“ผมรู้…ผมก็เสียใจ แต่พวกเรานะ เป็ครอบครัวที่โชคดีที่สุด ที่ได้มีเวลาได้มาร่ำลากัน และเรายังได้ลูกสาวกลับมาอยู่ด้วยอีกตั้ง7วัน เวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันน้อยลงไปทุกที ผมไม่อยากให้ทุกคนมามัวจมอยู่กับความเสียใจ เราควรจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และจะต้องมาช่วยกันคิดว่าจะเตรียมอะไรให้ลูกบ้าง ลูกของเรายังจะต้องไปใช้อยู่ในยุคที่ยากลำบากและอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย กับคนแปลกหน้า”คุณพ่อเตือนสติคุณแม่ที่กำลังร้องไห้เสียใจกับการที่จะต้องสูญเสียลูกสาวคนเดียวไป
คุณพ่อเอ่ยเตือนภรรยาและลูกชาย ที่เอาแต่ร้องไห้เสียใจ ในขณะที่ท่านก็เสียใจโศกเศร้าไม่แพ้กัน มีอะไรที่โหดร้ายกว่าที่ครอบตรัวของเราต้องเจออีกไหม ต้องมารับรู้ว่าคนในครอบครัวจะต้องเสียชีวิต…ตอนนี้ท่านเป็ผู้ชายและเป็หัวหน้าครอบครัว ท่านต้องเป็เสาหลักให้กับทุกคนให้ได้มาที่สุด จะมาล้มไปไม่ได้ภรรยาและลูกทั้งสองยังต้องพึ่งพาอยู่ และเพื่อไม่ให้ลูกสาวเป็ห่วงพวกเรา ในใจของอาเตี๋ยฟางหรงอยากให้ลูกสาวได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น อย่างมีความสุขโดยที่ไม่ต้องเป็ห่วงทางนี้อีก
“ใช่ๆ คุณพูดถูก…เราต้องรีบแล้ว มีอะไรต้องเตรียมบ้าง! อาหาร ข้าว ยา มีอะไรอีกนะ ฟางเจินแกมาช่วยแม่คิดสิ ว่าเรายังต้องเตรียมอะไรเพิ่มอีก” คุณแม่วันเพ็ญได้ตั้งสติจากที่สามีพูด ทำเอาเธอตื่นตระหนกที่ลูกสาวจะต้องไปใช้ชีวิตลำบาก
ก่อนจะเริ่มกลับมาคิดว่าเธอจะต้องเตรียมความพร้อมทุกอยาก ให้ลูกสาวของเธอนำไปใช้ได้อยากสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้วันเพ็ญหันไปะโเรียกลูกชายที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงมุมบันไดคนเดียว เวลานี้ทุกคนในครอบครับกำลังช่วยกันคิดว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้าง คิดกันจนหัวหมุน งานการโรงเรียนไม่ต้องไปทำกันแล้ว
“ก่อนอื่นนะ…พ่อว่าเราต้องลิสรายการที่เราคิดออกใส่สมุดกันก่อน จะได้รู้ว่าพวกเราลืมอะไรไปบ้าง จะได้เตรียมให้ครบ”คุณพ่อฟางหรงกล่าวบอกกับทุกคน ที่พยายามช่วยกันคิดและแย่งกันพูด
ตอนนี้ ฟางหรงกำลังพยายามคิดอย่างหนัก ว่าในยุคสมัยนั้นมีอะไรสำคัญบ้าง นอกจากอาหารแล้วยังต้องเตรียมสิ่งจำเป็อะไรเพิ่มเติม ที่จะทำให้ลูกสาวของท่านมีชีวิตรอดปลอดภัยและไม่ลำบากนัก
“ใช่แล้ว คุณพูดถูกต้อง อาเจินลูกรีบไปเอาสมุดปากกามา จดสิ่งที่แม่กับพ่อคิดออก เร็วๆก่อนที่แม่จะลืม”คุณแม่กล่าวรับคำผู้เป็สามี ตอนนี้ไม่ใช้เวลาที่จะมาเสียใจ พวกเราอยู่ทางนี้สุขสบายอาหารการกินไม่ขาด ต่างจากลูกสาวที่ต้องไปเผชิญกับความอดยาก ความลำบากต่างๆจากการทำงานหนัก กลางแจ้งของประเทศจีนยุคนั้น ไม่ใช่เื่ง่ายๆลูกสาวของเธอจะต้องไปทำนา ทำไร่ รับกับความอดยาก ทำงานหนัก กินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น เจ็บป่วยก็แทบไปหาหมอไม่ได้ คุณแม่วันเพ็ญยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด เธอจะลืมซื้อพวกยาไม่ได้วันเพ็ญคิดได้ เธอบอกให้ลูกชายจดลงไปในลิสด้วย
“ครับๆ คุณแม่”ฟางเจินเห็นว่าแม่กับพ่อกำลังพูดสิ่งของออกมา ทำเอาตัวเองจำไม่ทัน ก็รีบรับคำของแม่รีบลุกขึ้นเดินไปหยิบสมุดและปากกาจากกระเป๋าหนังสือของเขาที่วางไว้บนโซฟาหน้าทีวี
“ตอนนี้ เรามีเงินเก็บเท่าไหร่กันแล้วนะคุณ”คุณพ่อฟางหรงหันไปถามเื่เงินเก็บกับคุณแม่วันเพ็ญ ที่กำลังช่วยกันคิดว่าจะต้องซื้อสิ่งของอะไรบ้าง และบอกให้ลูกชายรีบจดลงไปในสมุด อยู่ๆสามีก็เอ่ยถามเื่เงินขึ้นมา
ทำให้เธอต้องหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบไปว่า“ในธนาคารฉันมี 1.5 ล้านบาท”คุณแม่วันเพ็ญบอกกับสามี หลังจากนั่งนึกไปสักพักหนึ่งว่าในธนาคารมีเงินเท่าไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้