“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจะคำนวณผิดได้อย่างไร พวกท่านลองดูในบัญชีก็เขียนได้ชัดเจน”
นางยื่นบัญชีแยกประเภททั่วไปในมือให้กับทั้งสอง
หลิวซานกุ้ยพลิกผ่านอย่างรวดเร็วก่อนจะถอนหายใจ “จริงด้วย เลี้ยงไก่ไม่มีกำไรนัก”
ใช่ มันถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนในสมุดบัญชีว่า ไก่หนึ่งหมื่นตัว หลังหักค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงไก่ จะได้รับเงินเพียงห้าสิบสี่ตำลึง ซึ่งน้อยเกินไปจริงๆ
หลิวเต้าเซียงยักไหล่ นางเองก็จนปัญญา ไก่กินจุจริงๆ
จางกุ้ยฮัวกล่าวจากด้านข้าง “ว่ากันว่าถังข้าวแลกไก่ได้เพียงหนึ่งชั่ง ไก่กินจุจริงๆ ดีที่ไข่ไก่ของบ้านเราเยอะ มิฉะนั้นหากได้เงินเท่านี้จริงคงลำบากน่าดู”
นางเห็นว่ารายได้จากไข่ถูกเขียนไว้ที่ด้านหลัง ไข่ไก่หนึ่งแสนใบสามารถแลกเงินได้แปดร้อยตำลึง นี่คือรายรับในหนึ่งปีโดยที่ไม่มีโรคระบาดเกิดขึ้น
โชคดีที่หมูหนึ่งพันตัวมีรายได้มากมายรวมหนึ่งพันแปดร้อยเจ็ดสิบเก้าตำลึง
จางกุ้ยฮัวไม่ทราบว่าในบรรดาไข่ไก่หนึ่งแสนใบเหล่านี้ หลิวเต้าเซียงได้แอบเอาออกมาจากในห้วงมิติราวสองถึงสามหมื่นใบ มิฉะนั้นมันจะเยอะเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
“คิดไม่ถึงจริง ดูเหมือนว่าจะได้กำไรมาไม่น้อย แต่อาหารสัตว์ก็เป็ตัวเลขที่สูงทีเดียว”
หลิวซานกุ้ยยังคร่ำครวญว่าการหาเงินจากการเลี้ยงไก่และหมูไม่ใช่เื่ง่าย
เนื่องจากจำนวนไก่และหมูเพิ่มขึ้นเป็สองเท่าในปีนี้ เมื่อความ้าอาหารใน่ต้นปีมีปริมาณน้อย หลิวเต้าเซียงจึงเพิ่มระดับห้วงมิติอีกห้าไร่ ตอนนี้มีพื้นที่เพาะเลี้ยงทั้งหมดสิบห้าไร่
ในปีนี้นางนำข้าวโพด ข้าวร่วนกับรำข้าวออกมา ทำให้ได้เงินทั้งหมดสามพันตำลึงเศษ
เมื่อรวมกับปีที่แล้วหนึ่งพันห้าร้อยกว่าตำลึง ทั้งหมดรวมเป็สี่พันหกร้อยกว่าตำลึง พอหลิวเต้าเซียงคำนวณตัวเลขในใจ ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
เงินเหล่านี้นางต้องพักไว้ในคลังเก็บของในห้วงมิติไปชั่วคราว เพราะหาข้ออ้างเอาออกมาไม่ได้
หลิวซานกุ้ยอ้าปากค้างในเวลานี้ “เต้าเซียง เ้าเอาออกมาหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงให้พี่สาวเ้า นับว่าเป็ค่าใช้จ่ายในปีหน้า ในบ้านมีค่าใช้จ่ายอะไรก็ให้เอาจากนาง ที่เหลือสองพันเก้าร้อยตำลึงเ้าเก็บไว้ก่อน เกาจิ่วบอกไว้ไม่ใช่หรือ ปีหน้าก็ยัง้าปริมาณนี้ นอกจากนี้เื่เป็ดเค็มที่เขาเอ่ย เราก็ต้องคิดไว้ในใจด้วย”
เหตุผลที่หลิวเต้าเซียงไม่ได้ทำในปีนี้เพราะแรงงานคนมีจำกัด อีกอย่างถึงแม้ว่านางจะฝึกเลี้ยงไก่ลับหลังสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด แต่ความรู้ที่ได้มาก็เกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ล้วนๆ
“ท่านพ่อ บ้านเราไม่มีใครเลี้ยงเป็ดเป็” หลิวเต้าเซียงรู้เพียงว่าเป็ดสามารถเอามาทำเป็ดเค็มได้ ไม่เพียงแต่รสชาติดี ทั้งยังเหมาะกับการเก็บรักษาได้นาน
“ฤดูร้อนนี้ ตอนที่น้าชายกลับมาก็เคยบอกกับข้า เพียงแต่ท่านพ่อยุ่งกับการเตรียมสอบ เด็กแฝดก็ยังเล็ก ท่านพี่ก็เริ่มงานเย็บปัก คนไม่พอจริงๆ อีกทั้งการเลี้ยงเป็ดนั้นยากกว่าการเลี้ยงไก่มากนัก”
แม้ว่าไก่จะป่วยเป็ แต่ต่างจากเป็ด เพราะเป็ดนั้นกินอาหารสดและชอบลงไปในน้ำ โรคระบาดจะเกิดขึ้นง่ายกว่า ในสมัยราชวงศ์โจวใหญ่ โรคระบาดในเป็ดไม่เพียงแต่ไม่มีทางรักษา ทั้งยังระบาดในวงกว้างได้ง่าย
หลิวซานกุ้ยก็กังวลเช่นกัน ไม่เพียงแต่น้องภรรยาเคยเอ่ยถึงเื่นี้ กระทั่งเกาจิ่วก็วิงวอน ชัดเจนว่าเื่เป็ดเค็มนั้นสำคัญกับพวกเขา
“หากมีโอกาสได้เจอกับคุณชายซูอีกครั้งก็คงดี ถึงตอนนั้นจะได้ขอให้เขาช่วยหาตำราที่เกี่ยวกับการเลี้ยงเป็ด”
หลิวซานกุ้ยไปเข้าร่วมการสอบระดับจังหวัดครั้งนี้ ได้พักอยู่ในอำเภอระยะหนึ่ง เหตุผลข้อหนึ่งคือจะได้สร้างสัมพันธ์กับสหายร่วมรุ่น ข้อสองคือแอบสังเกตดูว่าจะมีตำราเกี่ยวกับการเลี้ยงเป็ดบ้างหรือไม่ แต่น่าเสียดายที่เขาต้องกลับมามือเปล่า
หลิวเต้าเซียงขมวดคิ้วเล็กน้อย จะว่าไปนางก็ไม่ได้เจอซูจื่อเยี่ยมาหนึ่งปีกว่าแล้ว สำหรับเด็กหนุ่มที่ทั้งหยิ่งยโสแล้วก็ขี้เก๊ก ความช่วยเหลือที่ผ่านมานั้นนางก็ซาบซึ้งใจพอสมควร
ใน่เวลาที่ยากลําบากที่สุดของครอบครัวนาง เขาได้ยื่นมือเข้ามาช่วย
“ท่านพ่อ ของขวัญปีนี้ที่จะส่งไปเมืองหลวง ก็ยังเป็เหล้าองุ่นหรือ?”
