บทที่ 5:เที่ยวบินขาออกสู่คาซัคสถาน
สามวันต่อมา ที่สนามบินโดโมเดโดโวคึกคักและวุ่นวายเหมือนเช่นเคย แต่สำหรับแคทเธอรีนแล้ว ทุกย่างก้าวที่เธอเหยียบลงบนพื้นหินขัดมันวาวนั้นหนักอึ้งราวกับเดินลุยโคลน บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นของการเดินทาง บัดนี้กลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่แดนปะา
เธอเป็คนแรกในกลุ่ม "ฝูงนกน้อยอพยบ" ที่ต้องออกเดินทางตามแผนการที่วางไว้ หัวใจของเธอเต้นระรัวอยู่ในอกราวกับจะทะลุออกมาข้างนอก เธอสวมบทบาทเป็นักเดินทางคนเดียว แต่งตัวด้วยเสื้อโค้ทสีเทาเรียบๆ แต่งหน้าบางๆ และเกล้าผมเป็มวยเรียบร้อย เพื่อให้ดูเหมือนพนักงานบริษัทที่กำลังจะเดินทางไปทำงานจริงๆ ไม่ใช่หญิงสาวที่กำลังจะไปแสวงหาความสุขในต่างแดน
ในกระเป๋าถือของเธอ นอกจากพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังมีเอกสารปลอมที่ทำขึ้นอย่างแเี ทั้งจดหมายเชิญเข้าร่วมสัมมนาด้านพลังงานที่กรุงอัสตานา และใบจองโรงแรมที่สอดคล้องกับวันเวลาเดินทาง ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้เพื่อตอบคำถามที่เธอรู้ดีว่าจะต้องเจอ
เธอเดินไปเข้าแถวเพื่อรอตรวจเอกสาร ขาออก แถวยาวเหยียดและเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า แคทเธอรีนพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็ปกติ สวดภาวนาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ให้แสดงพิรุธอะไรออกไป เธอจ้องมองแผ่นหลังของคนข้างหน้า พยายามไม่สบตากับเ้าหน้าที่ในเครื่องแบบที่เดินตรวจตราไปมาด้วยสายตาคมกริบ
แล้วเธอก็เห็น...
ที่ช่องตรวจเอกสารช่องหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแถวของเธอ มีกลุ่มหญิงสาวชาวรัสเซียห้าคนกำลังยืนออกันอยู่ พวกเธอดูเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป หัวเราะคิกคักและพูดคุยกันอย่างออกรส แต่เสียงหัวเราะนั้นขาดหายไปทันทีที่พวกเธอถูกเ้าหน้าที่เรียกให้หยุด
เ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองชายร่างใหญ่ หน้าตาบึ้งตึง กำลังซักฟอกพวกเธออย่างละเอียด น้ำเสียงของเขาเบาแต่ทรงอำนาจ ทุกคำถามที่ยิงออกไปเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ แคทเธอรีนซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินบทสนทนาทั้งหมด แต่ก็พอจะจับใจความได้จากท่าทางและสีหน้าของทุกคน
"วัตถุประสงค์ในการเดินทางคืออะไร?" "ไปเที่ยวค่ะ... พวกเราจะไปพักผ่อน" หญิงสาวคนหนึ่งตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
เ้าหน้าที่พลิกพาสปอร์ตของพวกเธอไปมาอย่างเชื่องช้า "ทั้งห้าคน... ไปเที่ยวที่เดียวกัน? พักโรงแรมเดียวกัน?"
"ค่ะ ใช่ค่ะ"
"มีตั๋วขากลับหรือยัง?"
คำถามนั้นทำให้กลุ่มหญิงสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก คนหนึ่งตอบอ้อมแอ้มว่า "ยังไม่ได้จองค่ะ... กะว่าจะไปหาเอาข้างหน้า"
นั่นคือคำตอบที่ผิดพลาดมหันต์
สีหน้าของเ้าหน้าที่เปลี่ยนเป็เ็าทันที เขาหยิบตราประทับขึ้นมา... แต่ไม่ใช่ตราอนุญาตให้ออกเดินทาง เขาส่งสัญญาณมือเรียกเ้าหน้าที่อีกสองคนให้เดินเข้ามาสมทบ กลุ่มหญิงสาวเริ่มหน้าซีดเผือด รอยยิ้มหายไปจากใบหน้า เหลือเพียงความสับสนและหวาดกลัว
"เชิญพวกคุณตามผมไปที่ห้องสอบสวนด้วยครับ" เสียงของเ้าหน้าที่ดังขึ้นพอที่แคทเธอรีนจะได้ยิน
หญิงสาวคนหนึ่งเริ่มร้องไห้ออกมาเบาๆ "ทำไมคะ? พวกเราทำอะไรผิด?"
