นังซูเฟยซื่อเ้าตัวดี อายุยังน้อยไม่คาดคิดว่าจะใจดำอำมหิตเช่นนี้ คิดแผนเล่นงานถึงศีรษะนาง แค้นนี้นางต้องชำระแน่ๆ!
ซูเต๋อเหยียนขมวดคิ้ว ในใจเกิดความสงสัยในซูเฟยซื่อ แต่หวนคิดถึงการเคลื่อนไหวของซูเฟยซื่อเมื่อครู่ ก็ไม่แน่ใจอยู่บ้าง จึงเอ่ยปากให้รู้แล้วรู้รอด “เฟยซื่อคิดอย่างไรต่อเื่นี้หรือ?”
คำถามนี้ให้นางตอบอย่างไร? หากช่วยพูดให้ซูจิ้งเซียง ก็จะนับว่านางมีความเกี่ยวข้องกับเื่นี้ หากพูดแทนนางแซ่หลี่ ด้วยไหวพริบสติปัญญาอันน้อยนิดของซูจิ้งเซียง เกรงว่าเมื่อถึงเวลาเื่ราวจะยิ่งอลหม่าน
ขณะที่ซูเฟยซื่อกำลังไตร่ตรองว่าควรตอบอย่างไร น้ำเสียงชั่วร้ายเกียจคร้านพลันดังแว่วมา “เกิดอะไรขึ้นนี่? ทำไมไม่ลองถามความคิดของข้าซึ่งเป็อุปราชเล่า!”
อวี้เสวียนจี? เขามาที่นี่ได้อย่างไร!
ซูเฟยซื่อหันมองตามเสียง เพียงเห็นอวี้เสวียนจีในชุดเสื้อคลุมสีม่วงเข้ม ขนตางอนหลุบลงเบาๆ ราวกับชั้นหมอกทึบปิดเหนือดวงตา ยิ่งดูลึกลับน่ากลัวดุจปีศาจก็ไม่ปาน
ทว่าข้างหลังเขายังมีขันทีกลุ่มหนึ่งติดตามมาอย่างอลังการ ในมือพวกเขาล้วนถือกล่องเล็กแบกหีบใหญ่ ราวกับจะมีงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่เช่นนั้น
“ท่าน… ท่านอ๋องเก้าพันปีไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเช่นนี้ เกรงว่า...” พ่อบ้านรีบเข้ามาคิดจะอธิบาย
กลับถูกซูเต๋อเหยียนขัดจังหวะ “บังอาจ ท่านอ๋องเก้าพันปีมาเยือนจวนอัครมหาเสนาบดียังต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าด้วยหรือ? ถอยออกไป”
ซูเฟยซื่อเลิกคิ้วน้อยๆ ทั้งที่อวี้เสวียนจีมาถึงกะทันหัน ซูแต่เต๋อเหยียนก็ยังสามารถจัดการได้อย่างใจเย็น นางอดทอดถอนใจชมเขาว่าร้ายกาจคำหนึ่งมิได้
แต่... อวี้เสวียนจีจะมาที่นี่เพื่ออะไร?
แต่ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาจะเป็อะไร นี่ก็นับว่าช่วยแก้ปมปัญหาข้อหนึ่งให้นางแล้ว
“ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเก้าพันปีมาเยือนถึงที่ ต้องขออภัยที่ต้อนรับบกพร่อง ขอให้ท่านอ๋องเก้าพันปีโปรดอภัย” ซูเต๋อเหยียนคำนับอวี้เสวียนจีอย่างมีมารยาท ความโกรธเมื่อครู่พลันมลายไป
“อัครมหาเสนาบดีซูไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านกับคนในครอบครัวกำลังถกเื่อะไรกัน ข้ามาขัดจังหวะหรือเปล่า?” อวี้เสวียนจีหยักริมฝีปากยิ้ม ทั้งที่ยิ้มอยู่ชัดๆ ทว่ากลับให้ความรู้สึกที่น่าสยองพองขนต่อผู้คนโดยรอบ
ใบหน้าของซูเต๋อเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว รีบยิ้มตอบ “เื่จุกจิกในครอบครัว ให้ท่านอ๋องเก้าพันปีเห็นเป็ขบขันแล้ว เชิญท่านอ๋องเก้าพันปีไปรอที่ห้องโถงด้านหน้าเถิด แล้วข้าจะให้คนรับใช้เตรียมน้ำชาให้ดื่มแก้กระหายขอรับ”
เื่อื้อฉาวของจวนอัครมหาเสนาบดีต้องไม่ปล่อยให้อวี้เสวียนจีรู้เด็ดขาด มิฉะนั้นวันหน้าเขาจะยืนอยู่ในท้องพระโรงได้อย่างไร
นางแซ่หลี่ยิ่งหวั่นวิตกจนขนลุก ถอยหลังไปเล็กน้อย ด้วยเกรงว่าอาจถูกอวี้เสวียนจีพบเห็นสนใจเข้า
สายสืบของอวี้เสวียนจีมีอยู่ทั่วเมืองหลวง กระทั่ง จวนอัครมหาเสนาบดีก็ถูกเขาควบคุมไว้อย่างแ่า แล้วจะมีสิ่งใดสามารถปิดบังเขาไปได้?
