ทั้งสองซื้อหาข้าวของที่้าเสร็จสรรพก็พากันเดินทางกลับ วันรุ่งขึ้นก็จะถึงเทศกาลไหว้บะจ่างแล้ว เหลียงซื่อได้ตกลงกับอันซิ่วเอ๋อร์ไว้ล่วงหน้าว่าจะให้เด็กหญิงทั้งสองนำขนมจ้าง [1] มาส่งให้ ไม่ต้องให้นางต้องวุ่นวายเตรียมเอง อันซิ่วเอ๋อร์ก็ยินดีนักที่ไม่ต้องเหนื่อย ด้วยอย่างไรเสียในบ้านก็อาศัยอยู่กันเพียงสองคน การจะมาต้มขนมจ้างเองนั้นช่างยุ่งยากเกินไปจริงๆ
ตอนที่อันซิ่วเอ๋อร์ร่ำลากับต่งซื่อ นางก็กำชับเป็พิเศษว่าตอนเย็นจะให้ต้ายานำขนมจ้างมาส่งให้ อันซิ่วเอ๋อร์ก็พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย แค่ขนมจ้างเพียงไม่กี่ชิ้น นางย่อมไม่คิดเกรงใจอันใดอยู่แล้ว
เมื่อกลับถึงบ้านก็ยังเป็่บ่าย นางจัดเตรียมอาหารให้จางเจิ้นอันเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับมาลงมือตัดเย็บเสื้อผ้าต่อ เสื้อผ้าบุรุษนั้นมีรูปแบบค่อนข้างเรียบง่าย นางวัดขนาดตัวของจางเจิ้นอันเก็บไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงลงมือตัดผ้าและเย็บไปตามแบบ ก็วุ่นวายอยู่จนแทบไม่มีเวลาได้พักหายใจ
หลังจากง่วนอยู่ครึ่งค่อนวัน เสื้อผ้าตัวนั้นก็ถือว่าใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว นางบีบนวดลำคอที่เมื่อยขบ ยืดตัวลุกขึ้น ลองถือเสื้อผ้าในมือสะบัดเบาๆ เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้เก็บรายละเอียดชายขอบนั้นดูเรียบๆ ไปสักหน่อย
นางคิดว่าควรจะปักลวดลายดอกไม้ลงไปสักหน่อยจึงจะดูดี ทว่าก็เกรงว่าจะทำไม่ทันเวลา กำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี เสียงอึกทึกก็ดังแว่วมาจากข้างนอก
นางตั้งใจจะเก็บเสื้อผ้าชุดนี้ไว้ให้จางเจิ้นอันประหลาดใจ จึงรีบร้อนนำไปซ่อนเก็บไว้ เมื่อเดินออกจากห้องจึงเพิ่งสังเกตว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าไป
แย่แล้ว! นางยังไม่ได้หุงหาอาหารเลย อันซิ่วเอ๋อร์ยกมือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ตั้งใจจะรีบไปยังห้องครัว แต่พลันได้ยินเสียงเคาะประตู "ก๊อกๆๆ" ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้นางนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนอยู่ข้างนอก
ชาวบ้านแถบนี้ล้วนมีน้ำใจ อันซิ่วเอ๋อร์จึงไม่ได้คิดอะไรมาก นางคาดว่าคงเป็จางเจิ้นอันหรือไม่ก็หลานสาวทั้งสอง ต้ายาและเอ้อร์ยา จึงไม่ได้เอ่ยถามว่าเป็ผู้ใด รีบวิ่งไปเปิดประตูในทันที ทว่าผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับเป็บุรุษแปลกหน้าที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อน
บุรุษผู้นี้สวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตา ใบหน้าหล่อเหลาดูสุภาพอ่อนโยน เมื่อเห็นอันซิ่วเอ๋อร์ก็แย้มยิ้มบางๆ ส่งมาให้ กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า "แม่นาง ข้าบังเอิญเดินทางผ่านมาทางนี้ ใคร่จะขอน้ำดื่มสักหน่อยได้หรือไม่?"
หากเป็เมื่อก่อน อันซิ่วเอ๋อร์เมื่อเห็นคุณชายชุดขาวท่าทางภูมิฐานเช่นนี้ ก็คงอดไม่ได้ที่จะแอบมองเขามากกว่าหนึ่งครั้ง ทว่านับั้แ่ได้เจอกับกู้หลินหลาง นางก็รู้สึกว่าบุรุษรูปงามเหล่านี้มักไม่ใช่คนดีนัก สัญชาตญาณจึงบอกให้นางปฏิเสธ
"บ้านข้าไม่มีน้ำดื่มให้หรอก"
นางกำลังจะปิดประตู แต่คุณชายชุดขาวกลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "ขอเรียนถามแม่นาง เ้าของบ้านหลังนี้แซ่จางใช่หรือไม่?"