แต่ไม่มีคำตอบใดๆ พวกเธอถูกคุมตัวเดินแยกออกไปจากแถว หายลับเข้าไปหลังประตูบานหนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับเ้าหน้าที่เท่านั้น" ผู้คนในแถวมองตามด้วยสายตาที่หลากหลาย ทั้งอยากรู้อยากเห็น สมเพช และบางคนก็โล่งใจที่ไม่ใช่ตัวเอง
ภาพนั้นทำให้เืในกายของแคทเธอรีนเย็นเฉียบ มันคือฝันร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับเธอได้ มันคือบทพิสูจน์ว่าแผนการที่พวกเธอวางมานั้นถูกต้องที่สุด การเดินทางมาเป็กลุ่มคือการฆ่าตัวตายชัดๆ
เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นที่ขมับ เธอรีบเช็ดออกก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น แถวขยับเข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงตาของเธอ
"คนต่อไป"
แคทเธอรีนสูดหายใจเข้าลึก ก้าวเท้าที่หนักอึ้งไปยังช่องตรวจเอกสาร เธอได้เ้าหน้าที่เป็ชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครารกครึ้ม ดวงตาของเขามองเธออย่างประเมิน ราวกับจะเจาะทะลุเข้าไปถึงความคิดในหัวของเธอ
เธอยื่นพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินให้เขาด้วยมือที่พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้สั่น
"จะไปไหน?" เขาถามเสียงห้วน
"อัสตานาค่ะ" เธอตอบ พยายามทำเสียงให้มั่นคงที่สุด
"ไปทำไม?"
"ไปร่วมสัมมนาค่ะ... สัมมนาด้านพลังงานยูเรเซีย" เธอตอบตามบทที่ท่องมา
"สัมมนากี่วัน?" เ้าหน้าที่หนวดครึ้มถามขึ้นมาลอยๆ น้ำเสียงของเขาราบเรียบจนน่าขนลุก เหมือนนักล่าที่กำลังเล่นกับเหยื่อก่อนจะตะครุบ
แคทเธอรีนรู้สึกเหมือนมีก้อนน้ำแข็งแล่นผ่านกระดูกสันหลัง แต่เธอได้ฝึกซ้อมฉากนี้ในหัวมานับร้อยครั้งแล้ว เธอจะไม่พลาด "สามวันค่ะ" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้มั่นคงที่สุด แม้ว่าเส้นเสียงของเธอจะสั่นสะท้านอยู่ข้างใน "หลังจากนั้นจะอยู่เที่ยวต่ออีกสองวันค่ะ"
เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจขั้นสุด และเพื่อตัดบทสนทนาให้สั้นลง เธอจึงตัดสินใจเดินเกมรุก "นี่ใบจองโรงแรมค่ะ" เธอยื่นเอกสารอีกใบให้เขาโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ เป็การเคลื่อนไหวที่เดิมพันสูง อาจจะดูเหมือนนักเดินทางที่เตรียมตัวมาอย่างดี หรืออาจจะดูเหมือนคนที่ร้อนรนจนเกินเหตุ
เขารับมันไป... แต่มองมันเพียงผ่านๆ แล้ววางมันลงบนเคาน์เตอร์ข้างพาสปอร์ตของเธอ
จากนั้น... ความเงียบก็เข้าครอบงำ
มันไม่ใช่ความเงียบธรรมดา แต่เป็ความเงียบที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดันมหาศาล เ้าหน้าที่คนนั้นไม่พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่นั่งนิ่ง จ้องหน้าเธอไม่วางตา ดวงตาสีเหล็กของเขาคมกริบราวกับใบมีด กำลังสำรวจทุกอณูบนใบหน้าของเธอ ค้นหาร่องรอยของความหวาดกลัว ค้นหาเสี้ยววินาทีที่เธอจะหลุดพิรุธ
แคทเธอรีนรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดลมหายใจ โลกทั้งใบหดแคบลงเหลือเพียงใบหน้าของชายตรงหน้ากับเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นดังราวกับกลองา เธอทำได้เพียงจ้องตอบกลับไป พยายามส่งผ่านความรู้สึกของพนักงานบริษัทผู้ซื่อสัตย์ที่กำลังจะเดินทางไปทำงานออกไปทางสายตาให้มากที่สุด ฉันไม่มีอะไรต้องปิดบัง ฉันไม่มีอะไรต้องปิดบัง เธอท่องประโยคนี้ซ้ำๆ ในใจราวกับบทสวด
วินาทีผ่านไปราวกับชั่วโมง...
