“นางตอบว่า หากให้นางเข้ามาอยู่ที่จวน นางยอมตายดีกว่า เช่นนี้แล้วจะไม่ให้ข้าทุกข์ใจได้อย่างไร ข้ามีแม่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ หากเปลี่ยนความคิดนางไม่ได้ ข้าอาจจะต้องไปดูแลนาง” หญิงสาวเอียงศีรษะเล็กน้อย
“แต่เ้าเป็คนที่ท่านพี่วางใจมากสุด หากเ้าไปแล้ว โม่โฉวจะทำเช่นไร” ถึงตอนนี้แววตาของเจ่าเจาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ข้อนั้นทำให้ข้าทุกข์ใจจนถึงตอนนี้ขอรับ” เขาพูดพลางกระดกเหล้าเป็ระยะ พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมา
“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะช่วยเ้าเอง” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ช่วยงั้นเหรอ” นางพยักหน้างึก ๆ พร้อมใบหน้าแดงก่ำ
“ข้าเป็ถึงภรรยาของโม่โฉว ข้าต้องช่วยเ้าได้อยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ข้าไม่ไหวแล้ว ขอข้ากลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะดีกว่า” ว่าแล้วหญิงสาวก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น นางทำท่าจะล้มหากแต่เจ่าเจารีบลุกขึ้นพยุงไว้
“ระวังขอรับฮูหยิน” เป็ครั้งแรกที่เขาเรียกนางด้วยความเคารพ ก่อนรอยยิ้มของอีกฝ่ายจะเผยออกมา
“ข้าไม่ได้เมามากมายเพียงนั้น ข้าไปล่ะ” เสี่ยวเฟยพูดด้วยความมั่นใจ ก่อนจะเดินเซไปมา มุ่งตรงไปยังสระน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ห่างนัก
เมื่อเดินมาถึง หญิงสาวก็ทิ้งตัวลงทันที แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปเมื่อครู่ค่อย ๆ ออกฤทธิ์ทำให้เสี่ยวเฟยค่อย ๆ หลับไปในที่สุด
เวลาผ่านไปโม่โฉววางมือจากงานราชการ เขารู้สึกแปลกใจเมื่อไม่เห็นเจ่าเจาที่คอยเดินไปมา ชายหนุ่มวางพู่กันลงด้านข้าง ตัดสินใจเดินออกมาดูที่สระน้ำ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อพบร่างของเสี่ยวเฟยนอนฟุบอยู่ที่โต๊ะ
สายตาคมเลื่อนมองหาเจ่าเจาทว่าไม่พบ เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ใช้ให้เจ่าเจาดูแลนางอย่างใกล้ชิด ทว่าตอนนี้ปล่อยให้เสี่ยวเฟยนอนหลับเพียงลำพัง สองเท้าเดินตรงไปยังหญิงสาว แล้วใช้มือแตะไหล่นางเบา ๆ เพื่อเรียกสติ
“เสี่ยวเฟย เสี่ยวเฟย” น้ำเสียงสุขุมเรียกอยู่ครู่หนึ่ง หากแต่นางนอนนิ่งไม่ตอบสนอง เขาจึงขยับกายเข้าไปใกล้ ก่อนจะได้กลิ่นเหล้าตีคลุ้งขึ้นมา
“กลิ่นเหล้า เ้ากินเหล้ามางั้นเหรอ” เขานึกแปลกใจ แล้วเรียกสติหญิงสาวอีกครั้ง
“เสี่ยวเฟย เ้าไปทำอันใดมา” นางค่อย ๆ ได้สติ แล้วชันตัวขึ้น พลางมองตรงไปยังชายหนุ่มแล้วส่งยิ้มกว้าง
“เป็ท่านหรอกเหรอ” เขาใเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้า
“เ้าดื่มเหล้างั้นรึ” หญิงสาวพยักหน้างึก ๆ ก่อนเขาจะย่อตัวลงนั่งด้านข้างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เอาเหล้ามาจากที่ใด เจ่าเจาล่ะ” ชายหนุ่มถามหาทหารคนสนิทพลางนึกตำหนิ ก่อนหญิงสาวจะยิ้มกว้างแล้วพูดอย่างภูมิใจ