อันซิ่วเอ๋อร์เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง เห็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะประจบประแจงของเขาแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคงมีเจตนาร้าย คิดดังนั้นจึงตอบกลับไปโดยพลันว่า "ไม่ใช่แซ่จาง แซ่อันต่างหาก"
"หากเป็เช่นนั้น ข้าคงต้องขออภัยที่มารบกวนแล้ว" คุณชายผู้นั้นเห็นอันซิ่วเอ๋อร์แสดงท่าทีระแวดระวัง ก็ไม่เซ้าซี้ต่อ เพียงก้าวเท้าเตรียมจะจากไป
"เดี๋ยวก่อน…"
อันซิ่วเอ๋อร์เห็นเขาจะจากไปจริงๆ กลับร้องเรียกเขาไว้ เมื่อคุณชายผู้นั้นหันกลับมาด้วยสีหน้ายินดี อันซิ่วเอ๋อร์กลับกล่าวกับเขาว่า "หากท่านกระหายน้ำจริงๆ เดินตรงไปข้างหน้าอีกราวร้อยก้าว บ้านหลังนั้นน่าจะมีน้ำให้ท่านดื่มแน่นอน"
ใบหน้าของเยี่ยนจิ่งซิวพลันกระตุกวูบ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าความหล่อเหลา ความสง่างาม และเสน่ห์อันแพรวพราวของตน ซึ่งเป็ที่เลื่องลือในหมู่สาวงามแห่งเมืองิ่เยว่ จะถูกสตรีชาวบ้านเช่นนางเมินเฉยใส่ถึงเพียงนี้ ในใจรู้สึกห่อเหี่ยวไปบ้าง ทว่ายังคงฝืนแย้มยิ้มอย่างสุภาพ "ขอบคุณแม่นางมาก"
"ไม่ต้องเกรงใจ" อันซิ่วเอ๋อร์ยิ้มตอบ ท่าทีผ่อนคลายลงไปมาก กำลังจะปิดประตู ก็พลันเห็นต้ายากำลังถือห่อขนมจ้างวิ่งตรงมาทางนี้พอดี รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ยิ่งสดใสขึ้นไปอีก เยี่ยนจิ่งซิวเห็นดังนั้นก็พลันใจชื้นขึ้นมา คิดว่าตนเองก็ยังพอมีเสน่ห์อยู่บ้าง เขาหันกายกลับมา กำลังจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นก็เห็นเด็กหญิงคนนั้นวิ่งถลาเข้าสู่อ้อมกอดของนาง
"ท่านอา…"
อันซิ่วเอ๋อร์ลูบศีรษะต้ายาเบาๆ แล้วจูงมือนางเข้าบ้านไป จนกระทั่งปิดประตูลง ก็ไม่ได้เหลียวมองเยี่ยนจิ่งซิวอีกเลยแม้แต่น้อย เยี่ยนจิ่งซิวยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน พลางถอนหายใจซ้ำไปซ้ำมา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจเดินไปยังบ้านหลังที่นางชี้บอกเพื่อขอน้ำดื่มต่อไป
"นี่เ้าค่ะ ท่านย่าให้ข้านำขนมจ้างมาให้"
ต้ายาเข้ามาในบ้านแล้วก็ยื่นห่อขนมจ้างส่งให้อันซิ่วเอ๋อร์ทันที อันซิ่วเอ๋อร์รับมาเปิดดู บนพวงเถาวัลย์นั้นผูกขนมจ้างสีเขียวมรกตนับสิบลูก ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ น่าทาน
"เหตุใดจึงนำมาให้มากถึงเพียงนี้เล่า แล้วพวกเ้าจะพอทานกันหรือ?" อันซิ่วเอ๋อร์เงยหน้ามองต้ายา แกะขนมจ้างออกจากพวงลูกหนึ่งส่งให้ต้ายา "มา เ้ากินก่อนลูกหนึ่ง"
"ที่บ้านมีเ้าค่ะ" ต้ายาไม่กล้ารับ
