เจิ้งรุ่ยและพันเทาไม่เพียงแต่เป็ลูกศิษย์ของหอหลิงเป่าเท่านั้น ผู้าุโของพวกเขาที่อยู่ในหอหลิงเป่าก็ยังมีตำแหน่งสูงส่งอีกด้วย
ลำพังเพียงแค่ตัวตนลูกศิษย์ของหอหลิงเป่าก็มากพอให้พวกเขาโอ้อวดบารมีของตัวเองในบรรดากลุ่มผู้ประลองแล้ว นับประสาอะไรกับที่เื้ัของพวกเขายังมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ให้พึ่งพิงอีก
ทว่าเนี่ยเทียนเป็เพียงแค่คนนอกคนหนึ่ง ทั้งยังไม่ใช่ลูกหลานของคนตระกูลในสังกัดของหอหลิงเป่าด้วย
ตำแหน่งและตัวตนของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันไกลโข ทำให้เจิ้งรุ่ยและพันเทาไม่เคยมองเนี่ยเทียนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าตวาดและขับไล่เนี่ยเทียนได้ตามใจชอบ
“พูดก็พูดสิ อย่าลงไม้ลงมือ!”
แต่เนี่ยเทียนที่ประพฤติตัวเรียบร้อยมาตลอดทาง ไม่เคยแสดงท่าทางไม่พอใจใดๆ ออกมา ขณะที่พวกเขายกเท้าขึ้นถีบ กลับมีสีหน้าแดงก่ำ ทั้งยังโต้ตอบพวกเขาเป็ครั้งแรก
เนี่ยเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลังอันอิ่งสามเมตร ใกล้กับเจิ้งรุ่ยและพันเทามากที่สุด พลันยกเท้าขึ้นอย่างว่องไว
“พลั่ก! พลั่ก!”
ฝ่าเท้าทั้งสองข้างของเนี่ยเทียนปะทะเข้ากับเท้าของเจิ้งรุ่ยและพันเทา พลันเกิดเสียงดังขึ้น
เจิ้งรุ่ยและพันเทาพลันรู้สึกถึงพละกำลังมหาศาลที่ะเิออกมาจากฝ่าเท้าของพวกเขา
“ตึง ตึง ตึง!”
ร่างของคนทั้งสองพลันถอยกรูดออกไปพุ่งเข้าใส่สัตว์วิเศษที่พุ่งเข้ามาโจมตีทันที
กลับเป็เนี่ยเทียนเสียอีกที่ร่างแค่สั่นเบาๆ จากนั้นก็กลับมายืนได้มั่นคงอย่างรวดเร็ว
แต่เจิ้งรุ่ยกับพันเทากลับต้องรับมือกับสัตว์วิเศษที่กระโจนเข้าใส่อย่างฉุกละหุก รอจนพวกเขาบีบให้สัตว์วิเศษสองตัวนั้นถอยไปได้แล้วจึงมองเนี่ยเทียนด้วยดวงตาที่โกรธแค้นทันที
“เ้ากล้าเอาคืนเชียวรึ?!”
เจิ้งรุ่ยตวาดเสียงดังลั่น ไฟโทสะพวยพุ่งขึ้นมาฉายชัดอยู่ในดวงตา ตั้งท่าโหดร้ายคิดจะแร่เนื้อเถือหนังเนี่ยเทียนทั้งเป็ให้ได้
หลังจากที่พันเทามือว่างลงแล้วก็ถลึงตาใส่เนี่ยเทียนด้วยความเหลือเชื่อเช่นกัน “แกกล้าลงมือกับพวกเราขนาดนี้เชียวหรือ?”
ผู้ประลองคนอื่นๆ กำลังปะทะฝีมือกับสัตว์วิเศษพลางแบ่งความสนใจมาที่ความเคลื่อนไหวของคนทั้งสามด้วย
เมื่อพวกเขาพบว่าเนี่ยเทียนที่เผชิญหน้ากับความท้าทายจากเจิ้งรุ่ยและพันเทาก็โต้กลับทันที ต่างก็พากันตื่นตะลึง ใช้สายตาราวกับเห็นตัวประหลาดมองไปยังเนี่ยเทียน
พวกเขาเป็ลูกหลานของตระกูลในสังกัดหอหลิงเป่าจึงไม่กล้าขัดคำสั่งของเจิ้งรุ่ยและพันเทา ตลอดทางมานี้คอยปรนนิบัติรับใช้ด้วยความระมัดระวัง เกรงว่าจะทำให้คนทั้งสองไม่พอใจ
ส่วนเนี่ยเทียนคือคนของตระกูลเนี่ยเมืองเฮยอวิ๋น และการตกต่ำของตระกูลเนี่ยหลายปีมานี้... พวกเขาก็ได้ยินข่าวคราวมานานแล้ว
ซึ่งแม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่ชอบเนี่ยเทียนมากเช่นเดียวกัน คอยคิดจะหาโอกาสกลั่นแกล้งเนี่ยเทียนอยู่เสมอ
พวกเขาคิดว่าเนี่ยเทียนคงไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้านพวกเขาด้วยซ้ำ
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าในสถานที่อันตรายเช่นนี้ เนี่ยเทียนกลับกล้าไม่ให้เกียรติพันเทาและเจิ้งรุ่ย ถึงขนาดใช้กำลังรุนแรงโต้กลับคนทั้งสอง
“เหตุใดข้าจะเอาคืนไม่ได้เล่า?” เนี่ยเทียนเหล่ตามองคนทั้งคู่ กล่าวอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ข้าเข้ามาในโลกมายามรกตได้เพราะความช่วยเหลือจากพี่หญิงอัน ข้ารับแค่น้ำใจของนางคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นคุณหนูรองตระกูลอันว่าอะไรข้า ข้าจึงให้เกียรติคุณหนูใหญ่ตระกูลอัน ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนาง”
“พวกเ้าเล่าเป็อะไร? เหตุใดข้าต้องให้เกียรติพวกเ้าด้วย?”
ระหว่างที่พูดเนี่ยเทียนก็ยกมือขึ้นมาโบกด้วยสีหน้าไม่กลัวความตาย “ข้ามาโลกมายามรกตก็เพื่อหาประสบการณ์ให้กับตัวเอง สัตว์วิเศษระดับสองอะไร โอสถบรรลุ์อะไรนั่น ข้าไม่สนใจเลยสักนิดเดียว มาๆ หากพวกเ้าคิดจะทำให้เป็เื่ใหญ่กว่าเดิมก็เข้ามาเลย! ก็แค่หลอมลมปราณขั้นเก้าไม่ใช่หรือ? ข้าอยากจะรู้นักว่าพวกเ้าจะร้ายกาจแค่ไหนกันเชียว!”
เขาไม่ได้ต่อสู้กับคนที่ขอบเขตสูงกว่าแบบนี้เป็ครั้งแรกแล้ว
ในความเป็จริง ั้แ่เล็กจนโต เขาก็ล้วนใช้ขอบเขตที่ต่ำกว่าของตนปะทะฝีมือกับคู่ต่อสู้ที่ขอบเขตสูงกว่าเสมอ!
ไม่ว่าจะเป็เนี่ยหงหรือเนี่ยหย่วนของตระกูลเนี่ย หรือแม้แต่อวิ๋นซงแห่งตระกูลอวิ๋น สุดท้ายเขาก็คว้าชัยชนะมาจากอีกฝ่ายจนได้
ตอนนี้เมื่อผ่านพิธีชำระล้างจากปราณิญญาเข้มข้นทีู่เาขุดแร่นั้นแล้ว เขาได้ะโข้ามมายังหลอมลมปราณขั้นหก อีกทั้งยังเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของร่างกายตัวเองอย่างยิ่ง
เมื่ออยู่ในดินแดนลึกลับแห่งนั้น เขายังได้บรรลุหมัดพิโรธรูปแบบหนึ่งมาด้วย นี่ทำให้เขายิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในขั้นหลอมลมปราณเก้า
เจิ้งรุ่ยและพันเทาก็หลอมลมปราณเก้าเช่นกัน ซึ่งเขาไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว!
