หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามคนก็ได้ปรากฏตัวที่ห้องโถงที่มีผู้คนพลุกพล่านไปมาของเซียงเยวี่ยไจ เสี่ยวเอ้อร์ร่างเสาไม้ไผ่เห็นว่าครั้งนี้มีดรุณีน้อยรูปโฉมงดงามมาด้วยก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าก็เชื้อเชิญพวกเขาไปยังหลังร้านด้วยความกระตือรือร้น
ห้องโถงส่งเสียงดังอึกทึกครึกโครม หากพูดคุยธุระสำคัญก็ต้องคุยที่ห้องส่วนตัวหลังร้านเท่านั้น ซึ่งก็คือห้องรับแขก
หลี่ชิงชิงบอกถึงตัวตนของนางอย่างตรงไปตรงมา “หญิงชาวบ้านหลี่ซื่อคารวะนายท่านหม่า สามีของข้าตอนนี้รับราชการทหารประจำที่กองทัพ ไม่ได้อยู่บ้านเกิด สองท่านนี้เป็พ่อสามีและน้องสามีของข้าเองเ้าค่ะ”
เพียงไม่กี่ประโยคก็แสดงให้เห็นว่าตนเองเป็ภรรยานายทหาร และมีความสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เฒ่าหวังพ่อลูก
หม่าชิงเกิดในตระกูลขุนนางทหาร นอกจากบุตรของทาสที่เกิดในตระกูลหม่าแล้ว เสี่ยวเอ้อร์ พ่อครัวทำขนม พ่อครัวที่ใช้งานภายใต้ชื่อของร้านค้าและโรงเตี๊ยม ทั้งหมดล้วนเป็ทหารปลดประจำการและครอบครัวของทหารในกองทัพ
หลังจากที่เขารู้ว่าหลี่ชิงชิงเป็ภรรยาทหาร ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคารพขึ้นมาหนึ่งส่วน เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องมากความ เชิญนั่ง”
ผู้เฒ่าหวังพ่อลูกไม่กล้านั่ง แต่หลี่ชิงชิงรู้สึกว่าการทําการค้าต้องเท่าเทียมกันจึงนั่งลง
จากนั้นไม่ต้องรอให้หม่าชิงเอ่ยปาก หม่าเซี่ยงหนานผู้เป็หลงจู๊ก็ได้ยืนยันแล้วว่าหลี่ชิงชิงเป็เ้าของสูตรไข่เค็มด้วยเสียงหัวเราะ แล้วเสนอซื้อสูตรด้วยเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน
“ไม่ปิดบังทั้งสองท่าน เมื่อวานครอบครัวข้าเข้าใจสัญญาณมือของทั้งสองท่านผิด คิดว่าเป็สิบตำลึง หลังจากกลับถึงบ้านและได้บอกกล่าวแก่ข้าแล้ว หญิงชาวบ้านเช่นข้ารู้สึกว่าราคาต่ำเกินไป จึงให้พ่อสามีและน้องชายสามีมาปฏิเสธในวันนี้ หลังจากไขความเข้าใจผิดแล้ว ข้าก็รู้สึกว่าหนึ่งร้อยตำลึงนั้นมากเกินไปอยู่บ้าง”
หม่าชิงกับหม่าเซี่ยงหนานมองหน้ากันไปมา “นี่...”
ผู้เฒ่าหวังที่ยืนอยู่หันไปมองหลี่ชิงชิง เมื่อวานลูกสะใภ้ผู้นี้กล่าวว่าสิบตำลึงน้อยไป วันนี้ก็รู้สึกว่าหนึ่งร้อยตำลึงมากไป เช่นนั้นเท่าใดถึงจะพอดี?
หวังเลี่ยงเอ่ยในใจ ‘ตระกูลหม่าเป็ญาติของเชื้อพระวงศ์ พี่สะใภ้สามกลัวว่าหากเรียกเงินมากเกินไป ตระกูลหม่าจะเกิดเปลี่ยนใจแล้วจบลงไม่ดีหรือ?’
