หกปีก่อน…
ในขณะที่หิมะโปรยปราย ต้นไม้เขียวขจีไม่อาจอยู่รอดได้ในอากาศหนาวเย็น ท้ายที่สุดจึงค่อยๆ เหี่ยวเฉาไป กลางทุ่งหิมะกว้าง หนึ่งร่างใหญ่หนึ่งร่างเล็กค่อยๆ ก้าวไปตามขอบป่าใต้พิภพ รอยเท้าทอดยาวอยู่เื้ั
“ท่านพ่อ เหตุใดต้องมายังป่าใต้พิภพในเวลานี้ด้วย นี่มันหนาวเกินไปแล้ว อากาศเย็นเช่นนี้จะไปหาสมุนไพรจากที่ใดกัน!”
“เ้าจะไปรู้อะไร ตามพ่อมาเถิดแล้วจะพบสมุนไพรล้ำค่าแน่นอน!”
อูิโยววัยสิบขวบเม้มริมฝีปาก ในใจของเด็กน้อยแสนซนคิดเพียงแค่อยากจะมาเปิดหูเปิดตาเท่านั้น เขาสรรหาเหตุผลที่ดูฟังขึ้นเพื่อล่อหลอกมารดาโดยบอกว่า้ามาเทือกเขาจู่เสียก็เพื่อส่งยาสมุนไพรให้กับทหารซึ่งประจำการในจิ่วฟางกวน
ทุกๆ ปีในปลายฤดูใบไม้ร่วง หุบเขาไป่หลิงจะส่งผู้ที่มีฝีมือมาคุ้มกันสมุนไพรไปยังเทือกเขาจู่เสีย อย่าคิดว่าเขายังเด็กแล้วจะไม่รู้เื่นี้
บิดาแค่้ามาหาความรื่นเริงเท่านั้น ทั้งยังบอกอีกว่าที่ให้เขาตามมาก็เพื่อฝึกฝนการอดทนต่อความหนาวเหน็บ แม้จะอยากรู้อยากเห็นโลกภายนอก แต่ในฤดูกาลที่หนาวเย็นเช่นนี้ เขาเพียงอยากนอนห่อตัวอยู่ใต้ผ้านวมเท่านั้น
แม้จะเป็ฤดูกาลที่มีหิมะโปรย แต่สำหรับเหล่าอสูรในป่าใต้พิภพ ่เวลานี้ถือเป็่ที่คึกคักที่สุด
ทั้งสองเดินไปตามขอบป่าราวหนึ่งชั่วยาม การจะเดินทางไปให้ถึงจิ่วฟางกวนยังต้องใช้เวลาอีกกว่าสองชั่วยาม แต่อูิโยวเหนื่อยล้าจนไม่อยากก้าวไปข้างหน้าอีก จึงหย่อนก้นนั่งลงบนหิมะหนา
“ท่านพ่อ ข้าเหนื่อย เดินไม่ไหวแล้วขอรับ!”
อูอีแหงนมองท้องฟ้าก็ไม่พบกับแสงสว่างใด ถึงนึกได้ว่าในป่าใต้พิภพนั้นไร้ซึ่งแสงสว่าง เมื่อคิดว่าตอนนี้ย่ำสนธยาแล้วจึงถอนหายใจออกมา
“ตกลง เช่นนั้นก็พักก่อน! รออยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน พ่อจะไปจับสัตว์ในป่ามาให้เ้ากิน!”
