หญิงอ้วนคิดอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ส่ายหน้า แล้วพูดอย่างไม่แน่ใจ “ฉันก็ไม่แน่ใจ ฉันจำได้ว่าเหมือนเคยเห็น แล้วก็เหมือนไม่เคย คุณลองถามผัวเมียแก่ๆ ในคณะกรรมการชุมชนดูก็ได้ พวกเขาพวกเดินรอบชุมชนทั้งวัน อาจมีเบาะแสอะไรบ้างแหละ”
จ้าวอี้ถามที่อยู่ของคณะกรรมการชุมชน
พวกคุณลุงคุณป้าดูกระตือรือร้นมาก ซุบซิบถึงข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขารู้มา
“เสี่ยวซุนคนนี้ย้ายมาได้สามสี่ปีแล้วมั้ง? ยังไม่แต่งงานเลย ตอนแรกเ้าหนูเสี่ยวซุนอาศัยอยู่กับแม่ของเขา ต่อมาเพราะงานยุ่งมาก เขาเลยไม่มีเวลาดูแลแม่ จึงหาบ้านพักคนชราที่มีสภาพแวดล้อมดีๆ ค่าใช้จ่ายบ้านพักคนชรานั่นน่าใทีเดียวเชียว!”
ป้าคนหนึ่งพูดอย่างเกินจริง ในแววตาแสดงความอิจฉา
“ใครว่าไม่ใช่กัน เด็กคนนี้มีความสามารถมากๆ พวกเรากังวลเหลือเกิน อยากให้เขาหาผู้หญิงดีๆ สักคน แค่นี้ครอบครัวก็สมบูรณ์แบบแล้ว”
จ้าวอี้ฟังคนแก่เหล่านี้คุยจ้อด้วยรอยยิ้ม เขาชอบบรรยากาศแบบนี้มาก
แต่คุณลุงที่อายุมากที่สุดดูงุ่มง่ามอยู่บ้าง “อย่าคุยเื่พวกนี้เลย คุณตำรวจเขารู้เื่ของเสี่ยวซุนดี ต้องเป็เสี่ยวซุนที่ไปก่อนเื่อะไรไว้แน่ๆ นี่ก็สองวันแล้วที่ไม่มีใครเจอเขาเลยน่ะ?”
“น่าจะเป็อย่างที่คุณพูดนะ มันก็จริงที่ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้ว เสี่ยวซุนคนนี้กตัญญูไม่น้อยเลย ปกติแล้วเขาเป็คนดีจะตายไป พอคิดดีๆ แล้ว เขาก็ทำท่าทางแปลกๆ อยู่นะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะเอาเขามาล้อได้ยังไงล่ะ? สามเดือนมานี้ก็ไม่ได้หางานทำเลย เขามักจะตื่นตอนเที่ยง จากนั้นก็ไปดูแม่ ไม่ได้มีท่าทีจริงจังอะไร ่สองวันนี้ก็ออกเช้ากลับค่ำ งานของเขาก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่ได้กลับบ้านเป็เดือนๆ ตอนนี้ฉันคิดว่า เขาอาจไปทำธุรกิจผิดกฎหมายอะไรข้างนอกนั่นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะมีเงินมากมายขนาดนั้น แล้วให้แม่ไปอยู่บ้านพักคนชราดีๆ แบบนั้นได้ยังไง?”
พวกเขายิ่งพูดก็ยิ่งนอกเื่ไปไกล ตอนแรกยังชื่นชมซุนหงโปอย่างเห็นได้ชัดอยู่เลย ตอนนี้น้ำเสียงเปลี่ยนไป แสดงออกเหมือนพวกเขามีสายตาแหลมคม พบร่องรอยต่างๆ ว่าซุนหงโปเป็ไข่เน่ามาั้แ่แรก
“ตอนนี้เราแค่สอบสวนเท่านั้นครับ ไม่ได้สงสัยซุนหงโปแต่อย่างใด หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจนะครับ” จ้าวอี้รีบห้ามปราม เขารู้ว่าคำพูดของคนนั้นน่ากลัว ถ้าซุนหงโปไม่ได้ทำ แล้วเหล่าเพื่อนบ้างต่างมองเขาด้วยความอคติ อาจทำให้ชีวิตของเขายุ่งยากอย่างมากอย่างแน่นอน
“งั้นคุณตำรวจถามมาเถอะค่ะ”
“พวกคุณรู้ไหมครับว่าทำไมเขาลาออกจากงาน?”
“โอ้ พวกเราไม่รู้เื่นั้นจริงๆ ค่ะ เขาน่ะ ถึงจะย้ายมาอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว แต่ก็พูดคุยกับเพื่อนบ้านอย่างพวกเราน้อยมาก ก่อนที่แม่ของเขาจะไปอยู่บ้านพักคนชรา เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา เพียงแต่เวลานั้นสั้นมาก แถมร่างกายของเธอก็ไม่ค่อยแข็งแรงด้วย”
จ้าวอี้พยักหน้า ในใจรับรู้ชัดเจน ในฐานะบอดี้การ์ดคนหนึ่ง แม้ว่าจะได้เงินเดือนสูง แต่ก็มีเวลาของตนเองน้อยมาก
“งั้น่ไม่กี่วันมานี้ พวกคุณเห็นอะไรผิดปกติตอนที่เขาไปไหนมาไหนบ้างหรือเปล่าครับ? ปกติแล้ว เขาเลือกใช้การเดินทางแบบไหนเหรอครับ?”
“น่าจะเป็แท็กซี่นะ ใช่ ฉันเห็นเขาเรียกแท็กซี่อยู่ พวกวัยรุ่นนี่ใช้ชีวิตกันยุ่งยากจริงๆ ถ้าเขาออมเงินค่าแท็กซี่นั่นสักสองสามปี มันก็มากพอที่จะซื้อรถราคาถูกๆ ได้สักคันแล้ว”
พวกคนแก่มักพูดมาก แถมพวกเขายังชอบแสดงความเห็นของตน จ้าวอี้ไม่ได้ขัดพวกเขา เพียงแต่ฟังอย่างเงียบๆ
หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวอี้ก็หยิบรูปมอเตอร์ไซค์ออกมา “งั้น่นี้พวกคุณเคยเห็นมอเตอร์ไซค์คันนี้บ้างไหมครับ สีอาจจะไม่เหมือนกันเท่าไร โดยเฉพาะคันที่ซุนหงโปขี่น่ะครับ”
“ไม่เลยนะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
คุณลุงคุณป้าเหล่านี้ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ การยืนยันของพวกเขาทำให้จ้าวอี้ผิดหวังอย่างมาก แต่มันก็สมเหตุสมผลดี ถ้าซุนหงโปทำผิดจริง แล้วขี่มอเตอร์ไซค์คันนี้ไปก่อเหตุ เขาต้องไม่ขี่มันกลับมาบ้านพักของตนเป็แน่ ไม่ใช่ว่าจะเป็การทำให้ตัวเองเดือดร้อนหรอกหรือ เปิดเผยร่องรอยของตนเองแล้วรอให้ตำรวจตามรอยมาจับตัวเขาน่ะนะ?
จ้าวอี้คิดว่าคนที่มีความคิดค่อนข้างรอบคอบไม่น่าจะทำพลาดเช่นนี้
และทุกการกระทำนั้น แสดงให้เห็นเลยว่าคดีมีความเกี่ยวโยงกันอย่างแน่นอน อีกฝ่ายเก็บกวาดอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายของทุกคน ดังนั้น ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้
แต่การที่ไม่ได้ทำอะไรก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สืบสวนเลย การไขคดีก็เป็ขั้นตอนหนึ่งของการหาเบาะแสเช่นกัน
“นี่ก็ดึกมากแล้ว รบกวนการพักผ่อนพวกคุณไม่น้อยเลย ต้องขอบคุณพวกคุณจริงๆ นะครับ ถ้าพวกคุณเห็นเขากลับมาเมื่อไร หวังว่าพวกคุณจะติดต่อผมนะครับ นี่เป็เบอร์สำหรับติดต่อครับ” เบอร์ที่จ้าวอี้ทิ้งไว้เป็เบอร์โทรศัพท์ของเสี่ยวหลิน เบอร์ของเขาเป็ของแผ่นดินใหญ่ อยู่ที่นี่คงไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไร
“เข้าใจแล้วๆ คุณวางใจเถอะ”
ทั้งสองคนเดินออกมาจากชุมชน เสี่ยวหลินถามขึ้น “คุณจ้าว คุณว่าตอนนี้มันดึกเกินไปแล้วไหม? พวกเราจะกลับสถานีตำรวจหรือไปบ้านพักคนชราดีครับ?”
