หลินรั่วซีปล่อยมวยผมเธอลง ผมยาวสลวยร่วงลงดั่งฝนพรำเฉกเช่นในโฆษณาแชมพูสระผม วงหน้าของเธอออกขาวซีดและเหนื่อยล้าแลดูน่าสงสารยิ่ง
มองดูหยางเฉินเดินเข้ามา หลินรั่วซีเงยหน้าจ้องมองหยางเฉินด้วยสายตาซับซ้อน เธอไม่ได้ถามว่าหยางเฉินจัดการกับพ่อเธออย่างไร และยิ้มด้วยสีหน้าเยาะเย้ยตัวเอง
"ฉันกลายเป็ตัวตลกไปเลยว่าไหม ใช่แล้ว ฉันมีพ่อแบบนั้นแหละ ฉันเป็ตัวตลกของครอบครัว นายคงสงสารฉันล่ะสิ เวทนาฉันใช่ไหม ไม่เห็นด้วยกับฉันใช่ไหม ฉันไม่้าให้ใครมาเห็นอกเห็นใจ โดยเฉพาะนาย..."
"ใครบอกว่าผมสงสารคุณ?" หยางเฉินหัวเราะขณะดึงบุหรี่ออกจากกระเป๋า และเพลิดเพลินไปกับนิโคติน
"นายห้ามสูบบุหรี่ต่อหน้าฉัน!" หลินรั่วซีขมวดคิ้วขณะปัดควันบุหรี่ไปมา
หยางเฉินทำเป็ไม่ได้ยิน เขาเอนตัวลงบนโซฟาขนาดใหญ่สูบบุหรี่ต่อ พลางกล่าวว่า "ผมขอแนะนำคุณว่าห้ามแสดงท่าทางอ่อนแออย่างนั้นอีก อย่างน้อยคุณก็รู้ว่าใครคือพ่อแม่ของคุณ และก็ยังได้รับความรักจากแม่และย่า ถึงแม้ว่าพ่อคุณจะเป็แบบนั้น แต่อย่างน้อยคุณก็ยังมีครอบครัว"
"นอกจากนี้คุณยังเกิดมาสวย ผู้คนมากมายต่างอิจฉา ไม่ต้องกังวลว่าจะอดอยาก มีเสื้อผ้าใส่ั้แ่เกิดมา ขับรถหรูั้แ่อายุยังน้อย คุณมีทุกสิ่งที่คุณ้า คุณไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่มีอะไรเลย และไม่รู้กระทั่งว่าพ่อแม่คือใคร อยู่ที่ไหน"
หลินรั่วซีนิ่งไป สายตาของหยางเฉินนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอ้างว้าง หัวใจของเธอถูกบีบโดยไม่รู้ตัว
หยางเฉินไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลดั่งพูดกับตัวเอง
"ั้แ่ยังเด็กอยู่เพียงลำพัง ตอนหิวโหย เหน็บหนาว ตอนถูกรังแก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีครอบครัว ไม่มีพี่ชาย น้องสาว หรือแม้แต่เพื่อน… สู้เพื่อเอาชีวิตรอดจนเืตากระเด็น เพียงเพื่อคุกกี้ขึ้นรา คุ้ยกินหญ้าและเปลือกไม้จนลำไส้ฉีกขาด ไม่มีใครสนใจว่าคุณจะเป็ยังไง ไม่มีใครสงสาร เพราะคุณเป็แค่ชีวิตน่าสมเพชที่ถูกโลกโยนทิ้ง แม้แต่หมายังมีชีวิตที่ดีกว่าคุณเสียอีก"
ด้วยเสียงต่ำและแหบแห้งของหยางเฉิน หลินรั่วซีถึงกับน้ำตาคลอ ไม่ใช่เพราะตัวเธอ แต่เพราะคนน่าสงสารคนนั้น
"ฉันขอโทษ" เธอก้มหน้าพูดด้วยเสียงแ่เบา "ฉันไม่รู้มาก่อนว่านายมีชีวิตที่ยากลำบากขนาดนั้น"
หยางเฉินที่ก้มหน้าลงค่อยๆ ยิ้มออกมา "ที่รัก คุณเชื่อเื่ที่ผมพูดจริงๆ หรือ? มันเป็แค่เื่แต่ง!"
"นาย..." หลินรั่วซีเงยหน้าโดยพลัน เธอรู้สึกเศร้าจริงๆ กับเื่นั้น แต่เ้าหมอนี่กลับบอกว่าเขาแต่งเื่ขึ้น "นายมัน... ทำไมนายเป็คนแบบนี้!"
