ตาเฒ่าจางไม่เคยคิดเลยว่า เื่ของจางเฉาิที่ได้ยินได้ฟังมากลับกลายเป็ความจริง
หลังจากที่คนคุ้นเคยเ่าั้เชื้อเชิญเขาเข้าไปในบ้านแล้ว ก็มองมาที่เขาด้วยความสงสัย “นี่ พี่ชาย หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว เื่นี้ท่านควรจะต้องรู้สิ เหตุใดถึงได้…วิ่งมาถามข้าถึงที่นี่เล่า ไม่ใช่แล้วกระมัง เห็นได้ชัดเลยว่านี่ไม่ถูกต้องแล้ว พี่ชาย…นี่เ้าคงไม่ได้…ทะเลาะกับเหล่าซื่อหรอกใช่หรือไม่ ไอ้หยา นี่ เหตุใดจงเป็เช่นนี้เล่า”
เมื่อถูกสายตาสงสัยของผู้อื่นจับจ้องมา ตาเฒ่าจางก็รู้สึกไม่ค่อยสู้ดี บุตรชายของตนเองร่ำรวย ตัวเขาที่เป็บิดากลับเป็คนสุดท้ายที่ได้รู้
อีกทั้งตอนนี้ยังถูกผู้อื่นจ้องมองด้วยสายตาราวกับตนเองเป็คนโง่งมเช่นนี้อีก เขายิ่งรู้สึกว่าเื่นี้แปลก อย่างไรก็ดูแปลกพิลึก
“เฮ้อ พี่ชาย ข้ายังมีธุระที่ต้องทำอีก ท่านกลับบ้านก่อนเถอะ ประเดี๋ยวค่อยมาดื่มสุรากันวันหลัง”
เมื่อเห็นเขาจากไปด้วยสีหน้าลำบากใจ คนที่รู้จักเขาก็พากันส่ายหน้า “เฮ้อ ดูท่าทางข่าวลือข้างนอกนั่นจะเป็ความจริงสินะ ได้ยินมาว่าเหล่าซื่อไม่ได้เป็ที่รักของตาเฒ่าจางสักเท่าใดนัก ดูไปแล้วตอนนี้ครอบครัวนี้เหมือนจะตัดความสัมพันธ์กันไปแล้วกระมัง”
ว่ากันว่าตาเฒ่าจางเดินโซเซกลับไป ในใจกำลังลุกโหมเหมือนกับเปลวไฟ เมื่อนึกถึงเื่ที่ว่าครอบครัวของตนเองมีคนที่มีความสามารถ ในใจของเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจและรู้สึกผิดหวังด้วยเช่นกัน
เหล่าซื่อเป็บุตรชายของเขาแท้ๆ เหตุใดร่ำรวยเช่นนี้แล้วเขากลับไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย
ไม่ว่าใครก็ตามที่นึกถึงความเป็จริงขึ้นมา เื่นี้ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นสักเท่าไรนัก
นางจางหลิ่วที่อยู่ในบ้านก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจไม่ต่างกัน
หลังจากครอบครัวของเหล่าเอ้อและเหล่าต้ากลับมา ก็ได้ยินเื่ที่จางเฉาจวี๋เข้ามาก่อความวุ่นวาย และยังได้ยินข่าวลือเื่ที่เหล่าซื่อร่ำรวยอีกด้วย
และั้แ่นั้นมาพวกเขาก็ไม่อาจอยู่สุขได้อีกต่อไป
นางโจวภรรยาของจางเหล่าต้าที่ได้รู้เื่ของจางเฉาิที่ร่ำรวยแล้วก็ชะงักอยู่กับที่ ไม่ตอบสนองอยู่นาน จากนั้นนางก็ได้ร้องโวยวายใส่นางจางหลิ่ว
“ไอ้หยา ท่านแม่ เื่นี้เป็เื่จริงหรือเ้าคะ คงไม่ใช่เื่จริงใช่หรือไม่ เื่เหล่าซื่อของพวกท่าน เขาร่ำรวยแล้วนำเงินกลับมาให้พวกท่านสิบตำลึง ไอ้หยา หากพูดเื่นี้ออกไปผู้คนคงได้หัวเราะจนฟันร่วง ท่านแม่ ข้านั้นเจ็บใจแทนท่านแม่จริงๆ นะเ้าคะ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แม้ว่าท่านจะไม่ได้ให้กำเนิดเหล่าซื่อ แต่ท่านก็เป็คนที่เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ ได้ยินมาว่าตอนที่ท่านเข้ามาอยู่ที่ตระกูลจาง เหล่าซื่อก็อายุแค่ไม่กี่ขวบเท่านั้น ท่านเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ด้วยความลำบาก บุญคุณที่เลี้ยงดูมา สำคัญกว่าการให้กำเนิดอีกนะเ้าคะ”
เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้ สีหน้าของนางจางหลิ่วก็เปลี่ยนเป็สีลูกพลัม
นางโจวทำอย่างกับไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อน ยังคงบ่นพึมพำไม่หยุด
“ถ้าจะให้กล่าว อันที่จริงเหล่าซื่อก็เป็คนที่ไม่เลวเลย ข้าคาดการณ์ว่าเพราะเขาถูกภรรยาของเขาควบคุมอย่างเคร่งครัด หากไม่ใช่อย่างนั้น คนกตัญญูอย่างเขาจะไม่รีบกลับมากตัญญูต่อพวกท่านได้อย่างไร เฮ้อ ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ตอนนั้นก็คงจะไม่แยกบ้านหรอก ยามนี้เมื่อครอบครัวของเหล่าซื่อร่ำรวยแล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจพวกท่าน หนึ่งปีให้เงินพวกท่านห้าตำลึงเพื่อตัดปัญหาให้จบๆ ไป เช่นนี้ท่านแม่ก็เสียเปรียบสิเ้าคะ”
สีหน้าของนางจางหลิ่วตอนนี้ไม่น่าดูจนไม่อาจจะแย่ไปมากกว่านี้แล้ว
จางเหล่าต้าเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผู้เป็มารดา ก็รีบเข้าไปตำหนินางโจวทันที “ภรรยาคนนี้นี่ เ้ารีบไปทำอาหารเถิด มามัวทำอะไรอยู่ตรงนี้ คำพูดนี้คือคำพูดที่คนเป็สะใภ้ใหญ่อย่างเ้าควรพูดหรือ เหล่าซื่อของพวกเราอาจจะเจอเื่ยุ่งยากอะไรอยู่ก็ได้ ถึงทำให้เขาไม่ได้กลับมาแสดงความกตัญญูต่อท่านพ่อและท่านแม่ หากจัดการเื่ต่างๆ เสร็จ เขาจะต้องกลับมาแน่นอน”
เหล่าต้ากำลังเตือนสตินางจางหลิ่ว หาก้าควบคุมครอบครัวของจางเฉาิอีกครั้งก็ต้องทำให้พวกเขากลับมา
นางจางหลิ่วหรี่ตา ทอดมองออกไปนอกหน้าต่างและจมอยู่ในห้วงความคิด
ในคืนวันนั้นที่ตาเฒ่าจางกลับมา เขายอมรับว่าครอบครัวของจางเฉาิร่ำรวยขึ้นแล้วด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย เมื่อเป็เช่นนั้นสีหน้าของตาเฒ่าจางก็แสดงออกด้วยความตื่นเต้นมากขึ้น
เหล่าต้าและเหล่าเอ้อสองพี่น้องรู้สึกว่าการที่ครอบครัวของเหล่าซื่อร่ำรวยแล้วเขาเนรคุณไม่สนใจครอบครัวเป็เื่ที่ไม่สมกับเป็บุรุษตระกูลจาง ตามเหตุผลแล้ว ควรจะนำเขามาลงโทษอย่างหนัก ทางที่ดีที่สุดควรจะนำเงินที่เขามีอยู่ออกมาให้หมด
แต่เหล่าซานและน้องสาวได้ขัดความคิดของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
“คราแรกพวกท่านขับไล่ให้พวกเขาแยกครอบครัวออกไปเองไม่ใช่หรือ น้องสี่เอ่ยปากว่าจะย้ายออกไป พวกท่านก็สนับสนุน ตอนนี้เมื่อพวกเขาร่ำรวยแล้ว พวกท่านยัง้าอะไรจากพวกเขาอีก” เหล่าซานคนนี้อาจเป็คนที่สมองช้าสักหน่อย แต่ก็เป็คนที่ซื่อสัตย์คล้ายคลึงจางเฉาิ เป็คนที่มีความกตัญญูและขยันทำไร่ทำนา