อวี้เสวียนจีแย้มยิ้มอีกครา หาเก้าอี้นั่งลง “ไม่ต้องรีบร้อนไป รออัครมหาเสนาบดีซูจัดการเื่ในครอบครัวให้เรียบร้อย แล้วเราค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย”
วาจานี้เห็นชัดว่าอยากดูเื่ตลกของซูเต๋อเหยียน ซูเต๋อเหยียนได้แต่ต้องทำตัวเรียบร้อยเชื่อฟังเท่านั้น
เขาขมวดคิ้วด้วยความยุ่งยากใจ จู่ๆ นางแซ่หลี่เอ่ยปาก “นายท่าน นางเป็เพียงแจกันใบหนึ่งเท่านั้น[1] ท่านก็อย่าได้ถือสาเซียงเอ๋อร์เลย”
วาจานี้ของนางแซ่หลี่ เพียง้าหาทางให้ซูเต๋อเหยียนมีจุดลง เพื่อให้เขารู้สึกซาบซึ้งตนด้วย ไม่คิดว่าซูเต๋อเหยียนยังไม่เอ่ยปาก เสียงราวภูตปีศาจของอวี้เสวียนจีดังมา “ปากของนายหญิงซูเป็อะไรไปเล่า? สมกับที่เป็อัครมหาเสนาบดีซู ถึงจะอายุมาก ทว่าก็ช่างแข็งแกร่งสมชายนัก ทำให้อุปราชขันทีคนนี้อิจฉาเข้าแล้ว”
เมื่อได้ยินวาจานี้ ซูเฟยซื่อเกือบจะหลุดหัวเราะ อวี้เสวียนจีคนนี้ น้ำเน่าทั่วท้องจริงๆ
ปากของนางแซ่หลี่ตอนนี้ยังบวมแดงเพราะความเร่าร้อน อวี้เสวียนจีหมายความว่าอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่า้ากรีดเปิดาแของซูเต๋อเหยียน ว่าภรรยาของเขากับชายอื่นบดจูบกันด้วยไฟปรารถนาอันร้อนแรงเพียงใด
ไม่มีชายใดทนรับความอับอายแบบนี้ได้ ใบหน้าของซูเต๋อเหยียนดิ่งวูบลงทันตา ตวาดเสียงดุคราหนึ่งโดยไม่สนใจหน้าตาของตัวเองอีก “พวกเ้าพานายหญิงออกไปเดี๋ยวนี้ หากข้าไม่อนุญาต ก็ห้ามนางก้าวออกจากเรือนแม้สักครึ่งก้าว”
“นายท่าน นายท่าน...” นางแซ่หลี่ใมาก ในใจเกลียดชังอวี้เสวียนจีแทบตาย แต่ไม่กล้าพูด
“แม่ใหญ่ไปนั่งสงบจิตใจสำนึกความผิดเถิด ท่านเป็ถึงแจกันดอกไม้พระราชทานเช่นนี้ ข้าไม่สงสัยเลยว่าทำไมท่านพ่อจึงโกรธเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อเปิดปากพูดในเวลาที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ทำให้นางแซ่หลี่โกรธจนตัวสั่นเท่านั้น ยังรักษาหน้าซูเต๋อเหยียนไว้ และเตือนให้เขารู้ว่าเสียมารยาทแล้ว
“ลากคุณหนูรองลงไปจองจำด้วย ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเดินออกจากห้องแม้สักครึ่งก้าวเหมือนกัน” ซูเต๋อเหยียนมองซูเฟยซื่อด้วยความพึงพอใจแวบหนึ่ง
“ท่านพ่อ น้องสาม...” ซูจิ้งเซียงคิดส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางซูเฟยซื่อ
ก็ถูกอวี้เสวียนจีขัดจังหวะเข้า “อัครมหาเสนาบดีซูคิดเอาพระชายาซีอ๋องไปขังไว้ที่ไหนเล่า?”
ประโยคนี้ราวกับน้ำหยดลงในกระทะน้ำมัน ะเิลูกนี้ทำเอาทุกคนทั่วบริเวณต่างตะลึงตะลาน เว้นก็แต่ซูเฟยซื่อเท่านั้น
นางแซ่หลี่ยิ่งแทบจะหน้ามืดเป็ลมเสียตรงนั้น “พระชายาซีอ๋อง? นาง?”
อวี้เสวียนจีไม่แม้แต่จะมองนางแซ่หลี่ เพียงโบกมือน้อยๆ สั่งเหล่าขันทีด้านหลังให้วางของทั้งหมดลง
มีทั้งหมดสิบหีบ!