“ช่างอวดดีอย่างบ้าระห่ำยิ่งนัก!”
“เ้าหมอนี่คือคนตระกูลเนี่ยจริงหรือ?”
“เหตุใดถึงกล้าท้าท้ายเจิ้งรุ่ยและพันเทาจากหอหลิงเป่าในโลกมายามรกตเช่นนี้ เขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าคำว่า ‘ตาย’ นั้นสะกดเยี่ยงไร?”
ผู้ประลองเ่าั้ที่อยู่รอบด้านต่างก็อดเอะอะเสียงดังขึ้นมาไม่ได้
คนเหล่านี้อาศัยอาวุธวิเศษล้ำค่าในมือต่อสู้กับสัตว์วิเศษพวกนั้น จึงเป็ฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก
ก็ด้วยเหตุนี้ ขณะที่พวกเขาต่อสู้กับสัตว์วิเศษ จึงยังสามารถแบ่งความสนใจไปมองความขัดแย้งระหว่างเนี่ยเทียนและพันเทา เจิ้งรุ่ยได้ ร้องเสียงดังโวยวายราวกับไม่กลัวว่าจะเกิดจลาจลใหญ่
ทุกคนต่างก็เป็เด็กหนุ่มสาว เมื่อเจอกับความขัดแย้งเช่นนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่เกรงกลัว ทั้งยังหวังให้เื่ลุกลามใหญ่โตขึ้นมาอีกด้วย
เพราะว่าสัตว์วิเศษเ่าั้ไม่เพียงพอที่จะคุกคามพวกเขาได้
อันอิ่งที่มีฐานะเป็ผู้นำขบวนสังเกตเห็นความขัดแย้งของคนทั้งสามนานแล้ว ทว่านางกลับไม่เอ่ยปากห้ามปรามใดๆ
เดิมทีนางคิดว่าภายใต้การข่มขู่จากเจิ้งรุ่ยและพันเทา เนี่ยเทียนจะเชื่อฟังอย่างว่านอนสอนง่าย ต่อกรกับสัตว์วิเศษเ่าั้ร่วมกับคนอื่น
นางเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า เนี่ยเทียนไม่เพียงแต่กล้าตอบโต้เท่านั้น ทั้งยังใช้วิธีการรุนแรงเช่นนั้นด้วย
“เจิ้งรุ่ย พันเทาน่าจะไม่ได้ใช้พลังิญญาในร่าง ไม่รู้ว่าเ้าเนี่ยเทียนผู้นั้นจะมีไหม หากไม่มี...” นางมองเนี่ยเทียนด้วยท่าทางครุ่นคิด รู้สึกสงสัยในความสามารถที่แท้จริงของเนี่ยเทียนไม่น้อย อยากรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
สัตว์วิเศษระดับต่ำที่อยู่รอบด้านเ่าั้ นางไม่เห็นอยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว ในความคิดของนางตอนนี้ ต่อให้ไม่มีพวกเนี่ยเทียนสามคนเข้าร่วมด้วย คนที่เหลือก็มากพอที่จะกำจัดสัตว์วิเศษทั้งหมดจนเกลี้ยงได้
เมื่อมีความมั่นใจนี้อยู่ นางในฐานะหัวหน้าจึงไม่เอ่ยห้ามปราม ปล่อยให้เื่ราวลุกลามใหญ่โตต่อไป
“พี่เทา เ้าช่วยพวกเขาสังหารสัตว์วิเศษที่รกหูรกตาพวกนั้นให้สิ้นซากจะดีกว่า! ไอ้หมอนี่ ข้าไม่คิดจะทนความเหิมเกริมของมันต่ออีกแม้แต่นาทีเดียว!” เจิ้งรุ่ยคำรามเสียงต่ำ เลิกสนใจสัตว์วิเศษตัวนั้นที่ต่อสู้ติดพันอยู่ เดินเข้ามาใกล้เนี่ยเทียนทีละก้าว