หลิวซานกุ้ยชื่นชอบสุรา และมีความชอบเดียวกับซูจื่อเยี่ย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปรากฏตัวบ่อยๆ แต่ก็มีการส่งจดหมายไปมาหาสู่กันอยู่เป็นิจ ได้บอกเล่าเื่เมืองหลวงให้หลิวซานกุ้ยบ้าง พูดคุยเื่การหมักเหล้าองุ่นอย่างไรให้มีรสเลิศ
ความชุ่มฉ่ำไร้ซุ่มเสียง ครอบครัวหลิวเต้าเซียงไม่ทันได้รู้ตัวว่าได้เลื่อนระดับของซูจื่อเยี่ยจากที่เป็ผู้มีพระคุณไปเป็สหายแล้ว
“ต้องให้สิ จะไม่ให้ได้อย่างไร ปีนี้ในบ้านเรามีเงินไม่น้อย ของขวัญเทศกาลก็ต้องเพิ่มขึ้น อีกอย่างรอวันที่อากาศอบอุ่นหน่อย เราไปเที่ยวในอำเภอทั้งครอบครัวเถิด”
จางกุ้ยฮัวมีความสุขมาก เมื่อมีเงินในกระเป๋า นางเองก็อยากเพิ่มเครื่องประดับให้ตนเองอีกสักสองชิ้น และซื้อให้บุตรสาวด้วยคนละสองชิ้น
“ชิวเซียง อีกเดี๋ยวดึงค่าใช้จ่ายออกมาอีกยี่สิบตำลึง พวกเราแม่ลูกจะได้ไปซื้อผ้าชั้นดีในอำเภอกันสักหน่อย”
หลิวชิวเซียงเอื้อมมือออกมากุมหน้าผาก แล้วเอ่ยอย่างหน่ายใจ “ท่านแม่ ผ้าในบ้านเรามีไม่น้อยแล้ว ใช่สิ ท่านพ่อ คราวที่แล้วที่ให้คนทำลังเสร็จแล้วหรือ ตู้เสื้อผ้าของข้ากับน้องจะไม่พอใช้อยู่แล้ว”
หลิวเต้าเซียงเองก็เกลี้ยกล่อมด้วยอีกแรง “ใช่ ท่านแม่ น้าชายกลับมาจากการออกทะเลทุกครั้ง ก็มักจะเอาผ้าไหมมาให้เราไม่น้อย ลวดลายเ่าั้ หากเก็บไว้ในลังอีกไม่กี่ปี ในละแวกนี้ก็ยังถือว่าทันสมัย”
จางกุ้ยฮัวคิดๆ ดู ก็หันไปสบตากับหลิวซานกุ้ย แล้วเอ่ยถาม “ผ่านปีใหม่ไป เราสร้างบ้านใหม่ที่ดีหน่อยเถิด ข้าว่าบ้านหลังนี้เริ่มไม่พอใช้งาน ถึงตอนนั้นเราคงต้องสร้างโรงเก็บของต่างหากหนึ่งหลัง”
หลิวซานกุ้ยเองก็รู้สึกว่าบ้านของเขาไม่เพียงพอต่อการใช้งาน “อืม แม้ว่าปีนี้อวี้เต๋อจะซื้อบ้านในตำบลไว้ แต่เ้าก็ไม่วางใจให้ท่านแม่อยู่คนเดียว บ้านนั้นข้าว่าปีหน้าจะปล่อยเช่าออกไป จะได้ทำให้เงินในมือท่านแม่มีมากขึ้น”
สำหรับการก่อสร้างบ้านใหม่ หลิวเต้าเซียงเองก็ชอบใจพอสมควร จึงเอ่ยอีก “ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านเป็ซิ่วไฉแล้ว สามารถได้รับการยกเว้นภาษีที่นาดีสามสิบไร่ไม่ใช่หรือ?”
หลิวชิวเซียงยิ้มและถามว่า “น้องรอง เ้าอยากให้ท่านพ่อเห็นด้วยกับการซื้อที่นาหรือ?”
หลิวซานกุ้ยหวั่นไหวเล็กน้อย แต่เขาก็คิดว่าที่นาดีในหมู่บ้านสามสิบลี้มีไม่มากนัก หรือบางทีต้องบอกว่า ทั่วทั้งอำเภอถู่หนิว ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีที่นาดีมากนัก
“จะว่าไป การซื้อที่นาก็เป็เื่ดี ลูกสาวก็เติบโตขึ้นตามวัย ต่อไปคงไม่เหมาะกับการทำงานหนักและเปิดเผยใบหน้าแบบนี้ได้ เกิดเสบียงน้อยเกินไป ก็รับซื้อจากในหมู่บ้านสักหน่อย”
ในตอนแรกหลิวซานกุ้ยยังไม่ได้ตำแหน่งซิ่วไฉ จึงไม่นับว่าเป็ครอบครัวเกษตรกรมีการศึกษา อย่างมากหลิวเต้าเซียงก็ยังนับว่าเป็เด็กสาวชนบท เขาจึงปล่อยให้นางเตร็ดเตร่ไปทั่ว
หลิวเต้าเซียงคิดว่าใน่สองปีที่ผ่านมา ได้อาศัยการขายข้าวโพดกับข้าวร่วนเป็ต้น ปีที่แล้วหมุนเงินได้หนึ่งพันห้าร้อยยี่สิบตำลึง ปีนี้ได้อีกสองพันเจ็ดร้อยยี่สิบหกตำลึง ทั้งหมดรวมเป็สี่พันสองร้อยสี่สิบหกตำลึง
“เซียงเซียงที่รัก” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดปรากฏตัวออกมาทันใด
“มีอะไร?” ทุกครั้งที่มันเรียกแบบนี้ หลิวเต้าเซียงจะมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“อัพเกรด อัพเกรด อัพเกรด ขยาย ขยาย ขยาย เงิน เงิน เงิน...”
