“เ้าค่ะท่านแม่ทัพ”
หลินอิงเดินตามเขาออกไปที่หน้าจวน เมื่อถึงรถม้าเขาก็หันไปบอกนางอีกครั้ง
“ขึ้นไปสิ”
“เ้าค่ะ”
เมื่อนางขึ้นไปแล้วก็พบว่า รถม้าคันนี้นางต้องนั่งไปเอง ส่วนเขาไม่นั่งไปกับนาง
“ท่าน… ไม่นั่งรถม้าไปหรือเ้าคะ”
“ข้าขี่ม้าไปสะดวกกว่า อีกอย่าง… ช่างเถอะอย่าถามให้มากความรีบเข้าไปนั่งให้ดี ไปได้แล้วจื่อรุ่ย”
“ขอรับ”
หลินอิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่เขาไม่ยอมมานั่งรถม้าร่วมกับนาง แม้ว่าจะไม่ได้มีใจให้กับนาง แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็สามี หลินอิงอดรู้สึกน้อยใจไม่ได้แต่เมื่อนึกถึงอิสระที่อยู่ในจวนตอนนี้ นางก็พยายามลืมความรู้สึกนี้ไป
“อย่างน้อยก็มีที่ให้นอน มีอาหารให้กินครบทุกมื้อไม่อดอยาก เื่อื่นก็ช่างมันเถอะ”
วังหลวงต้าเฟิง
รถม้าเคลื่อนเข้ามาจอดตรงลานหน้าท้องพระโรง หลิวเว่ยหยางเดินลงจากม้าและมารับนางที่ด้านหน้า พวกเขาเดินเข้าไปในท้องพระโรงเล็กพร้อมกัน ซึ่งในวันนี้มีขุนนางหลายคนรออยู่ เพื่อเป็สักขีพยานในการรับมอบตำแหน่งฮูหยินตราตั้งตามกฎ และยังมีอีกหลายคนที่ได้รับพระราชทานรางวัลในวันนี้ด้วย
“ทูลท่านอ๋อง แม่ทัพหลิวและฮูหยินมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจิ้งหร่วนอวี้” ชิงอ๋องโดยตำแหน่ง ที่ฝ่าาพระราชทานให้ พระองค์เป็อ๋องปกครองเมืองต้าเฟิง ร่วมกับแม่ทัพหลิวเว่ยหยาง ซึ่งมีศักดิ์เป็ญาติผู้น้อง เป็พระนัดดาของฮ่องเต้ เมื่อทั้งคู่เดินเข้ามา ท่านอ๋องจึงวางป้ายคำสั่งของเมิ่งหลินอิงและหันไปมองทั้งคู่
“หลิวเว่ยหยาง”
“เมิ่งหลินอิง”
""ถวายบังคมท่านอ๋อง ขอทรงพระเจริญพันปี พัน ๆ ปี""
“ลุกขึ้นเถอะ”
""ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""
เมื่อหลินอิงเงยหน้าขึ้น ท่านอ๋องก็ต้องตะลึงไปในทันที เขาทราบว่าแม่ทัพหลิวผู้นี้แต่งงานกับบุตรของเมิงฉี แต่ไม่คิดว่านางจะมีใบหน้างดงามกว่าคนที่เขากำลังจะทาบทามมาเป็พระชายารอง
‘เหตุใดข้าจึงไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน หากรู้ว่าบุตรสาวสกุลเมิ่งมีคนงามเช่นนี้ ข้าคงจะรีบตัดสินใจเลือกนาง ก่อนที่จะส่งไปที่จวนแม่ทัพของหลิวเว่ยหยาง’
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ จริงสิข้ารู้แล้วขอบใจมาก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เมิ่งหลินอิง ฮูหยินแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนหลิวเว่ยหยาง วันนี้ที่เรียกพวกเ้าเข้าวังมา ก็เพื่อจะมอบตราตั้งระดับสี่ให้ ในฐานะที่สกุลเมิ่งช่วยเหลือราชสำนักและกองทัพของเมืองต้าเฟิงของเรา สนับสนุนเสบียงและยาเพื่อบรรเทาภัยในกองทัพ ที่กำลังจะทำศึกในอีกสิบวันข้างหน้า”