“ในโลกมายามรกตมีกฎของโลกมายามรกตอยู่ นั่นคือห้ามเอาชีวิตกันและกัน” เวลานี้ มองเห็นเจิ้งรุ่ยเดือดดาลขึ้นมาจริงๆ อันอิ่งจึงกล่าวเตือนขึ้นมาอย่างถูกเวลาหนึ่งประโยค
ประโยคนี้มองดูเหมือนเป็การตักเตือน ทว่าคล้ายจะเป็การให้ท้ายเสียมากกว่า
“ข้าย่อมรู้กฎดีอยู่แล้ว! ไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีทางเอาชีวิตมันแน่นอน!” เจิ้งรุ่ยแสยะปากพูดอีกว่า “แต่ว่า นับแต่วันนี้ไปการประลองของเขาในโลกมายามรกต ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว!”
เห็นได้ชัดว่าเจิ้งรุ่ยคิดจะลงมืออย่างรุนแรงแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูความสามารถของเ้าแล้ว” เนี่ยเทียนสีหน้าเยือกเย็น
เขาไม่คิดจริงๆ ว่าเจิ้งรุ่ยที่ทำท่าทางดุดันนั้นจะทำอะไรเขาได้
และเวลานี้เอง เด็กหนุ่มที่ถือโลหะลูกกลมสีเขียวเข้มอยู่ในมือ ผืนดินใต้ฝ่าเท้าของเขาพลันปูดนูนขึ้นมาเป็ตุ่มใหญ่!
เขาที่ััได้ว่าผืนดินใต้ฝ่าเท้าสั่นะเืจึงก้มหน้าลงมองโดยทันที แล้วก็ต้องกรีดร้องเสียงหลงขึ้นมาในทันที
กิ้งก่าสีน้ำตาลเทาตัวหนึ่งพลันลอดทะลุออกมาจากผืนดินใต้ฝ่าเท้าของเขา!
ไม่รอให้เขาใช้ลูกโลหะในมือร่ายวิชาสายฟ้า กิ้งก่าตัวนั้นก็กัดหมับเข้าที่ขาทั้งคู่ของเขา
“แกรก!”
ขณะที่เขากำลังร้องร้องโหยหวนด้วยความเ็ปอยู่นั้น ปากใหญ่โตของกิ้งก่าตัวนั้นก็เคลื่อนขึ้นมา้า กัดลงไปที่เอวของเขาอย่างแรง
ทันใดนั้นเอวของเขาก็มีเืสดสาดกระเซ็นออกมา ดวงตาของเขาที่มองไปยังกิ้งก่าตัวนั้นค่อยๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะ
ลูกโลหะกลมสีเขียวเข้มที่เขาถือไว้ในมือแน่น เมื่อมือของเขาคลายลงอย่างไร้เรี่ยวแรง มันก็ร่วงลงไปบนพื้นน้ำแข็งข้างกายเขา
“ฉินซุ่น!”
เด็กหนุ่มเด็กสาวเ่าั้ที่อยู่ข้างกายเขาดวงตาแดงก่ำ ต่างโบกสะบัดอาวุธวิเศษในมือของตัวเอง คำรามอย่างบ้าคลั่ง พยายามโจมตีกิ้งก่าที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมากะทันหันตัวนั้น
ที่อยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคนก็คือ หลังจากที่กิ้งก่าตัวนั้นโผล่หัวออกมาจากผืนดินและกัดเด็กหนุ่มผู้นั้นตายไปแล้ว มันก็หดหัวลง หายกลับเข้าไปใต้ดินอีกครั้ง
“กิ้งก่าดิน! มันคือกิ้งก่าดินระดับสอง! มันมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร?”