"ฮ่าฮ่า ดูคุณสิ ตอนคุณโกรธคุณดูสวยมากๆ"
หลินรั่วซีรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอรู้ว่าหยางเฉินพยายามทำให้เธอหายเศร้า แต่เธอก็ไม่กล้าขอบคุณเขา แล้วแสร้งกล่าวกับหยางเฉินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"นายโกหกฉันก็แล้วไป แล้วพ่อแม่นายอยู่ไหนล่ะ การแต่งงานของเราเป็แค่ข้อตกลง ถ้าพวกเขารู้อาจเกิดปัญหาได้"
หยางเฉินเขี่ยเศษบุหรี่ทิ้ง พูดด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ
"มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ได้บอกกับคุณก่อนหน้านี้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็พ่อแม่ของผม ผมแยกจากพวกเขาตอนอายุห้าขวบ สิ่งที่ผมจำได้มีเพียงแค่ชื่อนี้ ดังนั้นผมจึงกำพร้าพ่อแม่"
เมื่อได้ยินหยางเฉินบอกว่าเป็เด็กกำพร้า หลินรั่วซีรู้สึกปวดร้าวหัวใจ เธออยากจะปลอบเขา แต่ก็นึกคำพูดไม่ออก ได้พยักหน้านิ่งเงียบ
หลังจากทั้งสองเงียบอยู่พักหนึ่ง หลินรั่วซีก็พูดขึ้นในที่สุด
"หยางเฉิน มีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องพูดให้ชัดเจน หลังจากเราแต่งงานกันแล้ว นายต้องรู้สาเหตุที่ฉันต้องทำแบบนี้"
"คุณกำลังจะบอกเหตุผลที่หมูโง่นั่นบังคับคุณให้แต่งงาน?"
"นายห้ามเรียกพ่อฉันว่าหมูโง่..." เธอไม่พอใจเล็กน้อย "ถ้าหากเขาเป็หมู ฉันก็ต้องเป็หมูด้วย"
"ฮ่าๆ รั่วน้อยของผมน่ารักจะตาย ถ้าคุณเป็หมูก็เป็หมูที่หอมน่ารัก"
"นายนั่นแหละหมู..."
"เอาล่ะ พ่อของฉันถือหุ้นอยู่ 30% เป็ผู้ถือหุ้นใหญ่รองจากฉันเท่านั้น แต่นี่ไม่สำคัญ ย่าของฉันส่งมอบหุ้นมาให้ฉัน 60% ฉันจึงสามารถควบคุมทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัท แต่ว่า… พ่อของฉันมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังเก่า"
"บ้านหลังนั้นสำคัญกับคุณขนาดไหนกัน?"
"สำคัญที่สุด..." ตาของเธอเผยให้เห็นความทรงจำที่สวยงาม
"ในวัยเด็กของฉันมีเพียงย่าและแม่ ฉันโตที่นั่น พ่อและแม่แต่งงานกันด้วยผลประโยชน์ พ่อไม่ได้รักแม่ เขาเป็เพลย์บอยตัวจริง จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังเป็" หลังจากพูดจบแววตาของเธอแสดงให้เห็นร่องรอยของความเกลียดชัง
"แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่บ้านทั้งกลางวันกลางคืน แต่เขายังคงเป็เ้าของบ้านอยู่ เมื่อย่าส่งมอบมรดกให้ฉันแล้ว ย่าไม่อนุญาตให้ฉันกลับไปที่นั่นอีก และเพราะเขาใช้ชีวิตอย่างเสเพล เงินเขาจึงใกล้หมด เขาเตรียมตัวจะขายบ้านหลังนั้น"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการแต่งงานนี้" หยางเฉินถามอย่างเบื่อหน่าย
หลินรั่วซีส่งสายตาเ็ามายังหยางเฉิน
"ฉัน้าบ้านหลังนั้น แต่เขาไม่ขายให้ฉัน แม้จะเสนอราคาให้มากกว่าที่ใด เขาก็ยังไม่ขาย เขา้าแค่ข้อเดียวคือ ฉันต้องแต่งงานให้กับตระกูลซู และเขาจะได้ผลประโยชน์จากตระกูลนั้น"
"พ่อที่บังคับข่มขู่ลูกสาว แม้แต่หมูยังน่ารักกว่ามัน"
หลินรั่วซีไม่สนใจปฏิกิริยาของหยางเฉิน เธอยังคงพูดต่อ
"ซูจื้อหงมากวนฉันอยู่บ่อยครั้ง แต่ฉันก็ไม่กล้ามีเื่กับตระกูลซู เหตุเพราะตระกูลซูเป็หนึ่งในห้าตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองจงไห่ ดังนั้นฉันจึง"
"คุณเลยตัดสินใจแต่งงานกับผมแทน หลังจากจัดการปัญหากับตระกูลซูแล้ว ต่อไปค่อยหาทางเอาบ้านหลังนั้นคืนมา?"
"ถูกต้อง..." เธอพยักหน้าอย่างรู้สึกเหนื่อยกับปัญหาพวกนี้ มันหนักเกินกว่าหญิงสาววัยยี่สิบจะแบกรับไว้คนเดียว
หยางเฉินถอนหายใจกล่าวว่า
"คุณแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สุดท้ายคุณก็ยังต้องเผชิญหน้ากับพ่อของคุณและตระกูลซู"
"ฉันไม่สนใจหรอก ตอนนี้ฉันทำได้แค่นี้เท่านั้น" น้ำเสียงของเธอราบเรียบแต่แฝงแววสั่นเครือ
หยางเฉินยืนขึ้น หยิบโทรศัพท์ใหม่ขึ้นมาและมุ่งหน้าไปที่ประตูอย่างเงียบๆ
"นั่น… นายกำลังจะไปไหน?" หลินรั่วซีขมวดคิ้วถาม
"ผมจะไปบาร์… ไปหาสาวๆ" หยางเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง