หนีเจียเอ๋อร์มองไม่เห็นท่าทีของควงเหยา เพียงคิดในใจว่าต้องชวนอีกฝ่ายดื่มให้ได้ จึงยืนกรานที่จะลุกขึ้นไปเทเหล้าให้ทุกคนอย่างกระตือรือร้น ด้วยเหตุนี้ ลู่ซีจึงเผลอดื่มเข้าไปอย่างหนัก
“ศิษย์พี่ใหญ่ ช่วยไปส่งลู่ซีกลับเรือนหน่อยได้หรือไม่?” หนีเจียเอ๋อร์ร้องขอ
ควงเหยางุนงง “ข้าหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์จึงอ้างว่า “ก็ที่นี่ไม่มีศิษย์คนอื่นแล้ว หรือว่าศิษย์พี่ใหญ่จะให้ท่านอาจารย์ไปส่งนาง?”
ควงเหยาเหลือบมองควงเยวี่ยโหลว แล้ววางตะเกียบลง พลางพยุงร่างของลู่ซีขึ้นมาอย่างจำใจ และเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหา ชายหนุ่มจึงพยายามััร่างของอีกฝ่ายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้
พอคล้อยหลังลูกศิษย์ทั้งสอง ควงเยวี่ยโหลวก็มองไปยังหนีเจียเอ๋อร์ ที่ดูจะกระตือรือร้นเป็พิเศษจนน่าสงสัย ก่อนเอ่ยเสียงแ่ “คงจะดีกว่า หากเ้าใช้ความมุ่งมั่นเช่นนี้ไปกับการเรียน!”
หนีเจียเอ๋อร์จึงแย้งขึ้นว่า “อาจารย์ ที่ข้าทำแบบนี้ ก็เพื่อความสุขของพวกเขานั่นแหละ!”
นิ่งไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ “อาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่เป็ใครมาจากไหนหรือเ้าคะ?”
ควงเยวี่ยโหลวจึงตอบพูดอย่างจริงจัง “ตามกฎของสำนักอิ้นเสวี่ย ‘อย่าถามถึงอดีต ห้ามเอ่ยถึงอนาคต’ วันพรุ่ง จงคัดกฎนี้สิบรอบ!”
หนีเจียเอ๋อร์มีสีหน้าหม่นหมอง “เ้าค่ะ!”
ควงเยวี่ยโหลวลุกขึ้น ช่วยพยุงนางจากเก้าอี้ แล้วประสานมือกับอีกฝ่าย “เ้าต้องกลับแล้ว”
การกระทำของเขาลื่นไหลเป็ธรรมชาติยิ่งนัก เช่นเดียวกับหนีเจียเอ๋อร์ ที่ติดนิสัยซุกแขนเสื้อของชายหนุ่ม และเดินตามไปอย่างมั่นใจ
จันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า สะท้อนแสงลงบนูเาหิมะอันกว้างใหญ่ เรือนบนเขาบ้างซ่อนเร้นในเงา บ้างเผยให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสำนักอิ้นเสวี่ย และคนสองคนที่ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า ดุจดั่งภาพฝันในม่านหมอก
...
วันถัดมา ควงเหยาเป็ผู้นำศิษย์ทั้งหลายเข้าไปเก็บสมุนไพรในหุบเขา ซึ่งนี่เป็การบ้านของทุกคน แม้แต่หนีเจียเอ๋อร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ก่อนที่จะออกไปข้างนอก ควงเยวี่ยโหลวสวมเสื้อคลุมสีดำของตนให้นาง “เดินทางระวังด้วย!”
“ขอบคุณท่านอาจารย์” หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า พร้อมยิ้มกว้าง
ในยามนี้ ควงเหยากำลังคัดเลือกศิษย์ที่จะออกไปข้างนอก ส่วนลู่ซีที่มารับหนีเจียเอ๋อร์ออกไปด้วยกัน พอเห็นว่าอาจารย์กำลังผูกเสื้อคลุมให้ศิษย์พี่หญิง อีกทั้งการเคลื่อนไหวและน้ำเสียงที่เขาใช้ ก็ดูอ่อนโยนและอบอุ่นมาก จนเหมือนมิใช่อาจารย์คนเดียวกันกับที่ตนเจอ
ควงเยวี่ยโหลวที่กำลังประคองหนีเจียเอ๋อร์ เมื่อเห็นท่าทางตื่นตะลึงของลู่ซี พลันทำหน้านิ่ว “เ้ามัวยืนอึ้งอะไรอยู่?”