อันอิ่งที่เป็ผู้นำ ดวงตาทั้งคู่พลันแดงก่ำ ใช้มีดยาวตวัดฟันสัตว์วิเศษระดับหนึ่งสองตัวที่อยู่ใกล้ตัวนางมากที่สุดจนแหลกละเอียดด้วยความบ้าคลั่ง
นางรู้ดีว่าตลอดทั้งโลกมายามรกต ตอนนี้มีสัตว์วิเศษระดับสองแค่เพียงสี่ตัวเท่านั้น กิ้งก่าดินตัวนั้นก็คือหนึ่งในสี่!
แต่เขตเกาะน้ำแข็งแห่งนี้ล้วนเป็ขอบเขตเคลื่อนไหวของงูเหลือมน้ำแข็งั์มาโดยตลอด ขอบเขตอำนาจของกิ้งก่าดินควรจะเป็ทะเลทรายร้างหลังเขตเกาะน้ำแข็งมากกว่า
เดิมทีนางวางแผนไว้ว่าจะสังหารงูเหลือมน้ำแข็งั์ที่เกาะน้ำแข็งนี้ก่อน หลังจากพักผ่อนกันครู่หนึ่งแล้วค่อยไปฆ่ากิ้งก่าดินที่ทะเลทรายร้าง
นางไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับกิ้งก่าดินที่เกาะน้ำแข็งนี่มาก่อนเลยแม้แต่น้อย
“เจิ้งรุ่ย! พันเทา! วางความแค้นส่วนตัวลงชั่วคราว ช่วยข้าจัดการกับกิ้งก่าดินตัวนั้นก่อน!” อันอิ่งร้อนใจเสียแล้ว
นางกังวลมากว่างูเหลือมน้ำแข็งั์ตัวนั้นจะอยู่ใกล้ๆ ตัวเหมือนกัน
สัตว์วิเศษระดับสองสี่ตัวของโลกมายามรกต พละกำลังเทียบเคียงได้เท่ากับนักพรตสร้างรากฐานท้าย์่ต้น หากแค่เผชิญหน้ากับตัวเดียว นางเชื่อว่าด้วยพลังของนาง บวกกับของเจิ้งรุ่ยและพันเทา น่าจะสังหารมันได้อย่างราบรื่น
แต่หากต้องรับมือกับงูเหลือมน้ำแข็งั์กับกิ้งก่าดินพร้อมกัน นางก็ไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว
มาถึงเวลานี้นางจึงไม่มีเวลาให้เจิ้งรุ่ยมัวหยั่งเชิงอยู่กับเนี่ยเทียนอีกแล้ว คิดแค่อยากจะจัดการกับกิ้งก่าดินตัวนั้นให้ได้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับงูเหลือมน้ำแข็งั์ในเวลาไล่เลี่ยกัน
ทว่าเื่ที่นางกลัว สุดท้ายก็เกิดขึ้นจนได้
“ฟ่อ ฟ่อ!”
เสียงงูเหลือมขู่ฟ่อดังมาจากต้นไม้น้ำแข็งต้นหนึ่ง
งูเหลือมขนาดั์ลำตัวยาวเกินสิบเมตร ความหนาเท่าเอวคน ตลอดร่างเป็สีขาวเงินตัวหนึ่งเลื้อยมาปรากฏกายอยู่ในเส้นสายตาของทุกคนตามหลังเสียง “ฟ่อ ฟ่อ” ด้วยความรวดเร็ว
“แย่แล้ว!” อันอิ่งหน้าถอดสีฉับพลัน
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้