"รับไปเถอะน่า ที่บ้านคนเยอะ พวกเ้าเองก็คงได้กินกันคนละไม่กี่ลูกหรอก ข้ากับท่านอาเขยของเ้าแค่สองคน กินมากมายขนาดนี้ไม่หมดอยู่แล้ว" อันซิ่วเอ๋อร์ยิ้ม กล่าวเสริม "ข้ากำลังจะทำอาหารเย็นพอดี เ้าเอาขนมจ้างมาให้เช่นนี้ ตอนเย็นข้าก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว สะดวกดีจริง"
ต้ายาจึงยอมยื่นมือรับมา นางไม่เคยรู้สึกกดดันเวลาต้องรับของจากอันซิ่วเอ๋อร์เลย อันซิ่วเอ๋อร์กล่าวก็ไม่ผิดนัก ที่บ้านของนางไม่ได้ทำขนมจ้างไว้มากมายจริงๆ กว่าจะแบ่งมาถึงนางก็คงเหลือไม่กี่ลูก
อันซิ่วเอ๋อร์เห็นนางรับไปแล้ว ก็เดินไปหยิบตะเกียบมาคู่หนึ่ง พร้อมกับน้ำตาลทรายถ้วยเล็กๆ มาวางให้ "มา จิ้มน้ำตาลกินสิ"
"เ้าค่ะ" ต้ายาแกะเปลือกขนมจ้างออกอย่างคล่องแคล่ว ใช้ตะเกียบจิ้มลงไปในเนื้อขนมจ้าง แล้วนำไปคลุกกับน้ำตาลในถ้วย ก่อนจะส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
"ท่านอา เหตุใดท่านไม่ทานด้วยเล่าเ้าคะ?" หลังจากกัดไปคำหนึ่ง เด็กหญิงก็สังเกตเห็นว่าอันซิ่วเอ๋อร์กำลังมองดูนางอยู่ จึงรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อย
"ไม่เป็ไร เ้ากินก่อนเถิด อาจะรอท่านอาเขยของเ้ากลับมาแล้วค่อยกินพร้อมกัน" อันซิ่วเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม นาง้าเก็บขนมจ้างแสนอร่อยนี้ไว้แบ่งปันกับเขา
"เช่นนั้นก็ได้เ้าค่ะ" ต้ายาได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก รีบกินขนมจ้างในมือจนหมด แล้วกล่าวว่า "ท่านอา ถ้าเช่นนั้นข้ากลับก่อนนะเ้าคะ ท่านย่าพวกเขากำลังรออยู่"
"ไปเถิด" อันซิ่วเอ๋อร์เดินไปส่งนางที่หน้าประตู มองจนร่างเล็กๆ ของนางหายลับไปแล้วจึงละสายตากลับมา นางสังเกตว่าดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ทว่าจางเจิ้นอันกลับยังไม่กลับมาเสียที นางรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง หรือว่าวันนี้เขาจะเข้าเมืองไปอีกแล้ว? แต่ข้าก็บอกเขาแล้วไม่ใช่หรือว่า่นี้ให้งดเื่หาปลาไปก่อน?
อาจจะมีเื่อื่นมาทำให้เขาเสียเวลากระมัง หรืออาจจะเป็พวกนักเรียนรั้งตัวไว้ถามปัญหา เดาว่าเขาคงใกล้จะกลับมาแล้ว นางจึงยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูอีกสักพัก จนกระทั่งฟ้ามืดสนิทจึงเห็นร่างสูงของเขากำลังรีบเดินกลับมาแต่ไกล
เมื่อเห็นอันซิ่วเอ๋อร์ยืนรออยู่ จางเจิ้นอันก็รีบก้าวเท้าเข้ามาหา กล่าวว่า "รอนานหรือไม่?"
"ไม่นานเ้าค่ะ" อันซิ่วเอ๋อร์ส่ายหน้า ถามเขาด้วยความเป็ห่วงว่า "วันนี้เหตุใดจึงกลับมาช้าเช่นนี้เล่าเ้าคะ?"
