บทที่ 20 ร่วมมือ
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงซินก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า "เ้ายินดีช่วยข้าตามหาดอกปี้หลิงหรือ? เช่นนั้นก็ดี คนเยอะพลังแยะ..."
ก่อนที่นางจะพูดจบ มู่หรงเหิงที่อยู่ข้างๆ ก็ขัดขึ้น "เชอะ เ้าดาวหายนะ อย่ามาแกล้งทำเป็ใจดีหน่อยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาวข้าอยากไปหาดอกใหม่ ไม่รบราอยู่กับเ้า ที่นี่ก็คงกลายเป็ที่ฝังศพสำหรับเ้าไปแล้ว”
หลินหล่างยังกล่าวเสริมอีกว่า "ฮ่าๆ ฉู่อวิ๋น เ้าได้สิ่งที่พอใจไปแล้วแต่ยังปากแข็ง[1] น้องหญิงซินปล่อยเ้าไปแล้ว แต่เ้ายัง้าช่วยพวกเราตามหามันอีก? จะมีคนดีขนาดนี้ในโลกได้อย่างไร คงหลงใหลในความงามของน้องหญิงซินเลยอยากทำให้นางพอใจเป็แน่”
“อีกอย่าง ระดับฝีมือเช่นเ้าก็อยากเดินทางไปกับพวกเราหรือ? ส่องตนเองในกระจกดูเสียก่อนเถอะ เกรงว่าเ้าจะยังไม่รู้ว่าน้องหญิงซินและข้าอยู่ขั้นใดของระดับพลังยุทธ์แล้ว”
หลินหล่างแลดูภูมิใจ เขาเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ คอยบังไม่ให้ฉู่อวิ๋นมองเห็นมู่หรงซิน
ฉู่อวิ๋นนิ่งสงบและโต้กลับ "ข้าไม่สนใจที่จะรู้ระดับพลังยุทธ์ของเ้า อีกอย่างข้าพูดกับแม่นางมู่หรง ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับพวกเ้าสองคนเลย"
“แน่จริงเ้าพูดอีกครั้งสิ!” มู่หรงเหิงและหลินหล่างพูดพร้อมกัน
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดอีกครั้ง ทำให้มู่หรงซินโกรธเล็กน้อยและะโว่า "พวกเ้าทั้งสองถอยออกไป! พูดกันดีๆ ได้ไหม?"
เมื่อมู่หรงเหิงและหลินหล่างได้ยิน ต่างก็มองหน้ากัน แค่นเสียงอย่างเ็า จากนั้นก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว ปล่อยให้มู่หรงซินเดินไปหาฉู่อวิ๋น
เมื่อมองไปที่ฉู่อวิ๋น มู่หรงซินก็เอ่ยว่า "จริงๆ แล้วเรากำลังวางแผนที่จะเข้าไปในป่าสนธยาเพื่อตามหาวัตถุดิบยาต่อ แต่ใจจริงข้าเองก็อยากจะถามว่าพลังยุทธ์ของเ้าไปถึงขั้นไหนแล้ว?"
“ระดับพลังยุทธ์ของข้าหรือ อืม…” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็พูดอย่างใจเย็น“ข้าเพิ่งผ่านระดับสี่ของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ”
มู่หรงซินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและยิ้มอย่างขมขื่น "เ้าอยู่ที่ระดับสี่ของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแต่ยังกล้าเข้าไปในป่าด้านใน? เฮ้อ สภาพแวดล้อมข้างในป่าแตกต่างจากข้างนอกอย่างสิ้นเชิง เ้า...กลับไปเถอะ ความปรารถนาดีของเ้าข้ารับรู้แล้ว”
ฉู่อวิ๋นถามอย่างสบายๆ "โอ้? เช่นนั้นเ้าไปถึงระดับไหนแล้ว?"
“ไม่ขอปิดบัง ข้า... เป็นักรบิญญาในระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ในขณะที่พี่หลินอยู่ที่ระดับห้า พี่ชายข้าแย่กว่าอยู่เล็กน้อย แต่กำลังจะเข้าสู่ระดับห้าเช่นกัน” มู่หรงซินกล่าว
“ระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ?”
เมื่อมองดูหญิงสาวที่งดงามตรงหน้า ฉู่อวิ๋นก็อดประหลาดใจไม่ได้
อย่างมากมู่หรงซินก็น่าจะอายุแค่สิบห้าหรือสิบหกปีเท่านั้น แต่การฝึกฝนของนางมาถึงระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว ซึ่งตามหลังฉู่เฟยเพียงระดับเดียว
“ไม่ได้ ข้าต้องเร่งฝึกฝน แม้ว่าป่าสนธยาด้านในจะอันตรายมาก แต่ความสำเร็จก็แฝงอยู่ในความอันตราย ต้องผ่านประสบการณ์ในชีวิตและความตายเท่านั้นข้าถึงจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”
ฉู่อวิ๋นครุ่นคิดเื่นี้เงียบๆ และตัดสินใจติดตามมู่หรงซินเข้าไปในป่า
ขอเพียงเมื่อต่อสู้ให้ควบคุมร่างกาย เปิดเส้นลมปราณให้ควบคุมลมปราณ ผลลัพธ์ก็จะได้กลับมาถึงสองเท่า
“ไม่เป็ไร ข้าจะเข้าไปกับเ้า” ฉู่อวิ๋นมองไปที่มู่หรงซินแล้วพูด
“มีสัตว์ปีศาจระดับกลางจำนวนมากที่อยู่ในป่าสนธยา บางตัวถึงกับทำให้ข้าถอยหลังได้หลายก้าว พวกเรา...อาจดูแลเ้าไม่ได้” มู่หรงซินกล่าว
ฉู่อวิ๋นยิ้มแล้วไม่พูดอะไรอีก เขาโน้มตัวลงเด็ดดอกปี้หลิงมา แล้วเก็บมันไว้ จากนั้นมองตรงไปที่มู่หรงซิน บ่งบอกว่าเขาพร้อมที่จะไปแล้ว
“เอ่อ เ้า...เ้า...”
ในเวลานี้ มู่หรงซินรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อสบเข้ากับสายตาอันแน่วแน่ของฉู่อวิ๋น
นางสวยงามราวบุปผามาั้แ่ยังเด็ก ทั้งยังเป็แก้วตาดวงใจของเ้าเมืองไป๋หยาง ย่อมมีผู้คนมากมายรอบตัวที่ติดตามนางไม่ขาด ดังเช่นหลินหล่างก็เป็หนึ่งในนั้น
คราวนี้ มู่หรงซินแอบหนีออกมาที่ป่าสนธยาเพื่อรวบรวมสมุนไพรโดยไม่บอกพ่อของนาง แต่หลินหล่างก็ยังคงติดตามมาอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นมู่หรงซินจึงเชื่อด้วยว่าฉู่อวิ๋นต้องหลงไหลในความงามของตน แม้ต้องเสี่ยงชีวิตแต่ก็้าใช้โอกาสนี้ติดตามนาง เพื่อให้นางพอใจ
“จริงๆ แล้ว... เ้าไม่จำเป็ต้องไปจริงๆ หากไม่ระวัง อาจเป็ภัยต่อชีวิตได้” มู่หรงซินรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ไม่ไกลนัก มู่หรงเหิงและหลินหล่างก็เดินเข้ามาเช่นกัน ใบหน้าของพวกเขายังคงไร้ความเมตตา โดยเฉพาะหลินหล่างที่โกรธมากจนต้องกัดฟันเมื่อเห็นฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินพูดคุยกันอยู่
นอกจากนี้ เขายังรู้สึกว่าฉู่อวิ๋นหลงใหลในความงามของมู่หรงซิน และ้าเข้าใกล้เธอ
“อย่ากังวลไป ข้าแค่คิดว่าเ้าคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในป่าดีจึงอยากร่วมเดินทางด้วย หากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เ้าไม่ต้องห่วงข้าเลย” เขามองไปที่มู่หรงซิน ดวงตาของฉู่อวิ๋นฉายแววชัดเจน ไร้ร่องรอยของความหลงใหล
เดิมทีฉู่อวิ๋นวางแผนจะไปคนเดียว แต่เมื่อได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของฉู่เฟย เขาไม่้าเดินตามรอยของนาง ดังนั้นจึงวางแผนที่จะเข้าไปในป่าสนธยาพร้อมกับผู้อื่นดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสภาพจิตไหวกระบี่ในปัจจุบัน ตราบใดที่เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจที่ทรงพลังเกินไป การที่ฉู่อวิ๋นจะปกป้องตนเองก็ไม่ใช่เื่ยาก
เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นยืนกรานเช่นนั้น มู่หรงซินก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก นางจึงทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันกลับแล้วเดินจากไป
“เชอะ เ้าคงไม่ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไปกระมัง หากเ้าถูกสัตว์ปีศาจเล่นงานเข้า ข้าจะยืนดูเ้าตายเอง” มู่หรงเหิงตะคอกอย่างเ็า และเดินตามมู่หรงซินไปทันที
หลินหล่างเดินเข้ามาหาฉู่อวิ๋น ดวงตาของเขาเ็า และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "ข้าแนะนำให้เ้ารีบหายตัวไปเสียดีกว่า อย่าได้มีเจตนาแอบแฝงใดๆ กับน้องหญิงซิน มิฉะนั้นข้าจะเป็คนจัดการเ้าเอง"
“วิ้ว——”
บนฝ่ามือของหลินหล่างปรากฏร่องรอยของลมกระโชกแรง เขาแสดงท่าทางต่อหน้าฉู่อวิ๋นแล้วหันหลังจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของชายทั้งสอง ฉู่อวิ๋นก็ยิ้มเยาะเย้ยและพึมพำกับตัวเอง "แน่นอนว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหัวใจของมนุษย์ ต้องระมัดระวังสองคนนี้ให้มากขึ้น"
พื้นที่ด้านในของป่าสนธยามืดกว่าด้านนอก สัตว์ระดับต่ำเ่าั้ไม่มีให้เห็นเลยและดูคล้ายจะแห้งแล้งและเงียบสงบ
แต่ตราบใดที่มีเงาของสัตว์ปีศาจก็จะมีเื โดยพวกมันจะต่อสู้ห้ำหั่นกันเอง
ฉู่อวิ๋นและคนอื่นๆ เดินอย่างเงียบๆ มาตลอดทาง พร้อมทั้งสังหารสัตว์ปีศาจระดับสี่และห้าได้จำนวนมาก
เห็นได้ชัดว่ามู่หรงซินค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่นี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครไปกระตุ้นสัตว์ปีศาจที่ทรงพลังกว่านี้ได้
ทว่าสิ่งที่ทำให้มู่หรงซินประหลาดใจคือ ฉู่อวิ๋นไม่เพียงแต่ไม่เป็ตัวถ่วง แต่ยังต่อสู้กับสัตว์ปีศาจอย่างกล้าหาญด้วย เมื่อต้องเผชิญกับหนูเขี้ยววายุ สัตว์ปีศาจระดับสี่ที่ว่องไวมากกว่าหนึ่งโหล เขาก็สามารถต้านทานได้ สงบเมื่อเผชิญกับอันตราย ก่อนจะโจมตีด้วยกระบี่แสงดาวไม่กี่ครั้งก็เอาชนะการต่อสู้ได้
ถึงขั้นฉู่อวิ๋นฆ่าสัตวปีศาจระดับห้าเพียงลำพัง
นั่นทำให้มุมมองที่มู่หรงซินมีต่อฉู่อวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างมาก และเริ่มชื่นชมเขาขึ้นบ้าง
ในทางกลับกัน มู่หรงเหิงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายมากกว่า เขามักจะถูกหนูเขี้ยววายุที่ว่องไวหลอกล่อให้พลาดเป้ายิงหลายครั้ง
แม้ว่าเขาจะเป็ผู้ฝึกธนูเหมือนมู่หรงซินแต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่เก่งเท่า แม้ว่าการฝึกฝนของเขาจะถึงจุดสูงสุดในระดับสี่ของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่ก็ยังอยู่ในประเภทของนักรบที่มีพลังการต่อสู้ทว่าไร้ค่า
หลังจากถูกเปรียบเทียบกับฉู่อวิ๋น ใบหน้าของมู่หรงเหิงก็ดูไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าะโใส่ฉู่อวิ๋นอีก
ระหว่างทาง ฉู่อวิ๋นไม่เกรงใจ ใช้โอกาสนี้รวบรวมสมุนไพรอันล้ำค่า
ไม่นานหลังจากนั้น ฉู่อวิ๋นก็พบนิลุบลเจ็ดวิญญาที่หายากอีกชนิด เขาเด็ดมันไปด้วยรอยยิ้ม “นิลุบลเจ็ดวิญญานี้มีมูลค่าอย่างน้อยก็หมื่นเหรียญทอง เมื่อรวมกับสมุนไพรที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้ คราวนี้น่าจะแลกเป็เงินได้กว่าสองหมื่นเหรียญทอง”
“ไม่คิดว่าเข้ามาด้านในป่าสนธยานี้เป็ครั้งแรกก็ได้สมุนไพรไปเยอะขนาดนี้ มิน่าถึงมีนักรบเข้ามาอยู่ตลอดแม้ว่าจะมีอันตรายรอบด้าน”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็แอบหัวเราะอีกครั้ง แต่แล้วเขาก็คิดว่า ถ้าไม่มีมู่หรงซินนำทาง การเดินทางครั้งนี้คงไม่ราบรื่นนัก
“ไม่ได้ ต้องช่วยหาดอกปี้หลิงให้นางโดยเร็วที่สุด” ฉู่อวิ๋นบอกกับตัวเอง
"ว้าว! พวกเ้าดูสิ!"
ทันใดนั้น เสียงของมู่หรงซินก็ดังมาจากด้านหน้า หยุดความคิดของฉู่อวิ๋น เขาก้าวเท้ามุ่งไปทันที
“นี่...นี่คือ!” เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เบิกกว้าง
ในป่าทึบข้างหน้า มีพื้นที่ที่ค่อนข้างเปิดโล่ง ซึ่งมีหญ้าสีเขียวพลิ้วไหว บุปผางามบานสะพรั่ง ทำให้ดูสวยงามและเงียบสงบเป็พิเศษ
และพืชเหล่านี้ล้วนเป็สมุนไพรวัตถุดิบยา!
จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็จำได้ว่าพ่อของเขา ฉู่ซานเหอ เคยบอกเขาว่าในแคว้นเทียนเฉิน มีพื้นที่ที่มีพลังิญญาหนาแน่นที่สามารถมอบพลังที่จำเป็กับสมุนไพรจำนวนมากได้ หลังจากดูดซับอยู่หลายปี พื้นที่สมุนไพรจะค่อยๆ เป็รูปเป็ร่าง
“นี่คือป่าเร้นทะเลโอสถ!” ฉู่อวิ๋นอุทาน
ทันใดนั้น เขาก็เหลือบมองออกไป พบว่ามีพื้นที่ว่างตรงกลางทะเลโอสถที่มีดอกปี้หลิงขึ้นอยู่เพียงดอกเดียวที่ลู่ไปตามสายลม
“นั่นคือดอกปี้หลิงสามกลีบ!”
“แต่ทะเลโอสถมักจะมีฝูงสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งปกป้องอยู่ เราต้องระวังหน่อย”
ฉู่อวิ๋นสงบลงอย่างรวดเร็วและกำลังจะเตือนมู่หรงซิน แต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อนางพบดอกปี้หลิงแล้วก็ตื่นเต้นจนต้องรีบเข้าไปดู
“ระวัง! อย่าเพิ่งเข้าไป!”
"ตึง--"
ทันทีที่ฉู่อวิ๋นพูดจบ ฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ก็ปกคลุมท้องฟ้าปิดแสงดวงอาทิตย์ มันวิ่งผ่านท้องฟ้าและโจมตีร่างกายอันบอบบางของมู่หรงซิน!
มู่หรงซินเป็นักรบระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แม้เมื่อครู่จะเข้ามาอย่างประมาทและไม่ใส่ใจคำเตือน แต่ก็ยังคงโต้ตอบได้ทันควันและหลบไปด้านข้างในทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี
"ตึง--"
แต่ฝ่ามือั์นั้นปะทะใกล้กับมู่หรงซินและทรงพลังมาก แม้ว่านางจะหลบเลี่ยงได้รวดเร็ว แต่ก็ยังคงถูกฝ่ามือกระแทกบนไหล่ขวา ปราณและเืพลุ่งพล่านในร่างกาย นางกระเด็นเข้าไปในป่าลึกฟาดกับต้นไม้ใหญ่จนหักโค่นไปหลายต้นก่อนล้มลงสู่พื้น
“อ่อก——”
มู่หรงซินกระอักเืออกมาเต็มปาก ใบหน้างามซีดลง ดวงตามองไปยังตำแหน่งก่อนหน้า
มองเห็นหมีั์สูงสามเมตรยืนอยู่บนพื้น ตัวของมันเต็มไปด้วยเส้นเื ดูดุร้ายและน่ากลัวมาก
“...มันคือหมีลายโลหิตหรือ?!” ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่หรงซิน
หมีที่มีรอยเืพันผ่านทั่วร่างนั้นเป็สัตว์ปีศาจระดับหก พลังของมันอยู่ในระดับสูงสุดของบรรดาสัตว์ปีศาจระดับกลาง
พลังของฝ่ามือนั้นเทียบได้กับนักรบในระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ
ดังนั้น แม้ว่ามู่หรงซินจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบไม่ให้โดยฝ่ามือเข้าเต็มแรงแล้ว แต่นางก็ยังถูกกระแทกห่างออกไปหลายสิบหมี่
“น้องหญิง! เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?!”
"น้องหญิงซิน! รอก่อน ข้าจะไปช่วยเ้าเดี๋ยวนี้!"
การโจมตีอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทั้งมู่หรงเหิงและหลินหล่างใ พวกเขาะโไปยังทิศทางของมู่หรงซินทันที
"ฮู--"
"โฮ่ง--"
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงคำรามของสัตว์ปีศาจก็ดังมาจากทุกทิศทาง ทันใดนั้น เงาของสัตว์ปีศาจก็ปรากฏขึ้นทีละตัวจากป่าทึบที่อยู่ใกล้เคียง
สัตว์ปีศาจเหล่านี้ต่างเป็สัตว์ปีศาจระดับห้าทั้งสิ้น
ในไม่ช้ามู่หรงเหิงและหลินหล่างก็ถูกล้อมอย่างหนักและถูกแยกห่างจากตำแหน่งของมู่หรงซิน
--------------------
[1] ได้เปรียบหรือได้รับผลประโยชน์ที่ตน้าแล้ว แต่กลับทำเหมือนว่าไม่อยากได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้