ลู่ซีสะดุ้งเฮือก หลุดจากห้วงภวังค์ แล้วรีบไปช่วยพยุงหนีเจียเอ๋อร์ หลังเดินออกมากันแล้ว นางถึงพูดด้วยความอิจฉา “ศิษย์พี่หญิง อาจารย์ช่างดีกับท่านยิ่งนัก รู้หรือไม่ ว่าสีหน้าของเขาดูอ่อนโยนแค่ไหน? หากข้าได้รับความสนใจสักครึ่งหนึ่งของท่านก็คงจะดี”
“เช่นนั้นหรือ?” เห็นได้ชัด ว่าความสนใจของหนีเจียเอ๋อร์มิได้อยู่กับคำพูดของอีกฝ่าย
ลู่ซีกล่าวขึ้นอีก “รู้หรือไม่ ท่านอาจารย์มักจะสวมเสื้อคลุมสีดำตลอดทั้งปี ข้าเดาว่าเขาคงจะสวมมันแม้กระทั่งตอนหลับ ท่านว่าที่เขาทำเช่นนี้เป็เพราะเหตุใด?”
ว่าแล้วก็หันไปมองรอบๆ ก่อนกระซิบยิ้มๆ “หรือเพราะว่าอาจารย์เป็สัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียด หน้าผากแบน จมูกสั้น จึงไม่กล้าเปิดเผยใบหน้าของตน?”
หนีเจียเอ๋อร์หยิกแขนนางเบาๆ “เ้าสิ เป็สัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียด หน้าแหลม หน้าผากแบน จมูกสั้น!”
“ศิษย์พี่หญิง” ลู่ซีโอดครวญ “ปวดใจยิ่งนัก ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว ข้าแค่พูดเล่น มิใช่หมายความว่าท่านอาจารย์จะเป็เช่นนั้นสักหน่อย...”
หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย และรีบเปลี่ยนเื่ “ลู่ซี เมื่อคืนที่ศิษย์พี่ใหญ่ไปส่ง เ้าได้ใช้โอกาสนี้สารภาพความรู้สึกกับเขาไปหรือยัง?”
พอพูดถึงเื่เมื่อคืน ใบหน้าของลู่ซีก็เปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ แล้วโวยวายทันที “ศิษย์พี่หญิง ท่านคิดว่าข้าเป็คนเช่นไร ใครจะกล้าทำเช่นนั้น... น่าอับอายนัก!”
เมื่อคืนนางนอนหลับไม่ได้สติ แม้แต่เหตุการณ์ที่ศิษย์พี่ใหญ่พยุงตัวมาส่ง ก็ยังได้ยินผ่านเพื่อนร่วมห้องเท่านั้น... เสียดายจริงๆ!
ทั้งสองเดินไปยังจุดนัดพบ พร้อมเสียงหัวเราะตลอดทาง
ควงเหยาที่กำลังกำชับในเื่ของความปลอดภัย พลันก้าวเข้าไปหาหนีเจียเอ๋อร์
ระหว่างทาง หญิงสาวหาข้ออ้างมากมาย เพื่อสร้างโอกาสให้ควงเหยาและลู่ซีได้อยู่ด้วยกัน
ชายหนุ่มย่อมสังเกตเห็น แม้มิได้เปิดโปงแผนการของนาง แต่ก็เว้นระยะห่างจากลู่ซีอย่างสุภาพ แล้วยกยิ้มบางๆ แสดงท่าทีชัดเจน ว่าตั้งกำแพงมิให้ใครก้าวข้ามเส้น เป็เหตุให้ลู่ซีไม่กล้าเข้าหาเขา
นางได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆ แสร้งทำเป็ถกเถียงกับศิษย์คนอื่นๆ เพื่อซ่อนความเสียใจ
หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกได้ว่า น้ำเสียงของลู่ซีมิได้ร่าเริงนัก จึงขมวดคิ้ว ด้วยไม่เข้าใจว่าศิษย์พี่ใหญ่จะทำเช่นนั้นไปทำไม?
ควงเหยาเห็นนางทำหน้าเคร่งเครียด ก็เล่าถึงวีรกรรมอันโด่งดังของท่านอาจารย์ในฐานะหมอ เพื่อเบนความสนใจของอีกฝ่าย
แล้วจู่ๆ หนีเจียเอ๋อร์ก็คล้ายจะได้ยินเสียงคำรามของสัตว์บางอย่าง ทั้งยังมีเสียงฝีเท้า กำลังวิ่งมุ่งหน้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว จึงเปลี่ยนสีหน้าไปทันใด “ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?”