"เฮ้อ…" จางเจิ้นอันถอนหายใจเบาๆ พลางยกตะกร้าในมือขึ้น อันซิ่วเอ๋อร์ชะโงกมองเข้าไปข้างในก็เห็นแต่ขนมจ้างเต็มตะกร้า นางมองจางเจิ้นอันอย่างสงสัย เขาจึงอธิบายให้นางฟังว่า "ตอนใกล้จะเลิกเรียน พวกผู้ปกครองพากันนำขนมจ้างเหล่านี้มาให้ข้า ข้าไม่ยอมรับ เถียงกับพวกเขาอยู่ที่สำนักศึกษาอยู่นาน ในท้ายที่สุดพวกเขาก็วางของทิ้งไว้บนแท่นสอนแล้วพากันกลับไปหมด ข้าหมดหนทาง จึงจำต้องถือกลับมานี่อย่างไรเล่า"
"แสดงว่าตอนนี้ท่านเป็ที่รักของชาวบ้านแล้วสินะเ้าคะ ถึงมีคนนำของขวัญมาให้"
อันซิ่วเอ๋อร์มองเขาพลางยิ้มหยอก จางเจิ้นอันมองตอบนาง ถามขึ้นว่า "แล้วจะทำอย่างไรกับขนมจ้างเหล่านี้ดี? โบราณกล่าวไว้ 'ไร้คุณงามความดี ไม่พึงรับสินน้ำใจ' ข้าไม่ควรรับของจากผู้อื่นเช่นนี้"
"ถ้าเช่นนั้นท่านไม่รับ แล้วจะถือกลับมาทำไมเล่าเ้าคะ?" อันซิ่วเอ๋อร์กล่าวกลั้วหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อ "ช่างเถิดเ้าค่ะ ถือเป็น้ำใจ่เทศกาล ขนมจ้างไม่กี่ชิ้นก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ภายภาคหน้าท่านก็ตั้งใจสั่งสอนลูกหลานพวกเขาให้ดียิ่งขึ้นก็แล้วกัน"
"เื่นั้นข้ารู้ดีอยู่แล้ว ทว่าข้า้า…" จางเจิ้นอันกล่าวแล้วก็หยุดไป เขาไม่คุ้นชินกับการรับของจากผู้อื่นจริงๆ
"ท่าน้าจะตอบแทนน้ำใจพวกเขาใช่หรือไม่เ้าคะ?"
อันซิ่วเอ๋อร์มองทะลุความคิดของเขา จางเจิ้นอันพยักหน้าอย่างแรง อันซิ่วเอ๋อร์จึงกล่าวว่า "ท่านไม่ต้องกังวลหรอกเ้าค่ะ ข้าจะนำสร้อยข้อมือเบญจมงคลที่ข้าถักไว้มอบให้พวกเขาเป็การตอบแทนดีหรือไม่เ้าคะ? สร้อยข้อมือนี้ใช้สำหรับอธิษฐานขอพร เหมาะกับเทศกาลไหว้บะจ่างพอดี"
"จะไม่เป็การลำบากเ้าเกินไปหรือ?" จางเจิ้นอันเอียงศีรษะมองนางอย่างพิจารณา
"ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ที่ข้าก็ยังมีสร้อยข้อมือเบญจมงคลเหลืออยู่อีกมาก เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาคงไม่อยู่ที่สำนักศึกษาแล้ว มิเช่นนั้นข้าจะได้รีบนำไปให้พวกเขาเสียตอนนี้เลย ท่านจะได้ไม่รู้สึกติดค้างน้ำใจพวกเขาอีก" อันซิ่วเอ๋อร์มองออกว่าจางเจิ้นอันคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
จางเจิ้นอันไม่คุ้นชินกับการไปมาหาสู่หรือรับของจากชาวบ้านเหล่านี้ การรับของมาโดยไม่ตอบแทนทำให้เขารู้สึกติดค้างในใจอยู่เสมอ เมื่อได้ยินอันซิ่วเอ๋อร์กล่าวเช่นนี้ก็พยักหน้าพลางกล่าวว่า "น่าเสียดาย ก่อนหน้านี้ข้าน่าจะบอกเ้าเร็วกว่านี้ พวกเขาตอนนี้คงกลับถึงบ้านกันหมดแล้ว"
"กลับบ้านไปแล้วก็ไม่เป็ไรนี่เ้าคะ" อันซิ่วเอ๋อร์กลับยิ้มขึ้นมาอีก กล่าวว่า "พรุ่งนี้ข้าจะนำสร้อยข้อมือไปฝากไว้กับหรงเหอ ให้เขาช่วยนำไปแจกจ่ายให้เพื่อนนักเรียนในสำนักศึกษา พวกเด็กๆ ย่อมมีวิธีส่งต่อถึงกันได้อยู่แล้ว ไม่เป็ปัญหาหรอกเ้าค่ะ ทั้งยังถือเป็การกระชับมิตรภาพในหมู่เพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกด้วย"
"เ้าช่างฉลาดหลักแหลมเสียจริง" เมื่อได้ยินอันซิ่วเอ๋อร์จัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย จางเจิ้นอันก็ไม่ติดใจกับเื่นี้อีกต่อไป
เมื่อเข้ามาถึงห้องโถง เขาเทขนมจ้างในตะกร้าออกมาวางบนโต๊ะ กล่าวว่า "มากมายขนาดนี้ พวกเราสองคนคงกินไม่หมดกระมัง มิสู้เดี๋ยวแบ่งส่วนหนึ่งไปให้ท่านพ่อท่านแม่ของเ้าด้วยเถิด"
"แต่นั่นเป็น้ำใจจากเหล่าลูกศิษย์ของท่านนะเ้าคะ ท่านจะยอมแบ่งไปให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าจริงๆ หรือ?"
