ทักษะตราประทับโลหิตมีเงื่อนไขบางประการสำหรับการใช้งาน โดยหลักๆแล้วสามารถที่จะฝังตราประทับได้เพียงบุคคลที่มีจิตใจสั่นคลอนและตกอยู่ในสภาวะจิตตก แน่นอนว่าหยางเหมินที่กำลังหวาดกลัวเป็เป้าหมายที่ตรงตามเงื่อนไข
ไป๋เฉินเป็นักฆ่ามือฉมังที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง คงยากที่จะมีผู้ใดสามารถทนต่อแรงกดดันต่อจิตสังหารของเขาได้
ราวกับว่าเคล็ดวิชาตราประทับโลหิตถูกสร้างขึ้นมาเพื่อไป๋เฉินอย่างไรอย่างนั้น
หยางเหมินวิ่งกลับไปหาหยางลั่วด้วยหน้าตาตื่น นี่เป็ครั้งแรกที่มันประสบพบเจอเข้ากับสถานการณ์ที่อันตรายเกือบจะถึงแก่ชีวิต มันเชื่อว่าหากบิดาของมันไม่ยอมจ่ายเงินเรียกค่าไถ่ มันก็มิอาจรู้ว่าไป๋เฉินจะปู้ยี้ปู้ยำกับมันอย่างไรบ้าง
"เอาล่ะ ขอขอบคุณท่านผู้นำหยางที่เมตตา ในเมื่อไม่มีธุระอันใดแล้ว ข้าขอตัวไปอาบน้ำก่อน" ไป๋เฉินที่มีใบหน้ามอมแมมโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
แต่ในใจเขากำลังโห่ร้องอย่างปิติ 'เพียงเท่านี้ข้าก็จะสามารถขยายอาณาเขตและจำนวนของสมาพันธ์นักฆ่าไปได้มากโข และข้าสามารถเพื่มสมาชิกได้จนจะกลายเป็กองกำลังขนาดใหญ่ได้ วะฮ่าฮ่าฮ่า!'
หยางลั่วทำได้เพียงกัดฟันอย่างเดือดดาลเมื่อเห็นร่างไป๋เฉินจากไป
"กลับ!" หยางลั่วสะบัดอาภรณ์อย่างไม่สมอารมณ์และกลับไปยังรถม้าอย่างอับอาย
นอกจากจะจัดการกับไป๋เฉินไม่ได้แล้ว มันยังสูญเสียเงินกว่า 5,000 เหรียญทองอีกต่างหาก ความอัปยศนี้มันกลืนลงคอไปได้อย่างไร? แน่นอนว่ามันต้องหาโอกาสในการแก้แค้นให้จงได้!
ฉินเหยียนทอดถอนหายใจพลางเหลือบมองไปยังแผ่นหลังไป๋เฉินด้วยความสงสัย 'เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเขามิใช่ไป๋เฉินคนเก่าที่ข้ารู้จักแม้แต่น้อย'
จากนั้นไม่นานฉินเหยียนส่ายหน้าและกลับไปยังอาคารหลังเดิม โดยที่ฉินเยว่ฉานและฉินเหวินเทียนได้แยกย้ายกันไปตามไป๋เฉินไปยังกระโจมหลังโทรม
และปล่อยให้ฉินิหยวนยืนกัดฟันกรอดด้วยสีหน้าพยาบาท
.
.
.
เวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไปจนถึงยามวิกาล
ค่ำคืนนี้จันทราเต็มดวงส่องสว่างวาบบ่งบอกว่าเป็คืนเดือนหงาย ภายในสถานที่หรูหราแห่งหนึ่งใจกลางเมืองเทียนหยุนเผยให้เห็นห้องโอ่อ่าที่ประดับประดาไว้ด้วยสีแดงราวกับค่ำคืนของการแต่งงาน
โดยภายในห้องมีร่างของคนสองคนที่กำลังพัวพันบนเตียงตามมาด้วยเสียงครวญครางรัญจวนของชายหนุ่มและเสียงร้องที่สิ้นหวังของหญิงสาวสลับไปมา
้าคือชายหนุ่มในอาภรณ์สีฟ้าที่กำลังแสดงสีหน้าบ้าคลั่งและลงแรงไปกับหญิงสาวเปรียบดั่งกำลังระบายความคั่งแค้น
ร่างนั้นคือฉินิหยวนกับหญิงสาวแปลกหน้าผู้หนึ่งที่มีความงดงามไม่ธรรมดา มันกำลังก่นด่าไป๋เฉินด้วยความเกลียดชังสุดขีด
"เมื่อใดไป๋เฉินจะตายๆไปได้เสียที!"
"วันนี้ข้าคิดว่ามันจะจบลงที่ความตายเสียด้วยซ้ำ!"
"ไอ้เวรหยางเหมินนั่น ก็ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี!"
"ตำแหน่งผู้นำของข้า! อ๊ากกก!"