“ข้าเป็คนซื้อเหล้า มาจากตลาด” อีกฝ่ายเบิกตากว้าง แล้วทวนคำพูดของนาง
“เ้าเป็คนซื้อมางั้นรึ”
“ใช่แล้ว ๆ” นางตอบรับอย่างไม่มีท่าทีสลด ก่อนจะชี้มือไปยังสวนด้านหน้า
“ข้ามอมเหล้าเจ่าเจา เขานอนอยู่ที่นั่น แต่ข้าว่าข้าคอแข็งแล้ว เหตุใดเขาคอแข็งยิ่งกว่า โม่โฉวอย่าชวนข้าคุยนักเลย ข้าพูดกับท่านไม่ไหวแล้วล่ะ” พูดจบตาของนางก็ค่อย ๆ หลับลง ก่อนโม่โฉวจะรีบเข้าไปประคองศีรษะของนาง ก่อนที่นางจะทิ้งตัวฟุบกับโต๊ะดังเดิม
“ก่อเื่จนได้” ชายหนุ่มพูดด้วยสายตาจริงจัง เขาเดินฉับ ๆ ไปยังสวนด้านหน้า ก่อนจะพบร่างของเจ่าเจาเมาหลับอยู่ พร้อมไหเหล้าที่วางทิ้งอยู่ข้างกาย เขาค่อย ๆ ย่อตัวลงแล้วหยิบไหเหล้าขึ้นมา พบว่ามันหมดเกลี้ยงทุกหยด
“ข้าให้เ้าดูแลนาง แต่เ้ากลับถูกนางเล่นงานจนได้ เจ่าเจานะ เจ่าเจา” พูดพลางส่ายศีรษะ แล้วเรียกให้ทหารบริเวณนั้นนำตัวเจ่าเจากลับเรือนไป
ก่อนโม่โฉวจะเดินกลับมายังสระน้ำ พร้อมสายลมอ่อนพัดผ่านมาปะทะกายเป็ระลอก เขาค่อย ๆ เดินมาเก็บกระดาษและหมึกที่ถูกหญิงสาววางทิ้งไว้บนโต๊ะอย่างไม่เป็ระเบียบนัก สายตาเหลือบไปเห็นวรรณกรรมบางส่วนที่เขียนเสร็จแล้ว จึงหยิบขึ้นอ่าน
“เขียนเกี่ยวกับความรักงั้นรึ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มบางเบา
“ฝีมือไม่เลวเลย” ชายหนุ่มเผลอเอ่ยชม แล้วย่อตัวลงนั่งด้านข้าง จับจ้องไปยังใบหน้างดงามอย่างเงียบ ๆ ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปจับไรผมนางขึ้นทัดหูช้า ๆ อย่างเผลอตัว
“นายท่าน เหลียนต้ากับชิงเหอ มาขอพบขอรับ” ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาน้อมกายรายงาน ก่อนเขาจะละมือจากเสี่ยวเฟย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้ารู้แล้ว เ้าออกไปก่อน”
“ขอรับ” โม่โฉวมองเสี่ยวเฟยครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องว่าราชการ ทั้งเหลียนต้าและชิงเหอค่อย ๆ น้อมกายลงเมื่อเห็นโม่โฉวเดินเข้ามา
“นายท่านเ้าคะ เจ่าเจานำคำสั่งของนายท่าน ไปบอกพวกข้าแล้ว แต่ข้าไม่เข้าใจหลายอย่าง” เขาหันใบหน้าหล่อเหลากลับมายังทั้งสองแล้วเอ่ยถาม
“พวกเ้าไม่เข้าใจสิ่งใด” เหลียนต้าหันมองชิงเหอ ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเอ่ยถามสิ่งที่คาใจ
“เหตุใดท่านจึงอนุญาตให้ฮูหยินขึ้นมาที่เรือนใหญ่ ทั้งที่ก่อนหน้าท่านเข้มงวดกับกฎข้อนี้มาก เรือนหลังนี้เป็ของแม่นางเซียนเยว่”
“การที่ข้าอนุญาตนาง ให้ขึ้นมาที่เรือนใหญ่ ย่อมมีเหตุผล ต้องรายงานพวกเ้าด้วยงั้นรึ” ก่อนนางจะน้อมกายลงเล็กน้อย
“ไม่ใช่เช่นนั้นเ้าค่ะ ข้าแค่เกรงว่าท่านจะลืมไป ว่าฮูหยินร้ายกาจเพียงใด” เขานิ่งเงียบครู่หนึ่ง แล้วมองสาวใช้ทั้งสองด้วยสายตาแน่นิ่ง
