เหล่าจ้าวดูออกว่าเด็กสาวคนนี้เป็คนจิตใจดี เขาเอ่ยว่า “เดี๋ยวฉันทำเอง เธอตามฉันมาก็พอ พวกเราจะได้ต้มโจ๊กไปด้วยพูดคุยไปด้วย”
“ได้ค่ะ” เซี่ยโม่พยักหน้าก่อนจะเดินตามไป
เหล่าจ้าวเดินไปหยิบฟืน ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับฟืนกองเล็กๆ
“สาวน้อย ช่วยฉันจุดไฟที”
“ได้ค่ะ” เซี่ยโม่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เธอหาไม้ขีดไม่เจอ เจอแต่ก้อนหิน สมัยเด็กเธอเคยใช้ก้อนหินจุดไฟบ่อยๆ แม้จะจุดยากไม่เหมือนไม้ขีดไฟ แต่หากรู้วิธีก็จะไม่ใช่เื่ยากอีกต่อไป
ใช้เวลาไม่นานไฟก็จุดติด เธอโยนฟืนเข้าไปในกองเพลิงเพื่อให้ไฟลุกโชนยิ่งกว่าเดิม
เหล่าจ้าวแอบมองพร้อมกับคิดในใจ เด็กคนนี้ขยันดีจริงๆ
เขาล้างหม้อจนสะอาด ตักข้าวสารใส่ในหม้อ ซาวน้ำสองสามครั้ง จากนั้นหั่นเนื้อหมูเป็ชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ลงไป
เขาทำกับข้าวกินเองบ่อยๆ เลยคุ้นเคยกับงานพวกนี้ดี
ระหว่างที่ต้มข้าว เขายกเก้าอี้ตัวเล็กๆ ไปวางข้างเด็กสาวก่อนจะทรุดตัวนั่งลง แล้วเอ่ยว่า “ฉันจะแนะนำสมุนไพรสามสี่ชนิดที่เธอน่าจะรู้จักให้ เคยเจอต้นผูกงอิง[1]ไหม
เซี่ยโม่พยักหน้า
“ต้นนี้มีฤทธิ์ขับร้อน ขับพิษ และใช้กับพวกโรคติดเชื้อต่างๆ เช่น ขับพิษร้อน ขับตับร้อน ตาแดง บวม อาการปวดและหนอง สามารถใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน มักใช้คู่กับดอกสายน้ำผึ้ง…”
เซี่ยโม่พยักหน้า จดจำสิ่งที่คุณปู่จ้าวบอกเอาไว้ในใจ
คุณปู่จ้าวสอนสมุนไพรอีกสามสี่อย่างให้แก่เธอ กระทั่งข้าวในหม้อได้ที่ถึงค่อยหยุดสอน
กลิ่นเนื้อและกลิ่นข้าวลอยอวลออกมาจากในหม้อ
เหล่าจ้าวสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยพึมพำว่า “นานแล้วที่ไม่ได้กินโจ๊กใส่เนื้อ หอมเหลือเกิน”
เธอลอบถอดถอนใจ เป็ถึงผู้รู้วิชาแพทย์ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ อายุก็เยอะแล้ว หากไม่มีแม้แต่โจ๊กใส่เนื้อกิน
คุณปู่จ้าวทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก “รอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปเอาหนังสือมาให้ ไว้อ่านตอนไม่มีอะไรทำ”
“ค่ะ”
เธอมองตามหลังคุณปู่จ้าวที่กำลังเดินออกไปเอาหนังสือ ก่อนจะกลับหลังหันเดินไปยังหม้อโจ๊ก ตักโจ๊กใส่ถ้วยแล้วถือเข้าไปวางบนโต๊ะในบ้าน
ไม่นานคุณปู่จ้าวก็เดินออกมาจากห้องนอน ตามตัวเต็มไปด้วยฝุ่น เห็นได้ชัดว่ากว่าจะหาเจอนั้นไม่ง่าย
ในมือคุณปู่จ้าวมีหนังสือซึ่งถูกร้อยไว้ด้วยเชือกอยู่เล่มหนึ่ง เป็หนังสือแบบที่คนสมัยโบราณเขาใช้กัน
เธอรู้สึกซาบซึ้งมาก “คุณปู่จ้าว ขอบคุณมากค่ะ”
“เกรงใจอะไรกัน เธอให้ทั้งข้าวสารและเนื้อหมู แถมยังให้เงินฉันอีก เป็ฉันต่างหากที่ติดหนี้เธอ”
เธอเอ่ยตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก “คุณปู่จ้าว เอาอีกแล้วนะคะ หากคุณรู้สึกไม่ดี งั้นก็สอนเื่สมุนไพรให้ฉันเยอะๆ ติดหนี้ไม่ติดหนี้อะไรกัน”
“ได้ๆ ต่อไปฉันไม่พูดแล้ว”
“คุณปู่จ้าว รีบกินเถอะค่ะ ส่วนฉันจะอ่านหนังสือไปพลางๆ”
“เธอกินข้าวหรือยัง ไม่กินด้วยกันเหรอ”
คุณปู่จ้าวมีชีวิตที่ลำบาก เธอไม่อยากแย่งอาหารกับท่านเลยปฏิเสธออกไป “ฉันกินมาแล้วค่ะ คุณปู่รีบกินเถอะค่ะ”