อูิโยวทิ้งตัวนอนบนหิมะ มองดูท้องฟ้าอันมืดมิด ก่อนผล็อยหลับไปเพราะความหิวโหย
“ฉึบๆ” เสียงฝีเท้าเหยียบหิมะดังขึ้นไม่ไกล เสียงนั้นเบามาก หากไม่ใช่เพราะนอนแผ่อยู่บนหิมะ ต่อให้ตั้งใจฟังเพียงใดก็คงไม่อาจหาที่มาของเสียงได้ อูิโยวพลันลืมตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แม้อายุเพียงสิบขวบ แต่เขาก็รู้ว่ารอบๆ ป่าใต้พิภพนั้นอันตรายมากในฤดูกาลนี้ ท่าทีจึงไม่คล้ายเด็กที่กำลังหมดเรี่ยวแรงเหมือนเมื่อครู่
“กระต่ายหิมะละลาย!” อูิโยวดีใจมากเมื่อเห็นสิ่งที่กำลังเหยียบย่างบนหิมะ ตาเฒ่านั่นออกไปล่าสัตว์ก็คงไม่ได้ดีเท่ากระต่ายที่ข้าเฝ้ามองอยู่ตอนนี้หรอก
เนื้อกระต่ายหิมะละลายเป็อาหารเลิศรสที่หายาก แต่ของอร่อยใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ เพราะมันเป็สัตว์ที่ว่องไวจนคนธรรมดาไม่อาจตามได้ทัน ทั้งยังมีทักษะในการพรางตัว หากมันซ่อนไปกับหิมะแล้วก็ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
อูิโยวถูมือเข้าหากันด้วยความยินดีปรีดา “เ้าตัวน้อยเอ๋ย วันนี้เ้าโชคไม่ดีเสียแล้ว หากตกมาอยู่ในมืออูิโยวผู้นี้คงเหลือเพียงความสิ้นหวังเท่านั้นแหละ”
เมื่อกล่าวจบเขาก็พุ่งไปเบื้องหน้า แต่ความระแวดระวังของกระต่ายตัวนี้มีสูงมาก ทันทีที่อูิโยวยกเท้า มันก็มุดเข้ากองหิมะที่อยู่ใกล้ๆ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
มุมปากของอูิโยวยกขึ้น รับรู้เื่นี้เป็อย่างดี เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อน เขาหลับตาลง ทันใดนั้นรอบตัวพลันถูกล้อมด้วยมวลแสงสีเขียว เพียงไม่นานแสงนั้นก็หลอมรวมเป็วง วนรอบตัวเขาสองรอบแล้วลอยล่องเข้าไปในป่าที่อยู่ไม่ไกล
อูิโยวลืมตาและวิ่งตามวงแสงนั้นไป
“ไอ้ตัวน้อย เ้าอาจซ่อนกายได้แต่ไม่อาจซ่อนลมหายใจได้หรอก มาดูกันว่าข้าจะจับเ้าได้หรือไม่”
กระต่ายหิมะละลายนั้นว่องไวมาก อูิโยวไล่ตามอยู่ครึ่งชั่วยามจึงจับมันได้
อูิโยวแย้มยิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดก็จับเ้ากระต่ายหูยาวตัวนี้ได้ วันนี้มีอาหารเย็นแล้ว ขณะถือเ้าสัตว์ขนปุยและกำลังหมุนตัวกลับไปทางเดิมเขาก็ต้องชะงัก
“ที่นี่คือที่ไหนกัน?”
ก่อนหน้ามัวแต่สนใจการไล่ล่าจนไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ใด
“ซวยแล้ว!”
อูิโยวสับสน เพิ่งรู้ตัวว่าเข้ามาในป่าใต้พิภพโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่โชคดีที่ตอนนี้เป็่หิมะตก กำแพงพิษซึ่งเป็เกราะป้องกันของป่าใต้พิภพจึงยังไม่ก่อตัวขึ้น มิเช่นนั้นตนคงกลายเป็ศพทันทีที่ก้าวเข้ามาในป่าผืนนี้
แม้ไม่มีกำแพงพิษสถานการณ์โดยรอบก็ไม่ได้ดีนัก มีมารชั่วร้ายมากมายอยู่ที่นี่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเจอพวกมันเข้าก็เป็ได้
กระต่ายหิมะละลายถูกอูิโยวฟาดจนสลบและยัดเข้าไปในถุงผ้าด้านหลัง การคลำหาทิศในป่าทึบเช่นนี้ไม่ใช่เื่ง่าย หากมุ่งไปผิดทางก็เท่ากับพาตนเองไปในป่าลึกกว่าเดิม
รอบด้านของอูิโยวมีประกายแสงสีเขียวอีกครั้ง เขาใช้มันตามหาลมปราณของตนเองจากทิศทางที่เพิ่งมา ยังไม่ทันที่ลำแสงจะก่อตัวเป็วงก็ได้ยินเสียงร้องจากป่าลึกเสียก่อน
“มีคน!” และดูเหมือนเ้าของเสียงนั้นกำลังพบเจอกับเื่อะไรอยู่
อูิโยวรีบตรงไปยังที่มาของเสียง เมื่อผ่านป่าทึบเข้าไปทีละชั้นก็มองเห็นพื้นที่โล่งกว้างทอดยาวออกไป มีเด็กชายอายุไล่เลี่ยกับเขาถูกหมาป่าผีสิบกว่าตัวรุมล้อมไว้ แทบเท้าก็มีซากไร้พลังิญญาของพวกมันอยู่สองสามตัว
