เงื่อนไขการเข้าร่วมกับลัทธิสยบฟ้าคือต้องผ่านหุบเขาสยบฟ้าไปให้ได้โดยที่ต้องมีอายุไม่เกินสิบแปดปี
สมาชิกตระกูลเฟิงใหม่ทั้งหมดสี่สิบสองคนนั้นล้วนผ่านเงื่อนไขนี้กันทุกคน แต่มีอยู่สองคนที่อายุสิบแปดปีเต็ม ดูเหมือนไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแล้ว
เพียงแต่ ชายหนุ่มที่อายุสิบแปดปีเต็มแล้วทั้งสองคนนั้นล้วนมีวิถียุทธ์ขั้นหกแล้ว หมายความว่าตอนที่พวกเขาก้าวขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นสี่ได้ยังมีอายุไม่ถึงสิบแปดปี
ถ้าดูจากมุมนี้แล้ว ลูกหลานตระกูลเฟิงใหม่ทั้งหมดล้วนมีสิทธิ์เข้าร่วมกับลัทธิสยบฟ้าทั้งสิ้น!
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีเด็กหนุ่มบางคนที่วิถียุทธ์เพียงขั้นสาม แต่หลังจากได้รับการบ่มเพาะดูแลจากเฟิงฉางเกอใน่ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ล้วนยกระดับขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นสี่แล้ว สามารถผ่านหุบเขาสยบฟ้าไปได้อย่างง่ายดาย
“เป็อย่างที่ศิษย์พี่ปู้ว่าไว้ไม่ผิด”
หลงอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้ากับศิษย์พี่ปู้ไม่สามารถอยู่ที่นี่นานๆ ได้ พ่อบุญธรรมถูกอาณาจักรกู่เิจับตัวไปแล้ว ข้าจำเป็ต้องรีบเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุด”
“อืม ไปลัทธิสยบฟ้าก็ดีเหมือนกัน”
เฟิงฮ่าวเฟิงพูดอย่างสงบเยือกเย็น
“เพียงแต่พวกเรามีคนเยอะมากขนาดนี้ หากเข้าร่วมลัทธิสยบฟ้าไปพร้อมกันจะเป็การรบกวนอะไรทางฝั่งนั้นหรือเปล่า?”
“ไม่เป็ไร ข้าเขียนจดหมายแนะนำสักหนึ่งฉบับ พวกเ้าเพียงนำมันไปให้คนของลัทธิสยบฟ้าก็พอแล้ว”
ปู้สิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“หรือหากพวกเ้าไม่้าเข้าร่วมกับลัทธิสยบฟ้าก็ไม่เป็ไรเช่นกัน อย่างน้อยก็ไปหลบซ่อนตัวใช้ชีวิตฝึกฝนในลัทธิสยบฟ้าก่อนชั่วคราว รอให้เื่วุ่นวายทั้งหมดยุติลงแล้วค่อยออกมาก็ได้”
“ขอบพระคุณศิษย์พี่ท่านนี้มาก ข้าคิดว่าแค่พักอาศัยชั่วคราวก็เพียงพอแล้ว”
เฟิงฮ่าวเฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง
หากเข้าร่วมกับลัทธิสยบฟ้าแล้วจะต้องถูกกฎระเบียบของลัทธิสยบฟ้าผูกมัดแน่ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าตระกูลเฟิงใหม่จะหลงเหลือเพียงแค่ชื่อเท่านั้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่เฟิงฮ่าวเฟิงอยากเห็น
แต่หากสามารถเข้าไปลี้ภัยที่ลัทธิสยบฟ้าแค่ระยะเวลาหนึ่งนั้นนับเป็เื่ที่ดีสุดๆ เลย
“อืม เื่นี้มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเ้าเองเลย”
ปู้สิงแย้มยิ้มเล็กน้อย
“ท่านนี้คือศิษย์พี่ปู้”
หลงอวี้แนะนำตัวปู้สิงเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดขึ้น
“หากได้ศิษย์พี่ปู้เขียนจดหมายแนะนำให้ เมื่อพวกเ้าไปถึงลัทธิสยบฟ้าแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีใครหาเื่อะไรพวกเ้า”
“ขอบพระคุณศิษย์พี่ปู้”
เฟิงเสี่ยวเฟยและเหล่าลูกหลานตระกูลเฟิงคนอื่นๆ หันไปขอบคุณปู้สิง
การช่วยเหลือประมุขเฟิงฉางเกอนั้น พวกเขาทุกคนล้วนอยากช่วย แต่ไม่มีความสามารถมากพอจะทำอย่างนั้นได้ ทั้งหมดนี้จึงได้แต่ต้องพึ่งพาหลงอวี้เท่านั้น!
เมืองอวี้กวนตอนนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หากพวกเขายังอยู่ต่อก็ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร หากได้ปู้สิงช่วยเขียนจดหมายแนะนำให้พวกเขาลี้ภัยไปอยู่ลัทธิสยบฟ้าชั่วคราวล่ะก็ อย่างนั้นก็ง่ายขึ้นเยอะเลย
พวกเขาต่างก็คิดในใจว่า หรือศิษย์พี่ปู้ท่านนี้จะเป็คนใหญ่คนโตอะไรในลัทธิสยบฟ้า?
ไม่อย่างนั้น แค่จดหมายแนะนำเพียงฉบับเดียวจะทำให้พวกเขาที่มีกันเยอะขนาดนี้ไปลี้ภัยที่ลัทธิสยบฟ้าทั้งหมดได้เลยหรือ!
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เฟิงฮ่าวเฟิงและเฟิงเสี่ยวเฟยก็ตัดสินใจพาทุกคนออกเดินทางทันที
ปู้สิงได้เขียนจดหมายแนะนำขึ้นมาหนึ่งฉบับแล้วมอบให้เฟิงฮ่าวเฟิงดูแล จากนั้นก็บอกลาหลงอวี้พร้อมกับคนของตระกูลเฟิง
“ศิษย์พี่ปู้ ในเมื่อเื่ทางนี้ไม่มีปัญหาแล้ว พวกเรารีบออกเดินทางกันต่อเลยไหม?”
หลังจากส่งเหล่าคนของตระกูลเฟิงไปแล้ว หลงอวี้ก็เอ่ยพูดกับปู้สิง
“อืม พ่อบุญธรรมของเ้าถูกอาณาจักรกู่เิจับตัวไปแล้ว เื่นี้ไม่ควรทิ้งไว้นาน พวกเรารีบเคลื่อนไหวเลยดีกว่า”
ปู้สิงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“จริงสิ เมื่อครู่นี้ต้องขอบคุณศิษย์พี่ปู้มากจริงๆ ที่เขียนจดหมายแนะนำฉบับนั้นให้”
หลงอวี้รู้สึกขอบคุณในใจ
“ไม่ต้องใส่ใจหรอก”
ปู้สิงหัวเราะอย่างผ่าเผย
“การช่วยเหลือพวกเขาก็เท่ากับเป็การช่วยเหลือลัทธิสยบฟ้าเหมือนกัน ข้าเห็นพวกเขาทั้งหมดล้วนมีคุณธรรมและมีน้ำจิตน้ำใจดี หากวันหน้าลัทธิสยบฟ้ามีภัย ข้าก็หวังจะให้พวกเขามาช่วยเหลือเราบ้างเช่นกัน”
ปู้สิงเองก็มีเป้าหมายอยู่เหมือนกัน เขาเห็นว่าเฟิงฮ่าวเฟิงและเฟิงเสี่ยวเฟยนั้นเป็คนที่มีคุณธรรมสูงส่ง จึงอยากคบหารู้จักกันไว้ ไม่แน่ว่าวันหน้าทั้งสองอาจช่วยเหลืออะไรลัทธิสยบฟ้าได้
“ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ทำให้ศิษย์พี่ผิดหวังแน่นอน”
หลงอวี้เองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
ทั้งสองไม่ได้หยุดค้างอยู่ที่คฤหาสน์แต่อย่างใด รีบออกเดินทางไปทางทิศเหนือต่อด้วยความสามารถของตัวเองทันที
ในทางทิศเหนือของเมืองอวี้กวน ห่างออกไปพันลี้เป็สถานที่ตั้งของสำนักน้ำแข็งเยือก
และเลยจากสำนักน้ำแข็งเยือกทางทิศเหนือขึ้นไปอีก จะเป็เมืองที่อยู่ใกล้กับชายแดนมากที่สุด เมืองถังกวน
เหนือเมืองถังกวนขึ้นไป จะเชื่อมต่อกับเจ็ดมหาหุบเขา นั่นเป็เส้นทางเพียงหนึ่งเดียวที่ใช้มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรกู่เิ
การรุกรานของอาณาจักรกู่เินั้น เปิดฉากโจมตีขึ้นจากเจ็ดมหาหุบเขาเช่นกัน ขุนพลน้อยหลงจี๋แห่งตระกูลขุนพลตระกูลหลงได้นำทัพผู้ฝึกยุทธ์ไปประจำการอยู่ที่เมืองถังกวนเพื่อเฝ้าเจ็ดมหาหุบเขาไว้แล้ว
หลงอวี้และปู้สิงนั้นเดินทางขึ้นเหนือไปตลอดคืน ระหว่างทางได้พบเห็นผู้ฝึกยุทธ์พเนจรในยุทธ์จักรจำนวนไม่น้อยที่รวมกลุ่มกันมุ่งหน้าเดินทางขึ้นไปยังเมืองถังกวนเช่นกัน ต่างก็คิดจะไปฆ่าศัตรูเพื่อสร้างผลงานทั้งสิ้น
ซึ่งหลงอวี้ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรคนพวกนี้
สิ่งที่เขาเป็ห่วงมากที่สุดตอนนี้คือความปลอดภัยของพ่อบุญธรรมของเขา!
เฟิงฉางเกอนั้นเคยเป็รองขุนพลของหลงจ้ายเทียนผู้นำทัพฆ่าสังหารอริราชศัตรูมานับไม่ถ้วน ย่อมต้องมีความแค้นกับอาณาจักรกู่เิอย่างลึกซึ้งดุจน้ำกับไฟ บัดนี้เขาถูกอาณาจักรกู่เิจับตัวไป ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรกับเขาบ้าง
แน่นอนว่าอีกฝ่ายเพียงแค่จับตัวเขาไปเท่านั้น ยังไม่ได้สังหารเขา เห็นได้ชัดว่าในสายตาของอีกฝ่ายเฟิงฉางเกอยังมีประโยชน์ให้ใช้งานอยู่ จึงยังปลอดภัยไปสักระยะหนึ่ง
แต่หลังจากถูกจับไป เฟิงฉางเกอจะถูกทรมานหนักหนาสาหัสเพียงใด เื่นี้คงไม่อาจรู้ได้
‘พ่อบุญธรรม หากมีผู้ใดบังอาจกล้าทำร้ายท่าน ข้าจะฆ่ามันอย่างแน่นอน!’
ดวงตาของหลงอวี้เป็ประกายเด็ดขาด!
เมื่อถึง่กลางดึก ทั้งสองคนก็ได้เข้าสู่ดินแดนหิมะ ซึ่งสำนักน้ำแข็งเยือกก็ตั้งอยู่ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากดินแดนน้ำแข็งหิมะน้ำแข็งผืนนี้
“จริงสิ ศิษย์น้อง ข้าได้ยินว่าเ้าสามารถสังหารฮวาปู๋เซี่ยแห่งสำนักน้ำแข็งเยือกได้ทีู่เาตระกูลหลิง เป็ความจริงหรือเปล่า?”
ในตอนที่เข้าใกล้กับสำนักน้ำแข็งเยือก ปู้สิงได้ถามคำถามหนึ่งขึ้นอย่างอดไม่ได้
“เป็ความจริง”
หลงอวี้ไม่ปฏิเสธ
“ดูท่าศิษย์น้องในตอนนี้อาจถึงขั้นสามารถต่อกรกับยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นสามได้แล้ว”
ปู้สิงพูดจาหยอกล้อ
“ศิษย์พี่ปู้พูดเกินไปแล้ว ความแตกต่างของพลังระหว่างข้ากับท่านยังห่างไกลอีกมาก หากต่อสู้กันจริงๆ ข้าไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด”
หลงอวี้ส่ายหน้า
“แต่ว่า ด้วยวิทยายุทธ์วิชานั้นของเ้าที่สามารถลดระดับศัตรูลงได้หนึ่งขั้น ก็น่าจะทำให้เ้ามีโอกาสสังหารศัตรูระดับิญญาแท้ขั้นสามได้อยู่เสี้ยวหนึ่งนะ”
พอปู้สิงพูดหยอกเล่นเสร็จ ก็พูดเตือนต่อทันที
“ศิษย์น้อง บัดนี้ผู้ที่เฝ้าเมืองถังกวนอยู่คือขุนพลน้อยหลงจี๋แห่งตระกูลหลง คนผู้นั้นยังเป็ลูกพี่ลูกน้องของเ้าด้วย แต่กลับขึ้นไปถึงระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ ทำให้ิญญาแท้กลายเป็รูปธรรมได้แล้ว!”
ขุนพลน้อยหลงจี๋ วิถียุทธ์ระดับิญญาแท้ ขั้นที่สี่!