จ้าวอี้ดูนาฬิกา เป็เวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว จ้าวอี้คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ไปบ้านพักคนชราก่อน ตอนนี้พวกเขาน่าจะยังไม่นอนกัน”
ทั้งสองขับรถมาถึงบ้านพักคนชรา บรรยากาศในบ้านพักคนชราดีมาก พวกเขาน่าจะเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ บางคนที่แข้งขายังดีอยู่ก็กำลังเต้นรำในลานกว้าง บางคนที่ไม่สะดวกออกกำลังก็จับกลุ่มพูดคุยกันกลุ่มละสองสามคน ภาพที่จ้าวอี้มองเห็นเป็เช่นนี้
เขาเหมือนจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมคนชนชั้นกลางเ่าั้ถึงเลือกสถานที่เช่นนี้ คนชราก็้าชีวิตที่มีสีสันเช่นกัน
ชื่อแม่ของซุนหงโปถูกประกาศออกไป ขณะเดียวกันก็นำบัตรประจำตัวให้พยาบาลดู จากนั้นพยาบาลจึงนำทาง พาไปหาแม่ของซุนหงโป
นี่เป็คุณยายใจดีท่านหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มีผ้าห่มคลุมขาเอาไว้
“สองคนนี้...”
“พวกเราเป็เพื่อนร่วมงานเก่าของซุนหงโปน่ะครับ คืออย่างนี้นะครับ ได้ยินมาว่าตอนนี้หงโปไม่มีงานทำ พวกเรามีงานหนึ่งที่เหมาะสมกับเขามาก แถมได้เงินเดือนดีด้วย เรามาหาเขาโดยเฉพาะเลยครับ แต่โทรศัพท์ของเขาโทรไม่ติด ที่บ้านก็ไม่มีคนอยู่ คุณป้าครับ คุณป้าพอจะมีช่องทางการติดต่อเขาทางอื่นบ้างไหมครับ?”
จ้าวอี้ขัดคำพูดพยาบาลที่กำลังจะแนะนำสถานะของพวกเขาสองคน เขาฉวยโอกาสพูดขึ้นมาก่อน ด้วยคำพูดเช่นนี้ แม่ของซุนหงโปจะได้ไม่เกิดความกังวล
ั้แ่โบราณ ลูกออกเดินทางพันลี้แม่มีแต่กังวลใจ จ้าวอี้ก็กังวลเช่นกันว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายจะเข้าแทรกแทน ถ้าพูดตรงๆ ว่าพวกเขาสองคนเป็ตำรวจ ผู้เป็แม่ส่วนใหญ่ต้องปิดบังแน่ นี่เป็กลยุทธ์อย่างหนึ่ง เรียกว่าการโกหกสีขาว คนที่สามารถจัดการญาติพี่น้องได้ตามกฎหมายจริงๆ จะมีสักกี่คนกันเชียว?
เป็ไปตามคาด เมื่อกล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของมารดาแซ่ซุนก็ปรากฏความอบอุ่น “ใช่แล้ว ที่แท้เป็เพื่อนร่วมงานของเขานี่เอง พวกเธอรีบเข้าเถอะ ไม่คิดเลยว่าพวกเธอจะกังวลใจเื่ของเขาด้วย ก่อนหน้านี้เ้าลูกคนนี้เพิ่งเสียงานไป ถึงจะได้รับเงินชดเชย แต่คนจะนั่งกินนอนกินได้ที่ไหนกัน ฉันเซ้าซี้ให้เขาหางานดีๆ ทำตั้งหลายรอบ เขาก็เอาแต่พูดว่าจะอยู่กับฉันสักพัก ขอฉันโทรหาเขาหน่อยนะ”
มารดาของซุนหงโปหยิบโทรศัพท์ออกมาเริ่มโทรออก น่าเสียดายที่ไม่มีคนรับสาย เธอเอ่ยขอโทษกับพวกเขาสองคน “ลูกคนนี้ ทำไมไม่รับสายนะ? ไม่อย่างงั้นพวกเธอทิ้งเบอร์เอาไว้แล้วเดี๋ยวฉันให้เขาโทรหาพวกเธอทีหลังเอง? เ้าลูกคนนี้จะมาหาฉันทุกๆ สองวัน พรุ่งนี้อาจจะมาก็ได้”
จ้าวอี้ถามต่อทันที “คุณบอกว่าเขาไม่รับสายงั้นเหรอครับ?”