ตามมาด้วยเสียงกระทบอย่างรุนแรงของเนื้อต้นขาตามการโยกอย่างหนักหน่วง
"นะ-นายน้อย ได้โปรดปล่อยข้า..." หญิงสาวที่เปลือยกายด้านล่างพยายามร้องขอความเมตตาด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาแห่งความไม่เต็มใจไหลพรากจากหางตาราวกับกำลังโดยขืนใจ
- เพี้ยะ! -
หลังมือของฉินิหยวนฟาดไปที่ใบหน้าอ้อนช้อยของหญิงสาวสุดแรงจนเป็รอยแดงบวมขึ้นที่แก้ม
มือซ้ายของมันพยายามบีบคอหญิงสาวด้วยั์ตาบ้าคลั่ง "อีตัวนี่! หุบปากไปซะ! หากเ้ายังหนวกหูอยู่เช่นนี้! ตระกูลของเ้าจะถึงคราวพินาศในวันพรุ่งนี้!"
หญิงสาวงดงามด้านล่างทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่นจนโลหิตไหลออกมา แววตาของนางปรากฏร่องรอยของความเกลียดชังสุดขีด แต่เมื่อฉินิหยวนเห็นเช่นนั้นมันก็ยิ่งมีอารมณ์มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว พลันรีบเร่งขยับเอวด้วยความป่าเถื่อน
แต่จู่ๆในขณะที่ฉินิหยวนกำลังจะถึงจุดสุดยอด กลับมีแสงสีดำส่องประกายด้วยความเฉียบแหลมสะท้อนกับแสงจันทราเป็แนวโค้งงดงามตรงไปยังฉินิหยวนในระยะใกล้เคียง
"นั่นใคร!?" ฉินิหยวนพยายามะโหลบ แต่ในวินาทีนั้นมันกลับหลั่งแก่นแท้และถึงจุดสุดยอดออกมาในเวลาเดียวกัน เอวและบั้นท้ายของมันสั่นกระตุกเบาๆจึงส่งผลให้การเคลื่อนไหวของมันจำต้องหยุดชะงักไปชั่วครู่ น้ำขุ่นๆพุ่งกระฉูดราดลงบนเตียงจนส่งกลิ่นคาว
ร่างสีดำที่สวมหน้ากากผ้าปรากฏขึ้นที่ริมหน้าต่างด้วยฝีเท้าปราดเปรียว พลางง้างมือตบไปยังท้ายทอยของฉินิหยวนอย่างฉับพลัน
ฉินิหยวนที่กำลังตกตะลึงมันกลับหมดสติไปโดยพลัน จนฟุบหน้าคะมำลงบนเตียงใกล้เคียงร่างของหญิงสาว
เห็นได้ชัดว่าร่างสีดำเลือกเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการโจมตี ในยามที่ฉินิหยวนกำลังจะถึงจุดสูงสุดเป็เวลาที่เหล่าบุรุษจะอ่อนแอและไร้การป้องกันมากที่สุด
และในยามที่มันกำลังหลั่งแก่นแท้ออกมาก็เป็เวลาที่บุรุษจะไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้ารอบกายได้ทันการณ์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างสีดำที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นคือไป๋เฉินที่ได้ลอบติดตามฉินิหยวนั้แ่มันออกจากตระกูลฉินแล้ว
แน่นอนว่าไป๋เฉินสามารถที่จะช่วยหญิงสาวจากการโดนขืนใจได้ แต่หากทำเช่นนั้นเขาจะไม่มีโอกาสที่จะจัดการฉินิหยวนได้ภายในกระบวนท่าเดียว นั่นเป็เพราะระดับการบำเพ็ญของเขานั้นอ่อนแอกว่าฉินิหยวนมาก หากเป็การต่อสู้ซึ่งๆหน้าเกรงว่าคงจะใช้เวลานานและมิอาจจะทำให้ฉินิหยวนหมดสติไปได้
แม้นว่าการกระทำของเขาที่เพิกเฉยต่อจิตใจของหญิงสาวจะดูเลวร้ายเกินไป แต่เพื่อจุดประสงค์ที่้าแล้ว ไป๋เฉินสามารถแลกได้ทุกอย่างไม่ว่าจะด้วยวิธีการที่ต่ำทรามเพียงใดก็ตาม บางทีหลังจากนี้เขาคงจะไม่มีโอกาสจัดการฉินิหยวนได้อีกต่อไป
นั่นเป็เพราะไป๋เฉินถูกฝึกมาโดยวิธีการของนักฆ่าที่มีจุดมุ่งหมายแค่เพียงเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วงเท่านั้น
"อร๊าย!~" หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นอย่างหวาดกลัว แต่ไป๋เฉินกลับตอบสนองยื่นมือปิดปากนางไว้ด้วยด้วยความเร็วสูงสุด
"อ่อยอ้าไอ! อ่อยอ้าไอ!" หญิงสาวพยายามะโอย่างหวาดกลัวและดิ้นจนสุดกำลัง
ไป๋เฉินส่งเสียงเบาๆแก่หญิงสาวด้วยความสงบ "ชู่ว...แม่นางน้อยไม่จำเป็ต้องกลัวไป ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเ้า"