ทันใดนั้น เขาก็หยิบเอกสารเชิญเข้าร่วมสัมมนาพลังงานยูเรเซียขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเขากวาดอ่านมันช้าๆ อีกรอบหนึ่ง แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างกายที่ใหญ่โตของเขาบดบังแสงไฟจนเกิดเป็เงาทาบทับร่างของเธอ
เขาหันหลังและเดินตรงไปยังห้องทำงานด้านหลัง โดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งให้แคทเธอรีนยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าเคาน์เตอร์ที่ว่างเปล่า
วินาทีนั้นเอง โลกของเธอก็พังทลายลงมา
เขาเข้าไปตรวจสอบ...
ความคิดนั้นกรีดร้องอยู่ในหัวของเธอ ขาของเธอสั่นระริกจนแทบจะยืนไม่อยู่ ถ้าหากเขาโทรศัพท์หรือส่งข้อความไปตรวจสอบกับหน่วยงานที่ระบุไว้ในจดหมาย... ถ้าหากเขารู้ว่างานสัมมนานั่นไม่มีอยู่จริง... ทุกอย่างก็จบสิ้น เธอไม่ได้แค่ถูกปฏิเสธไม่ให้ออกนอกประเทศ แต่เธอจะถูกจับกุมในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและพยายามหลบหนีออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมายทันที
เวลาผ่านไปหนึ่งนาที... สองนาที... แคทเธอรีนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมลงไปในบ่อน้ำแข็งที่มองไม่เห็น อากาศรอบตัวหนาวเหน็บจนเข้ากระดูก เหงื่อกาฬไหลซึมออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างกาย
สามนาที... สี่นาที... สำหรับเธอ มันยาวนานราวกับชั่วชีวิต เธอจินตนาการเห็นภาพตัวเองถูกลากเข้าไปในห้องสอบสวน ถูกเค้นความจริงจนต้องซัดทอดถึงนาตาเลียและเยกาตรีน่า แผนการทั้งหมดของ "ฝูงนกน้อยอพยบ" จะล่มสลายลงตรงนี้
ห้านาที...
ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ของเ้าหน้าที่คนเดิมเดินกลับออกมา ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขากลับมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าเธอ วางเอกสารแผ่นนั้นลงบนเคาน์เตอร์อย่างแ่เบา
มันคือ่เวลาที่แทบจะหยุดหายใจ แคทเธอรีนกลั้นหายใจรอฟังคำพิพากษา
แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกมา ประตูห้องนั้นก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็เ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่ดูมียศสูงกว่า เขาเดินตรงเข้ามาหาเ้าหน้าที่หนวดครึ้ม ก้มตัวลงกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหู พร้อมกับชี้นิ้วมาที่เอกสารสัมมนาแผ่นนั้น
หัวใจของแคทเธอรีนหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม พวกเขาเจออะไรบางอย่างแล้ว...
เ้าหน้าที่หนวดครึ้มพยักหน้ารับรู้ช้าๆ ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง คราวนี้แววตาของเขาเปลี่ยนไป มันไม่ใช่การประเมินอีกต่อไป แต่มันคือแววตาของคนที่กุมไพ่เหนือกว่าทุกประตู
"คุณแคทเธอรีน" เขาเอ่ยชื่อเธอเป็ครั้งแรก "ผมมีคำถามง่ายๆ ข้อหนึ่ง... งานสัมมนาจัดขึ้นที่เมืองอัลมาตี ทำไมคุณถึงไม่เดินทางไปอัลมาตีโดยตรง แต่กลับเลือกไปลงที่อัสตานา?"