ความอดกลั้นของมันกำลังก่อตัวอย่างหนัก!
สาวชาวนาตัวน้อยที่ขยันขันแข็งหายไปไหน?
ในเมื่อมีเงินมากมาย แต่ยังไม่รีบเลี้ยงไก่อีก สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดที่ถูกหลิวเต้าเซียงเอาเปรียบมาสองปี ในที่สุดก็พลิกตัวกลับมาเป็ผู้นำบ้าง!
หลิวเต้าเซียงปวดศีรษะกับการก่อกวนของมัน หนึ่งปีมานี้มันก็เอาแต่บ่นข้างหูไม่น้อย
“ฉันรู้แล้ว รอพ้นปีใหม่ไป ั้แ่เดือนห้าเป็ต้นไป จะพยายามเลี้ยงไก่ให้นายเพิ่มอุปกรณ์”
“เซียงเซียงอายุหมื่นปี หมื่นหมื่นปี รักเซียงเซียงที่สุด เขาทำเพื่อตัวเอง สองปีที่ผ่านมาไม่ได้เติบโตเลย” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดมีความสุขมาก
หลิวเต้าเซียงหลอกให้มันช่วยเหลือ ในเมื่อรับปากมันแล้ว รอให้ครอบครัวของนางเริ่มมีชีวิตที่ดี นางก็ตั้งใจจะช่วยเพิ่มระดับห้วงมิติ
นางมองลงมาที่บัญชีแยกประเภททั่วไปในมือของหลิวซานกุ้ย ้ายังมีเงินเกือบสามพันตำลึง แม้ว่าจะสร้างบ้านที่ดีสักหลัง อย่างมากก็ไม่กี่ร้อยตำลึง รวมกับการซื้อที่นาดีอีกสามสิบไร่ เดาว่าก็ยังคงเหลืออีกประมาณสองพันห้าร้อยตำลึง
“ท่านแม่ ลูกไก่ในปีหน้าเรารับจากในหมู่บ้านทั้งหมดเถิด!”
การฟักลูกไก่นั้นเปลืองแรงอย่างมาก หลิวเต้าเซียงตั้งใจว่าจะยกผลประโยชน์นี้ให้แก่หมู่บ้านสามสิบลี้ นับว่าเป็หน้าเป็ตาให้แก่หลี่เจิ้ง
หลิวซานกุ้ยยิ้ม “ข้าเองก็เตรียมจะบอกเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ท่านลุงหวงยังเอ่ยเื่นี้กับข้า บอกว่าถึงอย่างไรครอบครัวเราก็ไม่มีทางฟักลูกไก่ได้มากมาย สู้ให้เขาออกหน้าบอกกับคนในหมู่บ้าน แล้วใช้บ้านเก่าของเขาในการทำห้องให้อุ่น แล้วให้ชาวบ้านนำไข่ไปฟักในคั่ง เขาบอกว่าคนในหมู่บ้านแต่ก่อนเคยได้ร่ำเรียนด้านนี้มา เพียงแต่ต่อมาเ้าบ้านพบเจอกับโรคระบาดในไก่ สุดท้ายจึงต้องขาดทุนจนกิจการล้มไป”
ที่นาดีสามสิบไร่คงไม่พอให้ไก่หนึ่งหมื่นตัวกิน แต่หลิวซานกุ้ยเอ่ยปากขอรับจากในหมู่บ้าน หลิวเต้าเซียงจึงไม่เอ่ยให้มากความ
หลิวเต้าเซียงคิดว่าต่อไปคงแอบทำแบบเดิมไม่ได้ ในบ้านมีเงินหมุนแล้ว เมื่อคิดๆ ดูจึงเอ่ย “ท่านพ่อ เราเลี้ยงหมูอีกสักหลายร้อยตัวเถิด ถึงตอนนั้นก็เอาไปขายในอำเภอ”
หลิวซานกุ้ยตอบว่า “เกาจิ่วจองไว้หนึ่งพันตัวแล้วไม่ใช่หรือ? หากปีนี้เนื้อเค็มที่ส่งไปขายดี ข้าคิดว่าเกาจิ่วต้องอยากรับเพิ่ม หรือไม่เรายังไม่รีบตัดสินใจดีกว่า”
หลิวเต้าเซียงไตร่ตรองดูก็รู้สึกมีเหตุผล จึงไม่เอ่ยเื่นี้อีก
ในคืนที่เงียบสงบ ประตูบ้านถูกใครบางคนเคาะเสียงดัง สุนัขในบ้านจึงเห่าอย่างดุดัน
“ซานกุ้ย อยู่บ้านหรือไม่?”