เมื่อไป๋เฉินยกมือออก หญิงสาวก็ถดถอยออกไปด้วยความหวาดผวา
"ใส่เสื้อผ้าซะ ข้ามีบางอย่างจะไถ่ถามเ้าเล็กน้อย" ในขณะที่ไป๋เฉินกำลังกล่าวแก่หญิงสาว เขาใช้เชือกหนาที่พกมามัดร่างและแขนขาของฉินิหยวนที่หมดสติไว้จนแน่น แม้แต่การขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อยก็แทบจะเป็ไปได้
เห็นได้ชัดว่าบุรุษตรงหน้ามิได้มีความ้าในตัณหาต่อนางแม้แต่น้อย แม้นว่านางจะกำลังอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าก็ตาม
เมื่อตระหนักว่าตนกำลังจะได้รับความช่วยเหลือ น้ำตาแห่งความปิติไหลพรากจากใบหน้าหญิงสาว พร้อมทั้งพยายามลุกขึ้นด้วยความเ็ปที่ส่วนล่าง นางเอื้อมมือคว้าอาภรณ์ที่ถูกโยนกองกลับมาสวมใส่กลับตามเดิม
ไป๋เฉินจึงรีบหันหลังกลับเพื่อให้หญิงสาวทำธุระของนางให้เรียบร้อย
ไม่นานนักเสียงของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลังอย่างแ่เบา น้ำเสียงของนางแปรเปลี่ยนเป็ความนุ่มนวลโดยพลัน "ท่านชาย ท่านสามารถหันกลับมาได้"
ร่างสีดำของไป๋เฉินหันกลับมา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เอ่ยถามด้วยความสุภาพ "เอาล่ะ ข้ามีเพียงไม่กี่คำถามที่ต้องถาม หวังว่าเ้าจะสามารถตอบแก่ข้าได้"
หญิงสาวพยักหน้าอย่างระมัดระวัง
ไป๋เฉินเดินไปดึงกริชที่ปักอยู่เมื่อครู่ในขณะที่เอ่ยถามในเวลาเดียวกัน "เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"
หญิงสาวจ้องเขม็งไปยังฉินิหยวนด้วยสีหน้าเกลียดชัง นางกระทืบเท้าย่ำลงบนใบหน้าของมันอย่างสุดแรงเพื่อระบายความโกรธ "เ้าสัตว์โสโครกตัวนี้พยายามข่มขู่ครอบครัวของข้า จนมันสั่งให้ใครบางคนมาลักพาตัวข้าไป"
ริมฝีปากของนางสั่นเครือในขณะที่กล่าว
เห็นได้ชัดว่าฉินิหยวนใช้อำนาจของตระกูลฉินเพื่อข่มขู่และใช้ในทางที่ผิดต่อหญิงสาว การกระทำเช่นนี้ไป๋เฉินเชื่อว่าฉินิหยวนมิได้เพิ่งจะกระทำเป็ครั้งแรก
แต่มันฝังอยู่ในกมลสันดานของฉินิหยวนไปเสียแล้ว
"เ้าชื่ออะไรและมาจากตระกูลอะไร? และมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เ้าจึงได้มาลงเอยเช่นนี้?" ไป๋เฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าแสดงความเห็นอกเห็นใจ
"ข้ามีนามว่าอวี้ปิงลั่วจากตระกูลอวี้ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเทียนหยุน แต่เมื่อวานนี้ตระกูลอวี้มีเงินไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าคุ้มครองประจำปีแก่ตระกูลฉิน เนื่องจากคืนก่อนหน้านั้นใครบางคนเข้ามาลักลอบขโมยสมบัติและเงินที่จะต้องส่งมอบให้แก่ตระกูลฉินไปทั้งหมด...และหลังจากนั้นกลับมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นและนำข้ามาส่งมอบให้แก่ฉินิหยวน ซึ่งมัน้าให้ข้าจ่ายค่าคุ้มครองด้วยร่างกายของเป็การทดแทน..." อวี้ปิงลั่วกล่าวด้วยสีหน้าที่หมองหม่น
คิ้วของไป๋เฉินขมวดจนเป็ปม "อะไรจะพอเหมาะพอเจาะถึงเพียงนั้น ข้าเกรงว่าเงินที่ตระกูลของเ้าจะต้องจ่ายให้แก่ตระกูลฉินก็อาจจะเป็ฝีมือลูกสมุนของฉินิหยวนเองทั้งสิ้น..."
ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใด หากตระกูลอวี้ไม่มีเงินเพียงพอต่อการจ่ายค่าคุ้มครอง มีเพียงแต่ต้องติดต่อไปยังตระกูลฉินเพื่อเลื่อนระยะเวลาก่อนก็เท่านั้น แต่การที่ฉินิหยวนรีบเร่งกระทำเช่นนั้นหลังจากนั้นไม่นานก็หมายความว่าทุกอย่างเป็แผนการมันั้แ่แรก!
นี่คือความจริงอันอัปลักษณ์ของสังคมที่มีการแบ่งแยกชนชั้น!