ปกติคนในครอบครัวของตนปฏิบัติต่อคนในครอบครัวของเหล่าซื่ออย่างไร เขาเห็นมาโดยตลอด เมื่อเห็นท่าทีของคนอื่นๆ ที่แสดงออกต่อเหล่าซื่อ เขาจึงได้ลุกขึ้นยืนและเอ่ยด้วยความยุติธรรม
เหล่าลิ่วเป็เด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งก็เป็แก้วตาดวงใจของนางจางหลิ่ว เพราะสูงก็รับไม่ไหวต่ำไปก็ไม่ดี[1] ตอนนี้ยังไม่ได้ออกเรือน แต่เด็กสาวคนนี้เป็คนฉลาด ไม่ใช่คนเปลือกตาตื้น[2]เหมือนกับเหล่าต้าและเหล่าเอ้อ เด็กคนนี้แม้จะไม่ได้เป็คนหน้าตาสะสวยนัก แต่นางน่ารักและยิ้มแย้มให้กับผู้คน บางครั้งก็ยิ้มหัวเราะเยาะเหล่าพี่สะใภ้จนเป็เื่ปกติ เหตุผลที่พวกเขาพูดคุยกันถึงเื่การแบ่งแยกครอบครัวของจางเฉาินั้น ตัวนางเข้าใจได้อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม ดวงตาของนางเองก็เปล่งประกาย
“ครอบครัวของเหล่าซื่อร่ำรวยแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ถือว่าเป็เื่ดีของตระกูลจางน่ะสิ”
นางจางหลิ่วได้ยินเด็กสาวเอ่ยเช่นนั้น ก็รีบเอ่ยถามบุตรสาวของตนเองทันที “แล้ว…เื่นี้จะทำอย่างไรดี ลูกรัก แม่รู้ว่าเ้าเป็คนที่คิดอุบายเก่งกาจที่สุด ยามนี้พวกบุรุษในบ้านต่างก็เสนอความเห็นอะไรไม่ได้ แต่ลูกสาวของแม่ไม่เหมือนกัน เ้าว่าจะทำอย่างไรดี”
คำพูดของนางจางหลิ่วไม่ได้ทำให้คนอื่นเกิดความไม่พอใจสักนิด ท้ายที่สุดแล้วหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวก็ได้รับความเห็นจากน้องสาวคนนี้นี่เอง เพราะน้องสาวคนนี้มีความทะเยอทะยานสูง สายตาหลักแหลม เป้าหมายในจิตใจสูงส่ง ไม่ค่อยชื่นชอบพี่สะใภ้เหล่านี้สักเท่าใดนัก
แต่ทว่าทุกคนมองว่านางเป็น้องสาว จึงไม่ได้มีใครคิดหยุมหยิมอะไรกับนาง น้องสาวคนนี้โตแล้ว จะช้าหรือเร็วก็ต้องออกเรือนไปอยู่ดี
“อะแฮ่ม ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่และพี่สะใภ้ พวกท่านได้ยินกันว่าพี่สี่ร่ำรวย ได้เป็เ้าของที่ดินแล้ว แต่พวกท่านเคยคิดกันหรือไม่ ก่อนหน้านี้พวกท่านปฏิบัติต่อพี่สี่ของข้าและพี่สะใภ้อย่างไร แล้วจะมาทำตัวอวดเบ่งไปขอเงินพี่สี่ คิดว่าเขาจะยินยอมหรือ”
น้องหกเอ่ยจบ ก็มองทุกคนด้วยสายตาเ็า
แต่ละคนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน โดยเฉพาะโจวชุ่ยจู๋ภรรยาของจางเหล่าต้า เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองเคยจัดการซูฉีเฉียวไปไม่น้อยยามก่อนหน้านี้ ในใจก็เริ่มรู้สึกไม่สู้ดี
“เื่นั้น…ไม่ว่าอย่างไร เหล่าซื่อก็เป็บุตรชายในบ้านของตระกูลจาง ไม่ใช่ว่าร่ำรวยแล้วจะลืมบิดาลืมมารดาเช่นนี้” โจวชุ่ยจู๋บ่นพึมพำ แต่ว่านางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่ ไม่เหมือน่เวลาปกติของนางสักเท่าไร
“น้องสี่ของพวกเราไม่ใช่คนเช่นนี้” เหล่าซานเอ่ยด้วยความโกรธ
น้องหกเหลือบมองไปยังเหล่าซาน “พี่สามของพวกเราพูดถูก พี่สี่เป็คนที่มีนิสัยเรียบง่าย อันที่จริงเขาก็เป็คนที่มีความกตัญญูต่อท่านพ่อกับท่านแม่ เื่นั้นเป็เพราะก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจเขาผิด ท่านพ่อ ท่านแม่ ครั้งนี้พวกเราจะให้คนไปวุ่นวายไม่ได้ พวกเราต้องรออยู่ที่บ้านให้พี่สี่เดินทางกลับมาเมื่อถึง่ปีใหม่ พวกท่านกับพวกเขาจะต้องสร้างความสัมพันธ์ให้สนิทสนมกัน ให้พวกเขากลับมาอยู่ที่บ้านอีกครั้ง หลังจากนี้พวกท่านก็จะได้รับเื่ดีๆ จากเขาไม่น้อย”
เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ออกไป ภายในห้องก็เงียบสนิท จางเหล่าต้าและโจวชุ่ยจู๋มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที
โจวชุ่ยจู๋เป็คนที่ปากรั่วมากที่สุด “อ้อ เื่นี้จะว่าไปแล้ว คำพูดของน้องหกก็มีเหตุผลนะ นี่เ้าหมายความว่าให้ส่งท่านพ่อท่านแม่ไปอยู่กับครอบครัวของเหล่าซื่อ หลังจากนั้นก็ให้พี่น้องได้ปรับความเข้าใจกัน หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เหล่าซื่อสามารถประคับประคองพี่น้องห้าคนได้ แต่พวกเราไม่สามารถอาศัยบารมีของเขาได้เลย น้องหก เ้าอย่าลืมสิ ครอบครัวใหญ่อย่างพวกเรา นอกจากเหล่าซื่อที่ถูกแยกครอบครัวออกไปแล้ว พวกเราคนอื่นๆ ยังไม่เคยแยกครอบครัวออกไปนะ พี่ใหญ่ของเ้าและคนอื่นๆ ต่างก็ใช้ชีวิตร่วมกับท่านพ่อท่านแม่ เมื่อก่อนลำบากยากเย็นแต่ก็ไม่ได้ขาดแคลนเื่อาหารการกิน ยามนี้ครอบครัวของเหล่าซื่อร่ำรวยแล้ว แต่พวกเราไม่สามารถไปอาศัยบารมีได้ ถ้าเช่นนั้นคนที่ได้รับบารมีนั้นมีแค่เ้ากับน้องห้าอย่างนั้นหรือ”
เหล่าเอ้อที่ได้ยินก็ชะงักไปเช่นกัน เื่แบบนี้พวกเขาไม่ยอมแน่นอน
เหล่าเอ้อคนนี้เองก็เป็คนทำตัวไม่ดีจนเคยชิน แค่ได้ยินเช่นนั้นก็คอแข็งขึ้นมาทันที “แหมๆ ท่านแม่ นี่คือบุตรสาวที่ท่านแม่เลี้ยงมาหรือนี่ นี่ยังไม่ได้ออกเรือนก็ทอดทิ้งพี่ๆ แล้วหรือ หากคนอื่นรู้ถึงจิตใจของนาง หลังจากนี้จะมีคนดีๆ มาแต่งงานกับนางอยู่หรือ ข้าก็ไม่ได้อยากจะกล่าวหาหรอกนะ น้องหก ทำเช่นนี้เ้าก็ใจร้ายเกินไปหน่อยกระมัง น้องห้าคือพี่น้องของเ้า แล้วพวกเราไม่ใช่พี่ของเ้าหรือ มีเื่ดีๆ เ้าก็จะทอดทิ้งพวกเราหรือ เช่นนั้นก็ไม่ได้เหมือนกัน”
“ถุย หากกล้าด่าทอลูกสาวข้าอีก ข้าจะจัดการกับปากเน่าๆ ของเ้า ตาแก่ ดูสินี่คือลูกชายที่เ้าเลี้ยงดูมาหรือ เ้ายังไม่ตาย พวกเขาก็ปฏิบัติต่อคนเป็มารดาเช่นนี้เสียแล้ว หลังจากนี้หากเ้าตายไปพวกเราจะทำอย่างไรเล่า เทพบน์ช่างลำเอียงเหลือเกิน”
นางจางหลิ่วะโออกมาจนทำให้คิ้วของตาเฒ่าจางเลิกขึ้น
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” ในที่สุดเขาก็ะโออกมาอย่างอดไม่ได้
“ข้าว่าพวกท่านช่างเปลือกตาตื้นจริงๆ นั่นแหละ ข้ายังกล่าวสิ่งที่คิดเอาไว้ไม่จบ พวกท่านจะมาโวยวายทำไมกัน” น้องหกเองก็เลิกคิ้วและมองไปยังพี่ชายของตนเองด้วยความจนใจ
“ข้าจะให้ท่านพ่อกับท่านแม่ไปหาครอบครัวของพี่สี่ ก็เพื่อจะให้ท่านพ่อและท่านแม่ไปอาศัยร่วมกับพวกเขาก่อน บ่มเพาะความรู้สึกขึ้นมา เช่นนี้ผิดที่ใดกัน ไม่ว่าพี่สี่จะร่ำรวยหรือจะกลายเป็เ้าของที่ดิน แต่ถึงอย่างไร เขาก็เป็บุตรชายของท่านพ่อ พวกท่านเล่า หากให้กล่าวด้วยจิตใจที่มีมโนธรรม เมื่อก่อนพวกท่านปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไรหรือ ยามนี้จะไปหาพี่สี่ คิดว่าพวกเขาจะยินดีหรือ ข้าไม่ได้คุยโวนะ หากพวกท่านไปหาพี่สี่เพื่อขอเงิน ขอนั่นขอนี่ ข้าว่าเพียงแค่อ้าปาก พี่สะใภ้สี่ก็คงจะไล่พวกท่านออกมาแน่ๆ หึ ลงทุนทางความรู้สึกไปก่อนแล้วค่อยดึงพวกเขากลับมา ขอแค่ท่านพ่อกับท่านแม่จับพี่สี่เอาไว้ได้ ก็เท่ากับว่าคว้าเงินทองของพี่สี่เอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน
พวกท่านไม่ได้แยกครอบครัว แต่ยังอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ หลังจากนี้หากท่านพ่อท่านแม่ได้เงินจากพี่สี่ จะไม่ตกมาถึงพวกท่านด้วยหรือ หาเื่ทะเลาะวิวาททุกวี่วัน เห็นพวกเปลือกตาตื้นวางแผน ข้าจะไปทนได้อย่างไรกัน”
คำพูดของน้องหกกระจ่างแจ้งทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเหล่าต้าและเหล่าเอ้อยังมีความเห็นอื่นอีก แต่ก็ไม่อาจจะทัดทานได้ว่าน้องสาวของพวกเขาพูดจามีเหตุผล
โจวชุ่ยจู๋ยังรู้สึกว่าผิดปกติ ยามที่นางตั้งใจจะเอ่ยปากพูดว่าหลังจากนี้ต่อให้ท่านพ่อและท่านแม่มีเงินแล้ว ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าจะมอบให้กับพวกนางเสียหน่อย ั้แ่ที่แม่สามีผู้มาที่หลังคนนี้ให้กำเนิดบุตรสาวและบุตรชาย การที่จะนำเงินออกมาจากมือของนางจางหลิ่วนั้นก็เป็เพียงแค่ความเพ้อฝันไปทันที
โจวชุ่ยจู๋ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก ทางด้านหลังก็มีมือใครคนหนึ่งยื่นมาหยิกนาง “เ้า”
เมื่อเห็นเหล่าต้าขยิบตาให้กับตนเอง โจวชุ่ยจู๋ก็ปิดปากเงียบทันที ครั้งนี้เพราะเื่ที่ครอบครัวของจางเฉาิร่ำรวย ทุกคนจึงได้มาประชุมกันและเื่ราวก็จบลงในตอนนี้
การประชุมของครอบครัวจบลงแล้ว แต่ในคืนนั้นก็มีคนบางส่วนภายในห้องหลายห้องที่ไม่ได้หลับพักผ่อน
[1] สูงก็รับไม่ไหวต่ำไปก็ไม่ดี หมายถึง การอธิบายถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในการหางานหรือการแต่งงาน
[2] เปลือกตาตื้น หมายถึง มองเพียงผิวเผิน ไม่สามารถมองได้ลึก เปรียบเหมือนคนไม่ฉลาด