ในหีบเต็มไปด้วยเครื่องประดับเงินทอง เครื่องหยกโบราณ เป็สินสอดที่เหมาะสมกับการสู่ขอพระชายา
นี่... ไม่เพียงเป็นางแซ่หลี่กับซูจิ้งเซียง กระทั่งซูเต๋อเหยียนยังเซ่อไปแล้ว
ซีอ๋องถึงกับยินดีจะสมรสบุตรสาวผู้เสียโฉมคนนี้เป็พระชายา? เขาไม่ได้ฝันแน่นะ!
“นี่เป็สินสอดจากซีอ๋อง อัครมหาเสนาบดีจะตรวจนับดูไหม?” เห็นซูเต๋อเหยียนอึ้งจนพูดไม่ออก อวี้เสวียนจีจึงเอ่ยปากพูดขัด
ซูเต๋อเหยียนได้สติกลับมา ส่ายหน้าแล้ว “ตรวจนับ ก็ไม่ต้องแล้ว เพียงแต่...”
“เพียงแต่? หรือว่าอัครมหาเสนาบดีซูไม่เห็นด้วยกับการสมรสครั้งนี้?” อวี้เสวียนจีเลิกคิ้ว
“ไม่ๆ ๆ” ซูเต๋อเหยียนโบกมือเป็พัลวัน
ถ้าเปลี่ยนเป็เมื่อก่อน เขาย่อมไม่ยอมยกบุตรสาวให้สมรสกับซีอ๋องเศษสวะแบบนี้เด็ดขาด
ทว่าตอนนี้ต่างออกไป แม้ซูจิ้งเซียงจะกลายเป็แบบนี้ ซีอ๋องยังเต็มใจยอมสมรสด้วย ไม่ต้องพูดถึงเป็พระชายา แค่ตำแหน่งอนุเขาก็ยินดี
"ในเมื่ออัครมหาเสนาบดีซูไม่ออกความเห็น เช่นนั้นข้าอุปราชก็ขอพาตัวนางไปด้วยก็แล้วกัน” อวี้เสวียนจียกมือกวักเรียกซูจิ้งเซียง
ซูจิ้งเซียงกลับใจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เบนแววตาไปถามซูเฟยซื่อ นี่เป็เื่อะไรกัน? ไม่ใช่บอกว่าไปเป็พระชายาซีอ๋องหรือ ทำไมที่มาสู่ขอกลับไม่ใช่เป็คนของตำหนักซีอ๋อง ทว่าเป็อวี้เสวียนจี?
ซูเฟยซื่อส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง นางไม่มีทางเข้าใจความคิดของอวี้เสวียนจีได้เลยแม้แต่น้อย
“พาไป? ตอนนี้? ไม่เข้าพิธีกราบไหว้ก่อนหรือ?” ซูเต๋อเหยียนถามอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้วิธีแต่งตั้งตำแหน่งพระชายาแบบนี้เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
อวี้เสวียนจียิ้มเ็ากึ่งประชดประชันคราหนึ่ง “พิธีกราบไหว้? เกรงว่าเื่คุณหนูรองกับซีอ๋องในตำหนักเย็นได้ลือไปทั่วถนนน้อยใหญ่แล้ว ถ้าอัครมหาเสนาบดีซูคิดใช้เวลานี้ ‘กอบกู้ชื่อเสียง’ ข้าอุปราชก็จะให้คนรีบไปแบกเกี้ยวใหญ่แปดคนหาม ตีกลองเคาะฆ้องมาทันที”
ประโยคเดียวทำให้ซูเต๋อเหยียนสะอึก ใบหน้าเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว เป็ใบ้ไร้วาจา บุตรสาวของเขาเองไม่รักดี แล้วจะตำหนิใครได้?
“เช่นนั้นต้องรบกวนท่านอ๋องเก้าพันปีแล้ว” ซูเฟยซื่อรับคำแทนซูเต๋อเหยียน เดินไปหาซูจิ้งเซียง
เมื่อซูจิ้งเซียงเห็นซูเฟยซื่อเดินเข้ามา ก็รีบกระซิบทันที “นี่เป็เื่อะไรกัน?”
“แสวงหาความมั่งมีศรีสุขในยามวิกฤติ เ้ายังคิดเป็พระชายาซีอ๋องหรือไม่? หากคิดอยากเป็ก็ตามอวี้เสวียนจีไป มิฉะนั้นชั่วชีวิตนี้ของเ้าคงไม่มีโอกาสแล้ว” ซูเฟยซื่อกระซิบ ก็พยุงซูจิ้งเซียงไปหาอวี้เสวียนจี “ท่านอ๋องเก้าพันปี เช่นนั้นพี่รองของข้าก็มอบให้ท่านแล้วเ้าค่ะ”
……
[1] เพียงแจกันใบหนึ่ง หมายถึงผู้หญิงรูปสวยทว่าโง่ทึบขาดไหวพริบ