“ใช่จ้ะ ไม่มีคนรับสายเลย”
ไม่มีคนรับสายต่างกับการปิดเครื่อง และเบอร์โทรที่พวกจ้าวอี้ได้มาเป็เบอร์ตอนที่ซุนหงโปเป็บอดี้การ์ดให้หลี่เยว่หรู ตอนที่พวกเขาโทร มันเป็การปิดเครื่อง
หมายความว่า ซุนหงโปเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
จ้าวอี้กับเสี่ยวหลินมองหน้ากัน ซุนหงโปผู้นี้น่าสงสัยมาก
เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่รับสาย ไม่รับแม้แต่โทรศัพท์ของแม่ตนเอง ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจของทั้งสองคน คงไม่เกิดเื่อะไรขึ้นกับเขาเช่นกันใช่ไหม?
“คุณป้าครับ คุณป้าบอกว่าวันนี้เขามางั้นเหรอครับ เขาได้บอกคุณหรือเปล่าว่าวันนี้เขาจะไปที่ไหน?”
“วันนี้ อา เขามาไม่นานหรอก พอเขารับโทรศัพท์เสร็จก็รีบกลับไปเลย เหมือนเขาจะพูดว่าไปูเาอะไรสักอย่าง ฉันขอคิดก่อนนะ”
แม่ของซนหงโปนึกย้อนอย่างสุดความสามารถ “เหมือน...เหมือนจะเป็เขาต้าอะไรสักอย่าง”
“ต้าอู้ซานหรือเปล่าครับ?” เสี่ยวหลินช่วยเตือนความจำ ูเาในฮ่องกงมีอยู่ไม่มาก ยิ่งเป็ผู้เขาที่มีชื่อเสียงแล้วมีคำว่าต้าอยู่ด้วย ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่
“ใช่ๆ ใช่แล้ว เหมือนจะเป็ต้าอู้ซานนี่แหละจ้ะ”
ทั้งสองคนรีบยืนขึ้นแล้วเดินออกมา แม่ของซุนหงโปที่อยู่ด้านหลังพยายามเรียกอยู่สองครั้ง แต่จ้าวอี้และเสี่ยวหลินก็ไม่ได้ใส่ใจแล้ว
พวกเขาคิดว่า เป็ไปได้มากที่จะเกิดอะไรขึ้นกับซุนหงโป ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่พลาดที่จะรับสายของแม่ตัวเองแน่ๆ
“ที่ฮ่องกงมีทีมสุนัขตำรวจบ้างไหม? ผมแนะนำว่าให้รีบส่งทีมสุนัขตำรวจออกค้นหาที่อยู่ของซุนหงโปทันทีเลย” เขาต้าอู้ซานอยู่ห่างจากเขาที่มีชื่อเสียงหลายลูก แต่ไม่ได้เล็กเฉกเช่นเขาลูกอื่น ถ้าใช้กำลังคนตามหาอย่างเดียว เกรงว่าไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ใช้ััรับกลิ่นของสุนัขตำรวจจึงเป็ทางเลือกที่ดีที่สุด
“มีครับ ผมจะรีบโทรหาหัวหน้าให้นะครับ”
ฮ่องกงเป็เมืองใหญ่ขนาดนี้ต้องมีทีมสุนัขตำรวจแน่ ต้องแจ้งอี้เกอ ให้อี้เกอตกลงคำขอนี้
ทั้งสองคนติดต่อตำรวจที่อยู่ในชุมชนซุนหงโปก่อน พวกเขาเตรียมพังประตูบ้านเข้าไป นี่แน่นอนว่ามีเหตุผลอยู่
สุนัขตำรวจค้นหาจากกลิ่น ปกติแล้ว กลิ่นจากเสื้อผ้าเก่าก็เพียงพอแล้ว
เมื่อพวกเขาไปถึงที่หมาย ตำรวจท้องที่ก็อยู่ที่นั่นแล้ว จ้าวอี้พังประตูเข้าไปท่ามกลางสายตาของพวกเขา และหยิบเสื้อผ้าของเขาออกมาสองตัว
“พวกคุณรอสักครู่นะ พยายามรักษาสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ เดี๋ยวจะมีคนมาที่นี่เพื่อเก็บพยานหลักฐาน พวกเรายังมีเื่อื่นที่ต้องทำอยู่”
จ้าวอี้บอก จากนั้นก็รีบไปที่จุดรวมตัวที่ตีนเขาต้าอู้ซาน
“มาเร็ว ดม!”