เหล่าจ้าวเชื่อที่เด็กสาวบอก “ได้ งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”
เหล่าจ้าวตักโจ๊กเข้าปากคำใหญ่ ก่อนจะพูดชมไม่ขาดปาก “ไม่เลว ข้าวดี เนื้อหมูก็หอม”
ตอนแรกเธอวางแผนว่า ้าเรียนรู้สมุนไพรแค่เล็กน้อยเพื่อใช้เป็ข้ออ้างเวลาที่เธอนำของออกมาจากโกดังสินค้า ใครถามก็จะได้บอกออกไปได้ว่า เป็เพราะเธอเอาสมุนไพรไปขายเลยมีเงินมาซื้อของพวกนี้
แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนความคิดแล้ว เธอโลภมากอยากเรียนรู้เื่สมุนไพรให้ลึกซึ้ง
อีกสองปีข้างหน้าเซี่ยโม่จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย พอถึงตอนนั้นเธอจะกอบโกยความรู้ให้ได้มากที่สุด
หากมีความรู้เื่สมุนไพรร่วมด้วย การมีชีวิตที่ดีขึ้นก็จะไม่ใช่เื่ยากอีกต่อไป เธอจะใช้โอกาสดีๆ ที่หาได้ยากยิ่งนี้เรียนรู้เื่สมุนไพรให้ได้มากที่สุด
คิดได้ดังนั้น เธอยิ้มพร้อมกับเอ่ย “คุณปู่จ้าวกินเยอะๆ นะคะ บำรุงร่างกายให้แข็งแรงจะได้มีแรงสอนเื่สมุนไพรให้ฉัน การค้าครั้งนี้ฉันจะได้ไม่เสียเปรียบ”
เหล่าจ้าวหัวเราะออกมา เอ่ยเย้าว่า “เธอคิดว่าเื่พวกนี้อยากเรียนก็สามารถเรียนได้งั้นเหรอ ต้องดูด้วยว่าเธอมีพร์ไหม หากไม่มี ต่อให้ฉันอยากสอนยังไงเธอก็เรียนไม่ได้อยู่ดี”
เธอเข้าใจทันที อีกฝ่าย้าจะทดสอบก่อนเธอนั่นเอง
“คุณปู่จ้าววางใจได้เลยค่ะ ฉันเป็คนหัวไวอยู่แล้ว”
เหล่าจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกลับยากคาดเดา “อย่าเพิ่งมั่นใจไป ฉันกลัวว่าพอถึงเวลาเธอจะไม่ไหว”
เธอไม่กล่าวคำ ก้มหน้าเปิดหนังสือที่คุณปู่จ้าวให้มาออกดู ในนั้นมีรูปภาพของสมุนไพร ด้านข้างคือชื่อและคำอธิบาย นอกจากนี้ยังเขียนวิธีการนำมาทำเป็ยาเขียนเอาไว้ด้วย
สมุนไพรที่คุณปู่จ้าวสอนให้เธอก่อนหน้านี้ เธอยังคงจำได้ไม่ลืม เธอมองสมุดเล่มนี้ประหนึ่งคือสมบัติล้ำค่า “คุณปู่จ้าวคะ ฉันขอยืมหนังสือเล่มนี้กลับไปอ่านได้ไหมคะ”
เหล่าจ้าวลอบยิ้มในใจ ขณะเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “ได้ ฉันให้เวลาเธอเจ็ดวัน หากเธอจำรายละเอียดสมุนไพรในหนังสือไม่ได้ ฉันก็คงสอนเธอไม่ได้”
นี่…เท่ากับกำลังสร้างความลำบากให้เธอชัดๆ คุณปู่จ้าวช่างโหดร้ายเหลือเกิน
หนังสือเล่มนี้มีพันกว่าหน้า หากเป็คนธรรมดาไม่มีทางจำรายละเอียดของสมุนไพรในหนังสือได้หมดภายในเวลาเจ็ดวันแน่
แต่เธอมั่นใจว่าเธอสามารถทำได้ ยังไม่ต้องพูดถึงชาติที่แล้ว นับั้แ่ได้กลับมาเกิดใหม่ เซี่ยโม่รู้สึกว่าความจำเธอดีกว่าก่อนมาก มีเวลาเจ็ดวันสำหรับจำรายละเอียดของสมุนไพรในหนังสือ นับว่าเป็เื่เล็กน้อยมากสำหรับเธอ
เธอกล่าวออกไปอย่างมั่นใจ “ไม่มีปัญหาค่ะ พอถึงตอนนั้นคุณสามารถทดสอบฉันได้เต็มที่”
“เธอพักอยู่ที่ไหน“
“หมู่บ้านเซิ่งลี่ค่ะ”
“นี่ก็เย็นแล้ว เก็บหนังสือแล้วรีบกลับบ้านไปได้แล้ว”
ครั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงค่อยพบว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกดินในอีกไม่ช้า ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีส้มแดง ต้องใช้เวลาเดินกลับบ้านหนึ่งชั่วโมง เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าอยู่ในตัวตำบลมาหลายชั่วโมงแล้ว
เธอลุกขึ้นยืน เอ่ยอย่างมีมารยาทว่า “คุณปู่จ้าวคะ งั้นฉันกลับก่อนนะคะ ใช่แล้ว ตอนนี้หลายหมู่บ้านกำลังขาดแคลนหมอ คุณสามารถไปตรวจพวกเขาถึงที่ได้ จะได้มีเงินไว้ซื้อพวกอาหารธัญพืช”
เหล่าจ้าวยกมือตบที่ศีรษะไม่แรงนัก เอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “ดูสมองฉันสิ ความคิดนี้ของเธอไม่เลว ไม่มีคนป่วยมาหา ฉันไปหาพวกเขาถึงที่ก็ได้ ใช่แล้ว สมุนไพรที่เธอเก็บมาได้เอามาขายให้ฉันก็ได้ ฉันจะได้ไม่ต้องไปซื้อจากคนอื่น”
เวลานี้เองที่เหล่าจ้าวเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก เอ่ยด้วยหน้าตาลิงโลด “ตอนไหนฉันไม่มีอะไรทำ ฉันก็สามารถขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรได้เหมือนกัน จะได้เอามารักษาให้คนป่วยด้วย”
เซี่ยโม่มองคุณปู่จ้าวที่กำลังอารมณ์ดี พลางนึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา ชี้แนะให้คนอื่นสบาย ตนเองก็สบายไปด้วย
เธอแค่ให้คำแนะนำเล็กน้อย ชีวิตของคุณปู่จ้าวก็กลับมามีความหวังอีกครั้ง และยังทำให้อนาคตของตัวเองสบายไปด้วย
เธอหยอกล้อ “คุณปู่จ้าวคะ ยินดีต้อนรับคุณไปที่หมู่บ้านพวกเรานะคะ คุณไปที่หมู่บ้านฉัน ฉันก็จะได้แอบี้เีไม่ต้องเข้ามาในตำบล”
เหล่าจ้าวหัวเราะเสียงดัง “ได้ รอฉันได้เลย พอถึงตอนนั้นฉันไปหาเธอแน่ ดูสิว่าเธอจะจำสมุนไพรในหนังสือได้หมดหรือเปล่า”
เธอรีบตอบ “คุณปู่จ้าวคะ ฉันชื่อเซี่ยโม่ ฉันกับน้องชายอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณตาชื่อว่าอู๋กวงเต๋อ”
เหล่าจ้าวถามด้วยความสงสัย “ทำไมเธอถึงไม่อยู่กับพ่อแม่”
สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็เศร้าสร้อย น้ำตาคลอขณะเล่าเื่ที่เกิดขึ้น
เหล่าจ้าวฟังแล้วก็ถอนหายใจ “เธอเป็เด็กที่น่าสงสารจริงๆ”
เธอกลับเอ่ยว่า “คุณปู่คะ ฉันกับน้องมีคุณตาคุณยายคอยปกป้อง ตอนนี้ไม่น่าสงสารแล้วค่ะ”
เหล่าจ้าวกล่าวด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว “งั้นหลังจากนี้ฉันก็จะปกป้องพวกเธอสองพี่น้องด้วยเช่นกัน”
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
เซี่ยโม่เก็บหนังสือใส่กระเป๋า แท้จริงแล้วเอามันใส่ไว้ในโกดังสินค้า
เธอเดินออกจากบ้านของคุณปู่จ้าว มองซ้ายขวาเพื่อดูทางอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าจากบ้านของคุณปู่จ้าวกลับไปที่บ้านคุณตามีทางลัดอยู่ สามารถช่วยประหยัดเวลาไปได้ไม่น้อย
เธอเดินเข้าไปในซอยข้างหน้า เวลานี้เองเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีก็เดินสวนมา
เด็กหนุ่มรูปร่างผอม ผิวขาว ใบหน้าหมดจดดูดี ยิ่งสวมชุดจงซาน[2]สีน้ำเงินเข้มเช่นนี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ดูหล่อเหลายิ่งขึ้นไปอีก
เธอชะงักอยู่กับที่ ทำไมถึงเป็เขาไปได้!
----------------------------
[1] ผูกงอิง คือ ดอกแดนดิไลออน
[2] ชุดจงซาน หรือชุดท่านประธานเหมา เป็เสื้อคอปกตั้ง กระดุม 5-7 เม็ด และมีกระเป๋าสี่ใบ แบ่งเป็บนล่างซ้ายขวา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้