่น มันก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แตกสลายเป็ผุยผง