สุนัขตำรวจดมเสื้อของซุนหงโปทีละตัว เมื่อผู้ฝึกสุนัขตำรวจออกคำสั่ง สุนัขแต่ละตัวก็หมุนตัวกลับไปที่เดิม
“พวกคุณมั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยเข้าในเขาก็จริง แต่ท่าทีของสุนัขตำรวจกลับแสดงออกว่าเขาไม่ได้อยู่บริเวณนี้เลย อย่างน้อยแถวนี้ก็ไม่มีกลิ่นของเขาอยู่”
คำพูดของผู้ฝึกสุนัขตำรวจทำให้จ้าวอี้ชะงัก จากนั้นจึงถามเสี่ยวหลิน ว่าต้าอู้ซานมีเส้นทางขึ้นเขาทั้งหมดกี่ทาง
“ไม่เยอะครับ มีอีกสองทาง ส่วนจุดอื่นไม่เหมาะกับการขึ้นเขาเท่าไร”
หน่วยสุนัขตำรวจแบ่งเป็สองกลุ่มแล้วออกเดินไปยังเส้นทางอื่นทันที
“ถ้ามีข่าวคราวอะไรให้รีบแจ้งผมทันที ผู้ต้องสงสัยอาจมีปืนอยู่ในมือ เพราะงั้นทุกคนต้องระวังให้ดี”
“รับทราบ!”
จ้าวอี้รอฟังข่าวอยู่ที่นี่ เขาเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิด ในใจเขาคาดหวัง อย่าให้ลางสังหรณ์ไม่ดีนี้เป็ความจริงเลย
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ทั้งสองหน่วยก็ส่งข่าวมาในเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาไม่พบอะไร มั่นใจได้อย่างง่ายดายเลยว่าซุนหงโปไม่ได้ขึ้นมาบนเขาต้าอู้ซาน
“คุณลองคิดดูสิ ว่ายังมีเขาลูกอื่นที่มีคำว่าต้าอีกไหม”
โชคดีที่เสี่ยวหลินคุ้นเคยกับภูมิประเทศของฮ่องกงอย่างมาก เขานึกถึงอีกที่หนึ่งขึ้นมาได้ “มีครับ ต้าตงซาน หรือเรียกอีกชื่อว่าต้าต้งซาน”
“เราไปที่นั่นกันเถอะ”
เมื่อจ้าวอี้และคนอื่น พร้อมด้วยหน่วยสุนัขตำรวจไปถึงตีนเขาต้าตงซาน สุนัขตำรวจก็แสดงท่าทางตื่นเต้นทันที แสดงว่าเจอตัวแล้ว!
จ้าวอี้หยิบปืนออกมาทันที ส่งสัญญาณให้ทุกคนระวัง จากนั้นทุกคนก็เดินขึ้นเขา
่ค่ำคืนจะมืดมิดอย่างมาก ทุกคนจึงค้นหาอย่างระมัดระวัง
โฮ่งๆๆ... สุนัขตำรวจเห่าไปที่ทิศทางหนึ่งทันที
เจอตัวแล้ว!
“คนข้างหน้าจงฟัง คุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว วางอาวุธในมือลงและมอบตัวเดี๋ยวนี้!” เสียงะโตามปกติกลับไม่มีผลอะไร มีเพียงความมืดและสายลมพัดต้นไม้ใบหญ้าจนส่งเสียงกรอบแกรบ
ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด