เหนียนยวี่ที่แอบฟังอยู่ เริ่มรู้สึกขำขึ้นมาไม่น้อย
นาง...คิดว่าข้าตายแล้ว
นางคิดว่าข้าตายโดยไร้ที่มาที่ไปเช่นนี้ได้อย่างไร?
นอกเสียจาก...
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว การคาดเดาในใจเริ่มเป็รูปเป็ร่างขึ้นมา
“ยังมีอีกเ้าค่ะ คุณหนูรอง ส่วนนี้ข้าเผาส่งให้ฮองเฮานะเ้าคะ ฝากท่านบอกพระนางแทนข้าด้วย ข้าไม่ใช่คนที่้าทำร้ายท่านนะเ้าคะ...”
ฮองเฮา...
คนมีปัญญาหลักแหลมเฉกเช่นเหนียนยวี่ เพียงชั่วครู่เดียวกลับสามารถเข้าใจได้ทันที
เป็ไปตามคาด!
ในค่ำคืนนั้น ฟางเหอผู้นี้ก็อยู่ด้านนอกสวนร้อยสัตว์ด้วย ในเมื่อมีฟางเหอ เช่นนั้นเหนียนอีหลานเล่า?
ดวงตาเหนียนยวี่เคร่งขรึม ผลักหน้าต่างคราหนึ่ง เสียงกระแทกดังปังตามมา เสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันนั้น ทำให้ฟางเหอซึ่งเดิมทีเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว พลันใจนหน้าขาวซีด ครั้นนางเงยหน้ามอง เห็นร่างหนึ่งโผล่พุ่งพรวดเข้ามาทางหน้าต่าง
เพียงแค่เสี้ยววินาที ก่อนที่ฟางเหอจะกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวตื่นใ กลับมีมือข้างหนึ่งมาปิดปากนางไว้ เพื่อกันไม่ให้นางร้องลั่นะโออกมา
“อื้อ...”
ผู้ใด ผู้ใดกัน?
ฟางเหอััได้ถึงลมหายใจรินรดอยู่เื้ั ดวงตาอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว
เหนียนยวี่เห็นทุกสิ่งในสายตา นางจงใจถอนหายใจรดข้างใบหูฟางเหอ "กระดาษเงินกระดาษทองพวกนี้ที่เ้าเผาส่งมาให้ มันจะมีประโยชน์อะไร!"
น้ำเสียงนั้นแฝงความเยือกเย็น ทำให้ผู้คนที่ได้ยินขนลุกชูชัน ทว่าฟางเหอจำเสียงนั้นได้อย่างดี
เหนียนยวี่!
เป็เสียงของเหนียนยวี่แน่นอน!
ทันทีที่ฟางเหอตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ ฉับพลันนั้นในหัวนางผุดภาพเงาร่างของเหนียนยวี่ที่เข้าไปในสวนร้อยสัตว์ รวมถึงเื่ที่ฝันเห็นเมื่อวาน...
“ผี...”
คุณหนูรอง...คุณหนูรองมาเอาชีวิตนางหรือ?
ฟางเหอมิอาจทนรับความหวาดกลัวในใจไหว ฉับพลันร่างนางเริ่มดูอ่อนแรง หมดสติล้มลงไปกับพื้น
“นี่กลัวจนหมดสติไปเลยหรือ หึ ช่างเป็พวกที่ไร้ประโยชน์เสียจริง” เหนียนยวี่บ่นพึมพำเสียงเบา ดวงตาหรี่ลง ราวนึกอะไรบางอย่างได้ รีบอุ้มฟางเหอที่หมดสติออกจากจวนเหนียน ลับหายไปในยามราตรีมืดมิด
ราตรียังคงเงียบงัน
ขณะเดียวกัน ณ ห้องตำราของหนานกงฉี่ จวนหนานกง
สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มทะมึน ในอากาศมีบรรยากาศแปลกประหลาดน่าอึดอัดไหลคลุมทั่วพื้นที่ กดดันจนทำให้ผู้คนหายใจติดขัดเล็กน้อย
“เ้าพูดอะไร ไหนพูดอีกที!” ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเอ่ยปากพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงแฝงความเยือกเย็นจนทำให้ผู้ที่ได้ฟังสั่นไปทั้งตัว
จื่อเยียนรู้สึกได้ถึงความเกรี้ยวกราดของนายตน ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นกลัว จึงเอ่ยตอบอย่างระมัดระวังว่า “คุณหนูรอง...ั้แ่เทศกาลฉีเฉี่ยววันนั้น ก็ยังมิได้กลับจวนเหนียนอีกเลยเ้าค่ะ”
“ไม่ได้กลับจวนเหนียน...” หนานกงฉี่เอ่ยประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่ทันตั้งตัว น้ำเสียงที่เอ่ยพลันสูงขึ้น “วันนั้นนางไม่ได้กลับไปจวนเหนียน แล้วเหตุใดวันนี้จึงเพิ่งมารายงานข้า?”
จื่อเยียนหวาดกลัว รีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างตื่นตระหนก “บ่าว...คืนนั้น ครั้นบ่าวตามหาคุณหนูรองไม่พบ จึงนำเื่ไปรายงานคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ ทว่า...คุณหนูใหญ่กล่าวว่าคุณหนูรองอยู่ในวัง ผูกมิตรกับผู้คนมากมายได้เป็อย่างดี ไม่มีทางเกิดเื่อะไรได้ บางที...บางทีอาจจะไปเยือนตำหนักท่านอ๋องมู่เ้าค่ะ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปสองวันแล้ว คุณหนูรองก็ยังไม่กลับมา คุณหนูใหญ่กลับบอกให้บ่าวไม่ต้องเป็กังวล บอกบ่าวว่าคุณหนูรองห่วงแต่เที่ยวเล่น หากเที่ยวเล่นจนหนำใจแล้วก็คงกลับมาเ้าค่ะ...”
จื่อเยียนพูดพลางพินิจมองสีหน้าของหนานกงฉี่อย่างระมัดระวัง ใบหน้านั้น...ดูทะมึนเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
นางไม่เคยเห็นคุณชายรองโกรธเกรี้ยวเพราะเื่เช่นนี้มาก่อน ทว่าวันนี้เพียงเพราะคุณหนูรองสกุลเหนียน...
“เหนียนอีหลาน...” สายตาของหนานกงฉายอารมณ์มากมายคาดเดาไม่ได้ ในหัวมีความคาดเดาเื่หนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นมา
นึกถึงยามที่ตนไปหาเหนียนยวี่ที่จวนเหนียนเมื่อวาน คำพูดคำจาของเหนียนอีหลานทำให้รู้สึกสงสัยขึ้นมา
ตายแล้ว? ผู้ใดตาย?
คงมิใช่เหนียนยวี่?
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ หนานกงฉี่เด้งตัวลุกขึ้นทันทีทันใด พลันก้าวฝีเท้ายาวออกจากห้องตำรา
ภายในอารามอันทรุดโทรม ณ ชานเมืองเฉิงหนาน
ในราตรีอันมืดมิด แสงเทียนส่องสว่างรำไร ส่องสะท้อนภาพในวัดอย่างเลือนราง
สตรีนางหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ย มือวางบนเข่า นิ้วทั้งห้าเรียงชิดติดกัน เคาะนิ้วซ้ำไปซ้ำมา ดวงตาคู่นั้นลุ่มลึกจนมิอาจเห็นก้นบึ้ง ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจคาดเดาได้ว่ายามนี้นางกำลังคิดอะไรอยู่
หญิงสาวนางหนึ่งที่แต่งกายเฉกเช่นสาวรับใช้กำลังนอนขดตัวอยู่บนพื้น ราวกับสิ้นไร้ลมหายใจ แสงเทียนสลัวส่องกระทบลงบนใบหน้าของนาง เผยให้เห็นความหวาดกลัวที่ปกคลุมทั่วใบหน้า ท่าทีที่หมดสติไปเช่นนี้ ประหนึ่งตื่นตระหนกอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น คิ้วของหญิงสาวขยับเล็กน้อย เปลือกตานางค่อยๆ เปิดขึ้น
ฟางเหอลืมตา มองเห็นรูปปั้นเทพเ้าจงขุยที่แตกหัก ภายใต้แสงเทียนส่องกระทบ รูปปั้นเทพเ้าจงขุยยิ่งดูน่าสะพรึงกลัว
“โอ๊ย...” ฟางเหอลุกขึ้นนั่งตามสัญชาตญาณ ใช้มือประคองร่างกาย นางถดหลังไปเรื่อยๆ
ที่นี่ที่ไหน? นาง...เหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ครู่หนึ่ง ฟางเหอนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น นางอยู่ในห้องเหนียนยวี่ เผาส่งกระดาษเงินกระดาษทองไปให้นาง จากนั้น...
ผี...ในดวงตาของฟางเหอเต็มไปด้วยความกลัว เหนียนยวี่นางกลายเป็ผีไปแล้ว นางหมายเอาชีวิตตนแล้ว...
ที่นี่มัน...นางตายแล้วหรือ?
“ในที่สุดเ้าก็ฟื้น”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง น้ำเสียงแฝงความเยือกเย็น ทว่าฟางเหอยังคงจำเสียงนั้นได้ดี น้ำเสียงนั้นเหมือนกับเสียงที่นางเพิ่งได้ยินทุกประการ
“คุณหนูรอง...” ฟางเหอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว หันหลังกลับมาเห็นคนบนเก้าอี้ นางเห็นใบหน้าของเหนียนยวี่อย่างชัดเจน เพียงเพราะอาศัยแสงเทียนรำไร สายตาอันเฉียบคมนั้น ยิ่งทำให้ในใจนางเต้นระรัว ส่ายหัวไม่หยุดอย่างหวาดกลัว “ท่านไม่ต้องมาหาข้า...เพราะเหตุใดต้องมาหาข้าด้วย คนที่อยากให้ท่านตายมิใช่ข้าแน่...ท่านหมายเอาชีวิตข้า เหตุใดต้องชีวิตข้าด้วย...”
บางทีเพราะคิดว่าตัวเองจะกลายเป็ผีไปด้วย ความหวาดกลัวในดวงตาฟางเหอจึงค่อยๆ ผันแปรกลายเป็ความโกรธแค้น จู่ๆ นางลุกขึ้น พุ่งกระโจนไปหาเหนียนยวี่ "ถึงจะเป็ผี แต่ข้าก็ไม่กลัวเ้า..."
เหนียนยวี่ยิ้มเล็กน้อย นางคิดว่าข้าตายแล้ว
เมื่อเห็นนางพุ่งกระโจนเข้ามา เหนียนยวี่หยิบหินบนพื้นแล้วเขวี้ยงใส่ หินนั้นกระแทกเข่าของฟางเหอเข้าอย่างจัง เกิดเป็ความเ็ปขึ้นมา ฟางเหอไม่สามารถทรงตัวได้และล้มลงคุกเข่ากับพื้นอย่างรุนแรง
“เจ็บหรือไม่?” เหนียนยวี่เอ่ยปากพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
เจ็บหรือ?
ฟางเหอรู้สึกถึงความเ็ปนั้น นางต้องเ็ปแน่นอน
“ในเมื่อรู้สึกเจ็บ เช่นนั้นก็ยืนยันได้ว่าเ้ายังไม่ตาย”
ฟางเหอชะงักงัน ยังไม่ตายงั้นหรือ?
จริงด้วย หากนางตายไปแล้ว จะรู้สึกเจ็บได้อย่างไร?
ทว่านาง...
ฟางเหอพยายามรับความรู้สึกถึงความรู้สึกเ็ปที่เข่าอย่างชัดเจน นางยังไม่ตาย!
ครั้นคิดได้ดังนั้น ฟางเหอพลันรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ใบหน้าเบ่งบานไปด้วยรอยยิ้ม บ่นพึมพำไม่หยุดว่า “ยังไม่ตาย ข้ายังไม่ตาย ใช่แล้ว ข้ายังไม่ตาย...”
ฟางเหอผู้ดีใจเพียงเพราะรู้ว่าตนยังไม่ตาย ไม่ได้สังเกตเลยว่าสตรีที่นั่งอยู่เบื้องหน้าตนกำลังยกยิ้มเย้ยหยัน
“แม้ตอนนี้ยังไม่ตาย ก็ไม่ได้หมายความว่าผ่านไปสักพักแล้วจะไม่ตาย” เหนียนยวี่เอ่ยอย่างเ็า ขัดจังหวะความสุขของฟางเหอ ประหนึ่งน้ำเย็นะเืสาดรดบนตัวนาง ดึงสตินางกลับมา
รอยยิ้มบนใบหน้านางแข็งค้างในทันใด จากนั้นฟางเหอเหมือนเพิ่งตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้
“ท่าน...ท่านเป็ผีหรือ?” ฟางเหอทำทีท่าเตรียมรับมือเหนียนยวี่ ความหวาดกลัวคืบคลานเข้ามาในดวงตา นางถูกขังอยู่ในสถานที่เฉกเช่นสวนร้อยสัตว์ ต่อให้ช่วยชีวิตไว้ได้ ทว่าไม่มีทางออกมาได้เร็วเยี่ยงนี้หรอก นี่เพิ่งผ่านไปเพียงสองวันเท่านั้นเอง...คุณหนูรองตรงหน้านางผู้นี้ หากไม่ใช่ผีแล้วจะเป็สิ่งใดไปได้อีก?
“เ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” เหนียนยวี่หรี่ตา ั์ตาทอแววอาฆาตมาดร้ายออกมา “มิใช่เ้าหรือที่เป็คนขังข้าไว้ในสวนร้อยสัตว์? สวนร้อยสัตว์แห่งนั้นเป็ที่แบบใด...จริงด้วย ยังมีฮองเฮาอีกคน...เ้าคิดว่าหากพระนางรู้ว่าเ้าเป็คนทำร้ายนาง บางทีพระนางคงจะมาหาเ้าแน่...ว่าหรือไม่?”