หลิวซานกุ้ยได้ยินเสียงจึงรู้ว่าเป็หลี่เจิ้งหวงจินที่กำลังเอ่ยถึงเมื่อครู่ เขาส่งสัญญาณให้บุตรสาวทั้งหลายเก็บบัญชีไว้ และตอบรับหลี่เจิ้งไปด้วย “อยู่ ข้าจะไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ั้แ่หวงเสียวหู่และหลิวชิวเซียงหมั้นหมายกัน หลี่เจิ้งก็ดูแลครอบครัวของหลิวซานกุ้ยมากขึ้น
หลิวซานกุ้ยกับสองพี่น้องหลิวเต้าเซียงแยกย้ายกันไป ทางหนึ่งก็นำบัญชีไปเก็บในห้อง อีกทางก็ไปต้อนรับหลี่เจิ้ง
เมื่อสองพี่น้องเก็บบัญชีไว้ในห้องแล้วกลับมาอีกครั้ง จางกุ้ยฮัวก็กำลังรินน้ำชาร้อนๆ ให้หลี่เจิ้ง ยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านลุงหวง ชิมดู นี่คือของที่น้องชายข้านำมาจากแดนใต้ ใบชาต่างหากของเรา ไม่รู้ว่าทำอย่างไร ใบชาหยาบไม่พอ แล้วยังมีสีเขียว ไม่เหมือนกับใบชาของเราที่เป็สีดำล้วน”
หลี่เจิ้งจิบชาและยิ้ม “กลิ่นหอมนี้ข้าเคยดมมาก่อน ได้ยินว่าเป็ของขึ้นชื่อในเขตฝูโจว ในอดีตลูกชายคนโตของข้าเคยได้รับมาและนำมาตอบแทนให้ข้าตอนปีใหม่ น้ำชานี้มีรสชาติดี เวลาดื่มจะมีกลิ่นหอมพิเศษ ไม่เหมือนกับของเรา รสชาติในปากทั้งอ่อนนุ่ม แต่พอยิ่งดื่มก็ยิ่งขม”
หลิวซานกุ้ยยิ้ม “ได้ยินน้าชายเล็กส่งจดหมายมาว่า นี่เรียกว่ากวนอิมเหล็ก เราเองก็ไม่เข้าใจ เขายังส่งชุดชามาด้วยหนึ่งชุด จอกชานั้นมีขนาดเล็กมาก เท่ากับจอกเหล้า ข้าเก็บไว้ตอนปีใหม่ จะนำมาต้อนรับญาติมิตรสหาย และใช้ดื่มเหล้าด้วย”
สำหรับหลิวซานกุ้ย การดื่มชาก็เหมือนวัวเคี้ยวดอกโบตั๋น!
ยังมิสู้การดื่มเหล้าสักสองจอกอย่างสบายใจ
หลี่เจิ้งพูดคุยกับหลิวซานกุ้ยว่ามันคือชาดี แล้วจึงเอ่ยปาก “ซานกุ้ย ที่ข้ามาคืนนี้เพราะอยากถามเื่หนึ่ง ปีหน้าบ้านเ้ายังรับมันเทศหรือไม่?”
หมู่บ้านสามสิบลี้อยู่ด้านข้างของูเา ที่ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกข้าวนั้นมีน้อยเกินไป ส่วนมากจะเป็ที่ดินเนื้อแข็ง อีกทั้งห่างไกลจากแหล่งน้ำ แต่ก่อนมักปล่อยร้างไว้ไม่ค่อยมีคนรับซื้อ
ส่วนตอนนี้…
หลิวเต้าเซียงหวั่นไหว ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้เื่หนึ่ง
-----