“อืม”
หลงอวี้พยักหน้ารับ
“หากเราไปถึงเมืองถังกวนแล้ว หากเขาคิดจะหาเื่วุ่นวายกับเ้า ทางที่ดีเ้าอย่าตอบโต้อะไรกลับไปจะดีกว่า”
ปู้สิงพูดเกลี้ยกล่อม
“พวกเราเพียงเชื่อฟังคำสั่ง ฆ่าฟันศัตรูและสืบหาเบาะแสของพ่อบุญธรรมเ้าก็พอ!”
“เข้าใจแล้ว”
หลงอวี้พยักหน้ารับ แต่ในใจกลับคิดว่า ไอ้ขุนพลน้อยหลงจี๋ที่ระดับิญญาแท้ขั้นสี่นั่นมันจะมาหาเื่เขาจริงหรือ?
เขานึกย้อนไปถึงชายหนุ่มชุดเกราะทองที่เคยเจอตอนอยู่ในป่าโสมโบราณก่อนหน้านี้
ท่าทีของชายหนุ่มชุดเกราะทองคนนั้นค่อนข้างรังเกียจหลงอวี้ไม่น้อย เห็นได้ชัดเลยว่าคนของตระกูลหลงไม่มีใครคิดจะเกรงใจเขาเป็แน่!
บางที ในทั้งตระกูลหลงคงจะมีเพียงปู่ของเขาคนเดียวเท่านั้นที่คอยปกป้องเขาอยู่
เื่ราวทั้งหมดจะเป็อย่างไร เมื่อไปถึงเมืองถังกวนแล้วก็จะได้รู้ชัดเสียที!
หลงอวี้ไม่ได้คิดอะไรมาก เร่งเร้าปีกแห่งหุบเขาปีศาจให้เคลื่อนตัวได้รวดเร็วดุจประกายแสงท่ามกลางดินแดนอันหนาวเหน็บที่มีแต่หิมะและน้ำแข็งผืนนี้ ขณะเดียวกันเขาก็คอยัักับพลังที่อยู่ในแผ่น์จันทราครึ่งชิ้นนั่นไปด้วย
‘ปราณแห่งจันทรา ดูเหมือนว่าจะเป็ตัวแทนของกฎเกณฑ์ฟ้าดินบางอย่างเหมือนกับกฎเกณฑ์แห่งการกดทับ เพียงแค่กฎเกณฑ์ที่อยู่ในแผ่น์ชิ้นนี้ทรงพลังกว่ากฎเกณฑ์ที่อยู่ในเคล็ดสยบฟ้าหลายเท่า’
หลงอวี้ครุ่นคิดในใจ น่าเสียดายที่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถเข้าถึงพลังที่อยู่ภายในแผ่น์จันทราครึ่งชิ้นนี้ได้
แต่ในระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่นั้น หลงอวี้เหมือนจะได้ยินเสียงร่ำร้องดังมาจากปีกแห่งหุบเขาปีศาจ เป็เสียงร้องของนกที่ฟังดูเศร้าโศกและคับแค้นใจ แต่มันก็มักจะดังขึ้นในตอนที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ไม่สามารถเพ่งสมาธิไปัักับมันได้
‘หากข้าสามารถสร้างสายสัมพันธ์กับปีกแห่งหุบเขาปีศาจได้ มันจะต้องแสดงความสามารถที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้ออกมาได้เป็แน่ แต่น่าเสียดายที่การจะสร้างสายสัมพันธ์กับปีกแห่งหุบเขาปีศาจดูเหมือนจะยังอีกยาวไกล’
หลงอวี้รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ปีกแห่งหุบเขาปีศาจนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากปีกของสัตว์อสูรทูตปีกปีศาจที่ถูกยอดฝีมือฆ่าตาย มันจึงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่มีตุ่์
ความยากในการสร้างสายสัมพันธ์กับยุทธภัณฑ์ประเภทนี้จึงสูงมากกว่ายุทธภัณฑ์ทั่วไปหลายเท่าตัว
ทั้งสองได้มุ่งหน้าขึ้นไปยังทางทิศเหนือ ค่อยๆ เข้าไปในส่วนลึกของดินแดนหิมะแห่งนี้
อาณาจักรกู่เิตั้งอยู่บนพื้นที่เหนือสุดของแผ่นดินเทียนอวี้ มีแต่ฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งตลอดทั้งปี ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรกู่เิจึงมักจะส่งกองทัพมารุกรานอาณาจักรต้าถังอยู่บ่อยครั้ง หวังว่าจะสามารถยึดครองพื้นที่บางส่วนในดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักรต้าถังได้
ในตอนที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง สิ่งก่อสร้างอันใหญ่โตมโหฬารที่อยู่ท่ามกลางหิมะที่ลอยว่อนทั่วเมืองถังกวน ก็ได้ปรากฏตรงหน้าของหลงอวี้
มันคือกำแพงเมืองที่ทอดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา มันถูกสร้างให้หันหน้าไปทางเจ็ดมหาหุบเขาที่เป็ทางเชื่อมต่อไปยังอาณาจักรกู่เิ ผู้ที่กำลังเฝ้าเมืองแห่งนี้อยู่คือขุนพลน้อยแห่งอาณาจักรต้าถัง หลงจี๋ และกองทัพทหารผู้ฝึกยุทธ์จำนวนกว่าหนึ่งแสนคน!