ผมสีเงินของเด็กชายยาวถึงบั้นเอว ชุดสีขาวเปื้อนเืและยับย่น เขาหอบหายใจอย่างหนัก แสงสีเงินปรากฏเพียงรางๆ บนฝ่ามือ ดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่กระนั้นใบหน้างดงามกลับไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัว ดวงตาปิดสนิท ความเย็นะเืแผ่ทั่วร่าง
หมาป่าผีเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เด็กชายก็อ่อนกำลังเต็มที หากไม่เข้าไปช่วย เด็กคนนั้นคงถูกเหล่าอสูรที่รุมล้อมฉีกเป็ชิ้นๆ แม้อูิโยวยังเด็กแต่กลับรู้ดีว่าไม่สามารถประมาทได้ จากสถานการณ์ในตอนนี้ แม้เขาจะออกไปสู้ด้วยความกล้าหาญ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าและร่างกายที่ยังเป็เด็ก พวกเขาไม่มีทางต้านทานพวกมันที่มารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ได้แน่ ท้ายที่สุดจะเป็การพาตนเข้าไปอยู่ในปัญหาเสียเอง
อูิโยวกระวนกระวายใจมาก อยากให้บิดามาปรากฏตัวต่อหน้าในเวลานี้ เขาต้องคอยเวลาที่เหมาะสม แต่จากสถานการณ์ตรงหน้า เขาไม่สามารถรอได้อีกแล้ว
ฝูงหมาป่าผียืนเขย่งปลายเท้า คมเขี้ยวมีน้ำลายไหลย้อยและคำรามเสียงต่ำ เตรียมการโจมตีสุดท้ายพร้อมแล้ว เด็กชายในวงล้อมกำลังจะกลายเป็อาหารของพวกมัน
เมื่อไม่สามารถลังเลได้อีก อูิโยวก็กัดฟันแล้ววางฝ่ามือไปกับซากเถาวัลย์ที่อยู่ข้างๆ จากซากที่เหี่ยวเฉาเป็สีเหลืองก็มีแสงสีเขียวเปล่งประกายออกมา เถาไม้หลายร้อยกิ่งพุ่งลงดิน ก่อนจะโผล่ขึ้นกลางฝูงหมาป่าผี แล้วเคลื่อนไปเจาะทะลุร่างของพวกมันโดยเร็ว แต่ละตัวพลันหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
เพราะเกิดเหตุขึ้นอย่างกะทันหัน เหล่าอสูรจึงตั้งรับไม่ทัน แต่ไม่นานก็หันมาตอบสนอง บางตัวเปลี่ยนเป้าหมายมาทางอูิโยว
การโจมตีเมื่อครู่ไม่เลวเลย ความกังวลชั่วขณะของเด็กชายชุดขาวคลายลง แต่พลังจิติญญาของอูิโยวก็ลดลงกว่าครึ่งเช่นกัน
พลังเคลื่อนไหวราวกับเงานั้นได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลอู อูิโยวหลบหลีกหมาป่าผีที่พุ่งเข้ามา ขณะเดียวกันก็วิ่งไปหาเด็กชายคนนั้น
“เ้าเป็อย่างไรบ้าง”
มองจากระยะไกลเหมือนไม่ได้าเ็อะไรมาก แต่เมื่อมาดูใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าที่คิด การที่คนคนนี้ยังยืนได้โดยไม่ล้มลงไปนั้นเพราะอาศัยความตั้งใจอันแรงกล้าตามสัญชาตญาณ
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอูิโยวทำให้หมาป่าผีรอบๆ กลัวจนไม่กล้าก้าวไปเบื้องหน้า แม้เป็อสูรร้ายแต่พวกมันก็เฉลียวฉลาดจึงประวิงเวลาอยู่
เถาวัลย์เ่าั้ค่อยๆ ถูกเขี้ยวคมของหมาป่าผีฉีกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย พลังจิติญญาของอูิโยวก็กำลังลดลงเรื่อยๆ ใกล้ถึงระดับต่ำสุด เขาประคองเด็กชายชุดขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ไป... ไม่ต้องสนใจข้า” เสียงไร้เรี่ยวแรงเปล่งออกมาจากปากของคนด้านหลัง
อูิโยวหันไปยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวที่เรียงตัวกัน
“โห่ ดูถูกข้าหรือ”
เืสีแดงไหลออกมาจากมุมปากของเด็กคนนั้น ใบหน้าก็ซีดเซียวราวกับแร่ดีบุก อูิโยวขมวดคิ้ว สัญชาตญาณกำลังบอกว่า แม้ไม่ถูกหมาป่าผีฉีกกิน แต่หากยังเป็เช่นนี้ต่อไปเขาต้องตายแน่
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถยืดเยื้อสถานการณ์ได้อีก อูิโยวจึงค่อยๆ วางอีกคนลงบนพื้นอย่างแ่เบา ก่อนเผยยิ้มดุร้ายให้กับหมาป่าผี
“ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน คิดหรือว่าจะมารังแกกันได้ง่ายๆ ดูซิว่าพวกเ้าจะได้กินข้าหรือไม่!”
ทันใดนั้นรูม่านตาของอูิโยวก็มีแสงสีเขียวพร่างพราวปรากฏขึ้น ไม้ยืนต้นในระยะหลายสิบจั้ง [1] พลันเติบใหญ่แล้วห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนพื้นดินเอาไว้ เหล่าหมาป่าผีพยายามดิ้นรนหนีแต่ก็ถูกดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเถาวัลย์ก็รัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบาดเข้าไปในิัและขนของพวกมัน เืที่ไหลรินถูกไม้เถาสูบกลืนหายไปทันทีไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เพียงชั่วครู่อสูรร้ายหลายสิบตัวก็เหลือเพียงหนังหุ้มโครงกระดูก กลายเป็ซากห้อยอยู่บนกิ่งไม้ตายสนิททันที
เถาวัลย์ที่ได้ดูดเืเข้าไปพลันสูญเสียการควบคุม เติบโตรวดเร็วจนแพร่กระจายไปโดยรอบ แต่ผู้ที่สร้างมันขึ้นมาอย่างอูิโยวนั้นหมดสติไปเสียแล้ว ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเขียวเหมือนรังไหม ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหว
เด็กชายข้างหลังพยายามคลานไปข้างกายอูิโยว แปลงพลังิญญาที่เหลืออยู่เบาบางให้ก่อตัวเป็เข็ม แล้วใช้แรงที่มีอยู่ฝังมันลงไปที่ร่างของเขา ชั่วพริบตาต้นไม้ที่เจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่งหลายพันต้นก็หยุดนิ่ง กลายเป็แสงสีเขียวกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้าและพื้นดิน อูิโยวกระอักเืออกมาจนเปื้อนชุดกลายเป็สีแดงฉาน
เขายกมือเช็ดมุมปาก ก่อนจะเอ่ยกับเด็กชายอีกคน
“ข้าบอกแล้ว อย่าดูถูกข้า!”
ผ่านไปไม่นานเด็กชายคนนั้นก็เอ่ยปากพูด “หลิ่วไป๋เจ๋อ นามของข้า!”
ดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้นแหงนไปยังท้องฟ้า นั่นคือครั้งแรกที่อูิโยวได้พบกับหลิ่วไป๋เจ๋อและเป็ครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขา ลมหายใจะเืหลอมรวมเป็เกล็ดหิมะ งดงามอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“อูิโยว!”
อูิโยวหัวเราะแห้งๆ พยุงร่างของตนและเหวี่ยงถุงผ้าบนหลังมาไว้กึ่งกลางระหว่างทั้งคู่
“มากินกระต่ายย่างกับข้าสิ!”
…
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าพวกเขาอยู่ในคฤหาสน์จิ่วฟางกวน อูิโยวถูกปลุกด้วยกลิ่นเนื้อย่างอันหอมหวน
“นี่ ตื่นสิ!”
ร่างในชุดสีม่วงยืนอยู่ข้างเตียง ในมือถือขากระต่ายย่างเอาไว้และกำลังอ้าปากแทะมัน
“เ้า… เ้าเป็ใคร”
“ข้าหรือ ข้าเป็คนพาเ้าสองคนกลับมา จิ่วฟางเทียนฉี!” ขณะที่พูดเขาก็กัดขากระต่ายย่างคำโต
อูิโยวเด้งตัวขึ้นจากเตียง จ้องขากระต่ายนั้นเขม็ง
“ในมือเ้า…”
จิ่วฟางเทียนฉีกะพริบตา เขย่าขากระต่ายในมือไปมา “เ้าอยากกินหรือ รสชาติไม่เลวเลย ข้าเจอมันในถุงผ้าของเ้าล่ะ”
เสียงร้องดังลั่นก้องไปทั่วจิ่วฟางกวน
“เฮ้ย! กระต่ายหิมะละลายของข้า... ฮือๆ ... จิ่วฟางเทียนฉี ต่อไปเ้ากับข้าเป็ศัตรูกัน!”
จิ่วฟางเทียนฉี “...”
หลิ่วไป๋เจ๋อซึ่งกำลังแทะขากระต่ายอีกข้างรีบซ่อนมือไว้ด้านหลังทันที “...”
———————————————
[1] จั้ง หมายถึง หน่วยวัดพื้นที่ของจีน ซึ่ง 1 จั้งเท่ากับ 10 ฟุต
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้