“ราคาที่ตั้งไว้ในใจของข้าคือหกสิบตำลึงเ้าค่ะ ลิ่วลิ่วต้าซุ่น [1] ทำการค้าก็ถือเอาตามอักษรนี้” แววตาของหลี่ชิงชิงเป็ประกายและมีน้ำเสียงที่มั่นใจ เอ่ยว่า “ขอบพระคุณเซียงเยวี่ยไจที่มอบของขวัญให้เมื่อวานนี้ แล้วยังช่วยให้ครอบครัวของข้าหลุดพ้นจากสถานการณ์ยากลำบาก หญิงชาวบ้านเช่นข้าหวังว่าจะสามารถทําการค้ากับเซียงเยวี่ยไจได้มากขึ้นในอนาคต”
นางบอกถึงจุดประสงค์ของการลดราคาอย่างตรงไปตรงมา
หม่าเซี่ยงหนานแอบประหลาดใจ สายตาของเขาไม่ได้มองหลี่ชิงชิงเช่นที่มองหญิงชาวนาธรรมดาอีกต่อไป
หม่าชิงล้วนเคยพบเจอสตรีมาแล้วทุกประเภท บางคนทำการค้าด้วยตนเอง ทว่าสตรีเ่าั้ชอบเล่นอุบายแล้วยังโลภมาก เทียบไม่ได้กับหลี่ชิงชิงที่ใจกว้างตรงไปตรงมา
เขาย่อมยินดีคบค้ากับคนอย่างหลี่ชิงชิง เขากล่าวเสียงดัง “เช่นนั้นก็เอาตามที่เ้าว่า หวังว่าภายภาคหน้าทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมมือกันทําการค้ามากขึ้น”
การค้าของพวกเขาก็เจรจาจนได้ข้อตกลงแล้ว หลังจากนั้นหม่าเซี่ยงหนานจึงเสนอให้ลงนามสัญญา หลี่ชิงชิงคิดไม่ถึงเลยว่าจะง่ายดายเพียงนี้
ทั้งสองฝ่ายล้วนมีสัญญาการค้าเก็บไว้คนละฉบับ
บริเวณหลังร้านย่อมมีสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ หม่าเซี่ยงหนานร่างสัญญาหนึ่งฉบับขึ้นมาอย่างชํานาญแล้วส่งให้หม่าชิงดู จากนั้นก็อ่านให้คนตระกูลหวังฟัง
เขานึกว่าคนตระกูลหวังจะไม่รู้อักษร
“พี่สะใภ้สามของข้ารู้อักษรขอรับ” และหวังเลี่ยงยังเอ่ยในใจเสียงเบา ‘ข้าก็รู้อักษรเช่นกัน’
หลี่ชิงชิงรับกระดาษสัญญาสีขาวที่เขียนด้วยอักษรสีดํามาแล้วอ่านซ้ำหลายรอบ นี่คือสัญญาค้าขายของแคว้นต้าถัง มีรายละเอียดน้อยกว่าสัญญาธุรกิจของชาติก่อนของนางอยู่มาก ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ในแคว้นต้าถังล้วนรักษาคำพูด บางคนถึงขนาดยึดถือความน่าเชื่อถือสำคัญกว่าชีวิต
นางไม่ได้แก้แม้แต่อักษรเดียว และพยักหน้าเห็นด้วย
หม่าเซี่ยงหนานคัดลอกอีกหนึ่งฉบับ แล้วให้หลี่ชิงชิงและหม่าชิงลงนามในสัญญาทั้งสองฉบับ สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือการประทับลายนิ้วมือ
เื่สำคัญเช่นการซื้อสูตร แม้ว่าหม่าชิงจะยุ่งเพียงใด ทว่าก็ยังออกหน้าลงนามสัญญาด้วยตนเอง
หลี่ชิงชิงและหม่าชิงทั้งสองคนเก็บสัญญาที่ลงนามเสร็จแล้วไว้อย่างดี
หม่าชิงจ่ายตั๋วเงินทั่วไปหนึ่งใบจำนวนหกสิบตำลึงให้แก่หลี่ชิงชิง
ผู้เฒ่าหวังเดินไปข้างหน้าและจ้องเขม็งไปที่ตั๋วเงิน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ั้แ่มีชีวิตอยู่มาห้าสิบปี นี่เป็จำนวนเงินที่มากที่สุดที่เขาเคยเห็น และยังเป็เงินที่ชั่วชีวิตนี้ไม่อาจหามาได้
“ยินดีกับพี่สะใภ้สามด้วยขอรับ” หวังเลี่ยงดีใจจนเกือบจะะโโลดเต้นขึ้นมาแล้ว
มุมปากของหลี่ชิงชิงพลันกระดกขึ้น พับตั๋วเงินแล้วเอ่ย “ขอให้นายท่านเงินทองไหลมาเทมาเ้าค่ะ”
หม่าเซี่ยงหนานเอ่ยตาม “ยินดีกับนายท่านด้วยขอรับ!”
หม่าชิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนกล่าวว่า “ยินดีร่วมกันอวยพรร่วมกัน”
หลี่ชิงชิงรับพู่กันมาเขียนสูตรไข่เค็มลงบนกระดาษ หลังจากเขียนเสร็จก็แนะนำอย่างหวังดีว่า “ข้าได้ยินมาว่าในใต้หล้านี้มีไข่เป็ดชนิดหนึ่งเป็ไข่แดงแฝด หากนายท่านหม่าสามารถส่งคนไปตามหาไข่เป็ดชนิดนี้มาทําไข่เค็มไข่แดงแฝดได้ ไข่ชนิดนี้มีความหมายแฝงที่ดี หากใช้มอบเป็ของกำนัลให้กับผู้สูงศักดิ์่ปีใหม่ก็น่าจะเป็เื่ดีงามเ้าค่ะ”
สามารถเลี้ยงเป็ดให้ออกไข่แดงแฝดได้ ทว่าตระกูลหวังไม่มีความสามารถนี้ หลี่ชิงชิงขายสูตรให้หม่าชิงแล้ว มิสู้ทําดีจนถึงที่สุดจะเป็การดีกว่า นางจึงมอบแินี้ไปด้วย
“ยอดเยี่ยม!” ดวงตาของหม่าชิงเป็ประกาย ในใจแอบชื่นชมความเฉลียวฉลาดของหลี่ชิงชิง หากทําไข่เค็มไข่แดงแฝดที่มีความแตกต่างจากไข่เค็มธรรมดาออกมา ย่อมไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าการมอบให้เหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์อีกแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เ้าเป็ภรรยาทหาร ภายภาคหน้าหากมีเื่อันใด ก็สามารถมาที่นี่ให้หม่าเซี่ยงหนานส่งข่าวถึงข้าได้”
หม่าชิงผู้นี้ให้ความสําคัญกับมิตรภาพ ผู้อื่นให้ความเคารพเขาหนึ่งฉื่อ เขาก็คืนให้ผู้อื่นหนึ่งจั้ง
“ขอบพระคุณเ้าค่ะ” เมื่อหลี่ชิงชิงได้รับประโยคนี้จากหม่าชิง ก็พลันรู้สึกว่าที่ไม่รับเงินอีกสี่สิบตำลึงนั้นเป็เื่ที่สมควรแล้ว
หม่าเซี่ยงหนานกังวลว่าตั๋วเงินของหลี่ชิงชิงจะถูกบ้านสามียึดไป จึงเอ่ยถามอย่างเห็นอกเห็นใจว่า “แม่นางหลี่ซื่อ ้าให้ข้าพาเ้าไปที่โรงฝากเงิน เพื่อแลกตั๋วเงินเป็ตั๋วเงินย่อยหรือฝากไว้หรือไม่?”