“เมิ่งหลินอิงรับตราตั้ง”
นางหันไปมองหลิวเว่ยหยางที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ เขามิได้ทำสีหน้าอื่นนอกจากวางเฉย นางเดินไปตรงหน้าพระพักตร์ และรับถาดที่วางตราประทับพร้อมกับหนังสือแต่งตั้งไว้ เมื่อนางรับมา ท่านอ๋องกลับไม่ยอมปล่อย
“เมิ่งหลินอิง… เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นเ้าเลยเล่า”
หลินอิงใเมื่อท่านอ๋องตรัสถามเช่นนี้ แม่ทัพหนุ่มหันไปมองแต่ก็มิได้แสดงอาการใด ส่วนขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรง ต่างส่ายศีรษะกับกิริยาเช่นนี้ ซึ่งท่านอ๋องมักจะเป็เช่นนี้ทุกครั้งเมื่อพบหญิงงาม
“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉัน…”
นางดึงถาดที่มีตราตั้งอยู่ออกมาได้ และเดินกลับไปหาท่านแม่ทัพทันที เขามิได้ช่วยหรือรู้สึกอะไรกับท่าทางสั่นกลัวจนใบหน้าซีดเซียวของนาง ทำเพียงแค่พาเดินกลับไปที่นั่ง เพื่อดื่มฉลองเท่านั้น
“คนสารเลว”
“เขาได้ยินนะ เ้าพูดเบาลงหน่อย”
หลินอิงยิ่งมองความเ็า ของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็สามีของนางก็ยิ่งรู้สึกโกรธและน้อยใจมากขึ้น เขาไม่แม้แต่จะช่วยนางเลยด้วยซ้ำ ต่อหน้าท่านอ๋อง หลิวเว่ยหยางเองก็ไม่ต่างกับขุนนางคนอื่น ๆ สินะ
“เอาล่ะในเมื่องานพิธีการอื่น ๆ ก็จบลงแล้ว วันนี้ข้าขอดื่มให้กับฮูหยินตราตั้งทุกคน เพื่อแสดงความยินดี ดื่ม!”
หลินอิงแทบจะไม่มีแรงยกจอกสุราขึ้นมา มือนางเย็นจนสั่นเพราะความกลัวเมื่อครู่ แต่แม่ทัพหลิวกลับหันมาตำหนินาง
“ไม่ได้ยินหรือ ต่อให้ต้องแกล้งยกจอกเปล่า เ้าก็ต้องยกขึ้นมา เร็วเข้า”
หลินอิงพลันกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ในอก ไม่มีสิ่งใดที่จะเลวร้ายไปกว่าการเมินเฉยของเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นางอีกแล้ว ในเวลานี้หวังเพียงแค่ให้เขาเป็กิ่งไม้ที่ให้นางเกาะชั่วคราว แต่ก็ดูจะเป็เพียงกิ่งที่หักตามลมและพร้อมจะหักมาทับนางตายให้เร็วขึ้นเสียมากกว่า
“จริงสิแม่ทัพหลิว เ้าพึ่งแต่งงานใหม่ แต่เหตุใดดูสีหน้าไม่ค่อยพอใจเลยเล่า หรือว่าไม่พึงใจกับงานแต่งที่ข้ามอบให้”
แม่ทัพหนุ่มวางจอกสุราลง ราวกับข่มอารมณ์เอาไว้เต็มที่ เขาหันไปยิ้มเย็น ๆ ให้กับผู้ที่ถามและคำนับอีกครั้ง
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแค่มีความสุขมาก จนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ต่างหาก ขอบพระทัยที่ทรงกังวลแต่กระหม่อมและฮูหยิน พวกเรารักใคร่กันดี”
“งั้นหรือ ข้าก็คิดว่าเ้าไม่พึ่งใจ หากเป็เช่นนั้นวันนี้จะได้ตัดสินใจขอฮูหยินของเ้ามาแทน ฮ่า ๆ ดูเ้าสิ ข้าแค่ล้อเล่น ล้อเล่นน่ะ อย่าคิดจริงจังสิ ดื่ม…”
“ท่านอ๋องทรงมีอารมณ์หยอกล้อเช่นนี้ ดูเหมือนว่าพร้อมที่จะออกศึกแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อแม่ทัพหลิวเอ่ยขึ้น ทั้งห้องโถงจัดเลี้ยงก็เงียบกันหมด เจิ้งหร่วนอวี้กัดกรามแน่นและยิ้มน่าเกลียดออกมา หลิวเว่ยหยางเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ทั้งคู่กำลังใช้สายตาทำศึกที่ไร้ดาบกันอยู่เงียบ ๆ
“หึหึ แม่ทัพหลิว แม้ว่าจวนฮูหยินของเ้า จะช่วยเหลือกองทัพสร้างคณูปการมากมาย จนได้รับตำแหน่งฮูหยินตราตั้ง แต่เ้าคงไม่ลืมสินะว่าหน้าที่ออกศึกนี้เป็ของผู้ใด”
หลินอิงได้แต่นั่งอยู่เฉย ๆ นางรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้อง ทุกเวลาที่อยู่ตรงนี้ แม้ว่าจะเหมือนเป็การพูดคุยกันปกติ แต่ดูเหมือนท่านอ๋องจะไม่คิดที่จะปล่อยแม่ทัพหลิวไปเลยแม้แต่น้อย
“จริงสิข้าได้ข่าวมาอีกว่า ฮูหยินที่เ้าแต่งเข้าจวนมา ที่จริงนางเป็บุตรของอนุอีกคนในจวนสินะ”
เมื่อเริ่มเอ่ยเื่นี้ขึ้น หลินอิงที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่กับจานอาหารตรงหน้าก็เริ่มโกรธ ท่านอ๋องผู้นี้ไม่เพียงไม่ให้เกียรติแม่ทัพหลิว แต่เริ่มจะพานมาถึงนางด้วย เสียงซุบซิบดังขึ้น เพราะท่านอ๋องเลือกจะใช้หัวข้อนี้ โจมตีแม่ทัพหลิว เพราะเขาเถียงไม่ชนะ
“แย่จริงเ้าโกรธเสียแล้วหรือเว่ยหยาง ไม่เอาน่าข้าก็แค่…ล้อเล่นเท่านั้น เมิ่งหลินอิงเ้าคิดว่าอย่างไร การที่เ้าแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพ แลกกับการช่วยเหลือเพื่อให้ได้ตราตั้งนี้ เ้าคิดว่าคุ้มค่าหรือไม่”
นางหันไปเห็นหลิวเว่ยหยางกำหมัดแน่น เขาแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วกับการดูถูกของท่านอ๋อง นางจึงรีบลุกขึ้นมาและคุกเข่าตรงหน้าท่านอ๋อง
“เ้าจะไปไหน”
“ปล่อยข้า”
“เมิ่งหลินอิง นี่เ้าจะทำอะไร”
“ทูลท่านอ๋อง พระองค์ทรงกล่าวได้ถูกต้องแล้วเพคะ เื่ที่พระองค์ตรัสมาทั้งหมด ล้วนไม่มีสิ่งใดที่ตรัสผิดเลยแม้แต่น้อย”
“ฮ่า ๆ ใช่หรือไม่ข้าเองก็รู้ดี เ้ายอมรับเช่นนั้นก็ดีแล้ว”
“เพียงแต่ว่า… เงื่อนไขนี้เป็ข้อตกลงระหว่างบิดาของหม่อมฉัน กับทางการซึ่งเกี่ยวข้องกับบ้านเมืองและราษฎร"
“เ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่เมิ่งหลินอิง”
"หม่อมฉันเห็นว่า แม่ทัพหลิวเห็นแก่บ้านเมืองและราษฎรเป็หลัก ดังนั้นเขาจึงยอมที่จะเสียสละตัวเอง ในสิ่งที่คนขี้ขลาดบางคนไม่มีทางกล้าทำ ท่านอ๋องเห็นด้วยกับหม่อมฉันใช่หรือไม่เพคะ”