ทหารผู้ฝึกยุทธ์ของอาณาจักรต้าถัง เป็ยอดฝีมือที่มีระดับพลังอย่างน้อยที่สุดคือระดับวิถียุทธ์ขั้นห้า แต่ผู้ที่มีระดับวิถียุทธ์ขั้นห้าและหกนั้น อย่างมากก็เป็ได้เพียงหน่วยลาดตระเวน หรือทหารของทัพหน้าเท่านั้น
กำลังรบหลักที่แท้จริงล้วนเป็ยอดฝีมือที่สามารถปล่อยลมปราณออกสู่ภายนอกได้แล้วทั้งสิ้น
ผู้ที่มีวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดจะเป็กำลังรบหลักของกองทัพ ส่วนขั้นแปดจะเป็หัวหน้าหน่วยย่อย และขั้นที่เก้าจะได้เป็หัวหน้าหน่วยใหญ่
ส่วนยอดฝีมือระดับิญญาแท้นั้น จะถูกเรียกว่า “แม่ทัพ”
ิญญาแท้ขั้นที่หนึ่งคือแม่ทัพเล็ก ิญญาแท้ขั้นที่สองคือ รองแม่ทัพใหญ่ และิญญาแท้ขั้นที่สามคือ แม่ทัพใหญ่
ส่วนระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่อย่างหลงจี๋นั้น คือจอมทัพผู้บัญชาการทหารผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด และเป็เพราะเขายังมีอายุน้อยมาก ดังนั้นจึงถูกเรียกขานว่า “ขุนพลน้อย”!
หลงอวี้และปู้สิงสองคนมายังเมืองถังกวนในฐานะของกำลังเสริมที่ลัทธิสยบฟ้าส่งมาต่อต้านกองทัพของอาณาจักรกู่เิ เมื่อมาถึงแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องเข้าไปพบกับขุนพลน้อยหลงจี๋ผู้เป็จอมทัพอยู่แล้ว
ภายในดินแดนหิมะแห่งนี้ ทั้งสองคนมองเห็นประตูเมืองถังกวนที่สูงนับสิบจ้างอย่างรวดเร็ว
ใต้ประตูเมืองตอนนี้ มีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรรวมตัวกันอยู่นับร้อยนับพันคนท่ามกลางทุ่งหิมะ ทั้งหมดล้วนเป็ชายฉกรรจ์เืร้อนที่อยากเข้าไปในเมืองถังกวนและฆ่าฟันศัตรูในเจ็ดมหาหุบเขาทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกขวางเอาไว้ที่ด้านนอกของเมือง!
“พวกเขามาช่วยเหลือไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่ยอมให้เข้าไป?”
พอหลงอวี้มองเห็นกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่หน้าประตูเมืองจากไกลๆ แล้วก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“บางทีมันอาจจะกลัวว่าคนพวกนี้จะไปทำให้กองทัพเสียระบบก็เป็ได้ อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นหลงจี๋คงจะเปิดประตูให้ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรพวกนี้ไปเป็ตัวตายตัวแทนแล้ว”
ปู้สิงหรี่ตาแล้วเอ่ยพูด
เพียงไม่นานทั้งสองก็ได้เดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองถังกวนแล้ว
เมื่อเหล่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรในยุทธ์จักรทั้งหลายมองเห็นพวกเขาสองคนที่เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้เข้ามาใกล้ ก็พากันถอยออกเพื่อเปิดทางให้ทันที ไม่มีใครกล้าขวางทางพวกเขาเลย
นี่คือความเคารพยำเกรงที่มีต่อยอดฝีมือในโลกใบนี้!