ควงเหยาก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน เขากวาดสายตาหาต้นตอของเสียง ที่มาจากทั้งทางด้านหน้าและฝั่งซ้ายมือ
“ลู่ซี พานางหลบไป!” ควงเหยาชักกระบี่ยาวออกมา
แค่รับการโจมตีของสัตว์ประหลาดเพียงครั้งเดียว เขาก็รู้ทันทีว่ามันแข็งแกร่งยิ่งนัก ชายหนุ่มจึงหันไปะโใส่ทุกคน “หาที่ซ่อน เร็ว!”
เหล่าศิษย์ที่ไม่เคยเห็นปีศาจหิมะ ใจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ส่งเสียงกรีดร้อง
หนีเจียเอ๋อร์จึงร้องบอกทันควัน “ผู้ที่มีฝีมือในการต่อสู้ รีบเข้าไปช่วย เร็ว! ส่วนพวกเ้า เสียงกรีดร้องเช่นนี้ มีแต่จะเรียกพวกมันมา หุบปากและหาที่ซ่อนตัวเสีย เร็วสิ!”
ศิษย์ที่มีฝีมือในการต่อสู้มาหลายปี พากันชักกระบี่ออกมา แล้วตรงไปช่วยศิษย์พี่ใหญ่จัดการกับสัตว์ประหลาด
ขณะที่ลู่ซีช่วยพยุงหนีเจียเอ๋อร์ให้วิ่งตามคนอื่นๆ ไป เพื่อหาที่หลบภัย
หลังจากวิ่งออกมาไกลแล้ว ลู่ซีจึงตัดสินใจส่งตัวหนีเจียเอ๋อร์ให้กับศิษย์หญิงคนหนึ่ง “ฝากนางด้วย” พูดจบ หญิงสาวก็วิ่งย้อนกลับไป
ได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็หันไปกำชับศิษย์คนอื่นๆ “พวกเ้า รีบวิ่งไปหาที่ซ่อนตัว เร็วเข้า!”
จากนั้น นางก็วิ่งกลับไปเช่นกัน
...
ลู่ซีเห็นควงเหยาได้รับาเ็มาแต่ไกล เสื้อสีขาวของเขาถูกย้อมจนเป็สีแดงสด แม้จะหวาดกลัว แต่หญิงสาวก็ไม่อาจเพิกเฉย รีบเข้าไปผลักอีกฝ่ายให้หลบออกไป ใน่เวลาแห่งความเป็ความตายเช่นนี้ ปีศาจหิมะพลันโจมตีนางและเหล่าศิษย์ทั้งหมดจนล้มลง
ควงเหยาเหินขึ้นไปบนเวหา คว้าร่างของลู่ซีที่กำลังตกลงมา แล้วทรุดตัวลงกับพื้น
หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้ตายเต็มที ด้วยเ็ปไปหมดทุกส่วน จนแม้แต่จะอ้าปากพูดก็ยังลำบาก แต่ก็คงพยายามเค้นเสียงสารภาพกับอีกฝ่าย ว่าตนมีใจให้เขามาสามปีแล้ว
แต่พออ้าปาก ก็กระอักโลหิตอย่างหนัก เืที่ไหลรินออกมาจึงไปเปรอะเปื้อนเสื้อสีขาวของควงเหยา ลู่ซีรู้ว่าชายหนุ่มเป็คุณชายผู้รักสะอาดเป็อย่างยิ่ง คงจะไม่ชอบใจที่เห็นรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า จึงพยายามใช้แขนเสื้อมาเช็ดให้เขา
“เ้าาเ็ ไม่ต้องขยับ ไม่ต้องพูดแล้ว” ควงเหยาวางนางลงบนพื้นหิมะ และหันไปสั่งหนีเจียเอ๋อร์ที่วิ่งกลับมาพอดี “ศิษย์น้องหญิง ฝากเ้าดูแลนางด้วย”
กล่าวจบ ชายหนุ่มก็หันกลับไปฟาดฟันกับปีศาจหิมะต่อ แต่ไม่นาน ควงเหยาและบรรดาศิษย์ที่ได้รับาเ็มาก่อนหน้านี้ ก็ไม่อาจต้านทานได้
สถานการณ์ในตอนนี้... เข้าขั้นวิกฤตแล้ว!