โรงฝากเงินของแคว้นต้าถังสามารถฝากเงิน และยังสามารถแลกเปลี่ยนทองคำ แท่งเงินและเหรียญทองแดงได้
การฝากเงินสามารถป้องกันการถูกขโมยได้ ทว่าไม่มีดอกเบี้ย
หลี่ชิงชิงตั้งใจจะใช้ตั๋วเงินทำการค้า ไม่ได้คิดจะฝากเก็บไว้ แต่นาง้าแลกเป็เงินย่อยเพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย
ดังนั้นหม่าเซี่ยงหนาน หลี่ชิงชิง และผู้เฒ่าหวังพ่อลูกจึงไปที่โรงฝากเงิน หลี่ชิงชิงแลกตั๋วเงินหกสิบตำลึงเป็แท่งเงินขนาดเล็กและเงินย่อยหนึ่งกํามือ
ครั้นออกมาจากโรงฝากเงิน หม่าเซี่ยงหนานก็เอ่ยเชิญตามคำเชิญของหม่าชิง ให้คนตระกูลหวังไปทานอาหารกลางวันที่โรงเตี๊ยม ทว่าก็ถูกหลี่ชิงชิงปฏิเสธอย่างสุภาพ
หม่าเซี่ยงหนานจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ห่อขนมและสินค้าแห้งของเซียงเยวี่ยไจหกถุงใหญ่มอบให้เป็ของกำนัล
“ขอบคุณเ้าค่ะ!” หลี่ชิงชิงรับไว้อย่างไม่เกรงใจ ของกำนัลเหล่านี้ไม่นับเป็อันใดเมื่อเทียบกับการลดราคาและแิที่นางมอบให้ หากไม่รับไว้จะดูเหมือนนางระวังตัวมากเกินไป ทําให้หม่าเซี่ยงหนานรู้สึกไม่สบายใจเอาได้
ถนนในอำเภอมีคนสัญจรพลุกพล่านไปมา ยามนี้ผู้เฒ่าหวังเห็นใครก็ดูเหมือนว่าคนเขาจะเป็ขโมยไปเสียหมด เขาจึงเอ่ยเร่งหลี่ชิงชิงที่เลือกซื้อของครั้งแล้วครั้งเล่า “ชิงชิง พวกเรารีบกลับบ้านกันเถิด”
หวังเลี่ยงถูกผู้เฒ่าหวังส่งไปแจ้งข่าวหลิวซื่อกับหวังจื้อแล้ว ผู้เฒ่าหวังคอยเฝ้าหลี่ชิงชิงไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว ด้วยกลัวว่าเงินที่อยู่กับนางจะถูกขโมยไป
หลี่ชิงชิงซื้อเนื้อหมูสิบจินและแผ่นมันหมูสิบจินในคราวเดียว
เนื้อหมูยิ่งมีไขมันราคายิ่งแพง คนตระกูลหวังขาดไขมันยิ่งนัก เนื้อที่นางซื้อจึงเป็เนื้อหมูสามชั้น หนึ่งจินราคาสิบสี่เหรียญทองแดง
แผ่นมันหมูคือไขมันหมูล้วน นำมาใช้กลั่นเป็น้ำมันหมูได้
น้ำมันหมูของแคว้นต้าถังราคาสูงกว่าน้ำมันพืช น้ำมันหมูหนึ่งจินราคาสามสิบห้าถึงสามสิบหกเหรียญทองแดง ส่วนน้ำมันพืชหนึ่งจินราคาเพียงสามสิบเหรียญทองแดง
แผ่นมันหมูคุณภาพดีหนึ่งจินสามารถกลั่นน้ำมันหมูได้มากกว่าหกเหลี่ยง ส่วนที่เหลือคือกากมันหมู
น้ำมันนำมาผัดอาหาร ทำให้ได้รสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง กากมันหมูสามารถนำมาผัดหรือผสมเป็ไส้ในอาหาร ล้วนอร่อยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ราคาแผ่นมันหมูจึงแพงกว่าเนื้อหมูอยู่ไม่น้อย แผ่นมันหมูหนึ่งจินราคายี่สิบหกเหรียญทองแดง
หลี่ชิงชิงถือเนื้อ ผู้เฒ่าหวังถือห่อขนมหกถุงใหญ่และผลไม้แห้ง และทั้งสองคนยังจ่ายเงินสองเหรียญทองแดงเพื่อนั่งเกวียนลากลับบ้านอีกด้วย
-------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ลิ่วลิ่วต้าซุ่น (六六大顺) หมายถึง ราบรื่นทุกประการ โดย 六 ลิ่ว แปลว่า “หก” ดังนั้นหลี่ชิงชิงจึงบอกว่าขายสูตรไข่เค็มในราคาหกสิบตำลึง เพราะอิงตามตัวเลขนี้การค้าของพวกเขาจะได้ราบรื่นไม่มีอุปสรรค