คำถามนั้นเปรียบเสมือนหมัดฮุกที่ชกเข้าที่ลิ้นปี่ของเธออย่างจัง
สมองของเธอขาวโพลนไปชั่วขณะ แผนการที่ซักซ้อมมาอย่างดีพังครืนลงต่อหน้าต่อตา เธอไม่ได้เตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้ไว้! พวกเธอคิดถึงแต่เื่การแยกย้ายเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ แต่กลับพลาดรายละเอียดที่สำคัญที่สุดไปอย่างไม่น่าให้อภัย ความผิดพลาดนี้จะทำลายชีวิตเธอ
เธออ้าปากค้างพยายามจะหาคำตอบ แต่ในหัวกลับว่างเปล่า ความหวังทั้งหมดดับวูบลง เธอเห็นภาพกรงขังอยู่รำไร
แต่แล้ว... ท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัดนั้นเอง หูของเธอก็แว่วได้ยินเสียงแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังโวยวายอยู่ในแถวถัดไปดังขึ้นมา
"นี่มันอะไรกัน! ทำไมทำงานกันช้าแบบนี้! รู้ไหมว่าญาติของฉันยืนรอจนขาแข็งแล้วที่คาซัคสถานน่ะ!"
...ญาติ...
คำว่า "ญาติ" คือเสียง์ มันคือฟางเส้นสุดท้ายที่ลอยมาตรงหน้าคนกำลังจะจมน้ำ ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็ความตายนั้นเอง สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของแคทเธอรีนก็ทำงานโดยอัตโนมัติ
เธอเงยหน้าขึ้น สบตากับเ้าหน้าที่ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป เธอปั้นสีหน้าที่ดูจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงอย่างไม่น่าเชื่อ
"เยี่ยมญาติค่ะ"
เ้าหน้าที่ขมวดคิ้ว "ว่ายังไงนะ?"
"ฉันจะไปเยี่ยมญาติก่อนค่ะ" แคทเธอรีนพูดต่อ ปะติดปะต่อเื่ราวใหม่สดๆ ในหัว "ลูกพี่ลูกน้องของฉันเพิ่งคลอดลูกที่อัสตานา ฉันตั้งใจจะไปเยี่ยมหลานก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อไปยังอัลมาตีเพื่อเข้าร่วมงานสัมมนาค่ะ"
มันคือคำโกหกที่สมบูรณ์ที่สุดที่เธอจะคิดได้ในสถานการณ์นั้น มันสมเหตุสมผล มันมีความเป็ส่วนตัว และมันยากที่จะตรวจสอบได้ในทันที
ในที่สุด... หลังจากที่เวลาผ่านไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็หยิบตราประทับขึ้นมา
ปึ้ก!
เสียงตราประทับกระแทกลงบนหน้าพาสปอร์ตของเธอดังสนั่นในความรู้สึก มันคือเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลก แคทเธอรีนแทบจะทรุดลงตรงนั้น
เขาเลื่อนพาสปอร์ตคืนให้เธอโดยไม่พูดอะไรอีก
"ขอบคุณค่ะ" เธอกล่าวเสียงเบา รับเอกสารคืนแล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง เธอเดินตรงไปยังประตูผู้โดยสารขาออกด้วยขาที่แทบจะก้าวไม่ออก แต่หัวใจกลับพองโตด้วยความโล่งอกอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เมื่อเธอมาถึงบริเวณที่นั่งรอขึ้นเครื่องและแน่ใจว่าไม่มีใครสนใจเธอแล้ว เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดกลุ่มแชทลับที่มีเพียงเธอกับเพื่อนอีกสองคน แล้วส่งสัญลักษณ์ที่ตกลงกันไว้...
ߐ漯p>
อิโมจิรูปนกตัวเล็กๆ ถูกส่งออกไปเงียบๆ ... เป็สัญญาณว่านกตัวแรกได้ทะยานออกจากรังเป็ผลสำเร็จแล้ว.!