อันซิ่วเอ๋อร์กล่าวจบก็แอบชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวต่อ "เมื่อตอนบ่าย ท่านแม่ของข้าก็ให้ต้ายาเอาขนมจ้างมาให้แล้วสิบลูก ข้าจึงยังไม่ได้หุงหาอาหารเลย ตอนเย็นนี้พวกเราก็กินขนมจ้างกันก็แล้วกันนะเ้าคะ"
"ดีเหมือนกัน" จางเจิ้นอันพยักหน้า อันซิ่วเอ๋อร์จึงเดินไปหยิบถ้วยน้ำตาลและตะเกียบจากในครัวออกมา พลางกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่คิดเลยว่าเทศกาลไหว้บะจ่างครั้งแรกที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน แม้จะไม่ได้ลงมือห่อขนมจ้างเอง แต่ก็ยังมีขนมจ้างมากมายขนาดนี้ให้กิน ช่างมีความสุขจริงๆ ข้าคงต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ได้มาอยู่กับท่านแล้วกระมัง"
"ข้าเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน สองวันก่อนพวกเขายังทำท่าฮึกเหิมจะมาหาเื่ข้าอยู่เลย แต่วันนี้กลับพากันเอาขนมจ้างมาให้เสียอย่างนั้น ข้ารู้สึกแปลกใจจริงๆ เ้ารู้หรือไม่ ตอนที่ข้าเห็นพวกเขาพากันมา ข้าก็นึกว่าพวกเขาคงจะมาหาเื่ข้าอีกแล้ว"
จางเจิ้นอันแกะขนมจ้างลูกหนึ่งออก ใช้ตะเกียบเสียบไว้ จุ่มลงในน้ำตาลแล้วส่งให้อันซิ่วเอ๋อร์ อันซิ่วเอ๋อร์ยื่นมือรับมา กล่าวถามขึ้นว่า "พวกเขาไปหาเื่ท่านั้แ่เมื่อไหร่กันเ้าคะ? เหตุใดท่านจึงไม่บอกข้าเลย?"
"ก็เมื่อสองสามวันก่อนนั่นแหละ แต่ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร"
จางเจิ้นอันแกะขนมจ้างให้ตนเองอีกอัน จิ้มน้ำตาลแล้วกัดไปคำหนึ่ง ข้างในมีไส้ถั่วแดงเม็ดเล็กๆ ผสมอยู่ รสชาติหอมหวานนุ่มหนึบ บางทีอาจเป็เพราะเป็ของที่ผู้อื่นมอบให้ด้วยน้ำใจกระมัง จึงทำให้เขารู้สึกว่ามันอร่อยเป็พิเศษ เทียบกับขนมจ้างสวยงามประณีตที่วางขายในเมืองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
"ในเมื่อไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ข้าก็จะไม่ถามแล้วกันเ้าค่ะ ทว่าภายภาคหน้าท่านมีเื่อันใดก็ต้องบอกข้านะเ้าคะ อย่าเก็บไว้คนเดียวให้ข้าต้องเป็ห่วง" อันซิ่วเอ๋อร์เห็นว่าเื่ราวได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ เพียงแต่เริ่มลงมือกินขนมจ้างในมืออย่างเอร็ดอร่อยเช่นเดียวกับจางเจิ้นอัน
อันซิ่วเอ๋อร์กัดไปคำหนึ่ง เนื้อแป้งนุ่มหนึบ นางเปล่งเสียงชื่นชมด้วยความพึงพอใจ
"อืม อร่อยจริงๆ เ้าค่ะ
เชิงอรรถ[1] ขนมจ้างหรือบ๊ะจ่าง ขนมที่นิยมทำและรับประทานในเทศกาลไหว้บะจ่าง
