ตอนที่ดวงตะวันลอยสูงใกล้จะส่องก้นตู้ซินถงถึงได้ถูกหนิงเซียงดึงขึ้นมาจากผ้าห่ม
“ข้าขอพูดนะ นี่เ้ายังจะี้เีอยู่อีกหรือ บุรุษเอ๋ยตะวันจะเผาความเป็ชายของเ้าอยู่แล้ว รีบลุกขึ้นมาได้แล้ววันนี้จะต้องไปที่เรือนของฮูหยินเ้าเมืองนะ หากเ้ายังไม่รีบแต่งตัวอีกอีกเดี๋ยวข้าจะโกรธเ้าแล้วนะ”
ตู้ซินถงกำลังนอนกรนอยู่ ถูกเสียงของนางปลุกจนตื่น
“ให้ข้านอนอีกเดี๋ยว ข้าง่วง”
“ง่วงๆๆๆ ง่วงกับผีของเ้าหรือ ข้าไม่เคยเห็นบุรุษที่เกียจคร้านเช่นเ้ามาก่อนเอาล่ะ รีบลุกขึ้นมา อีกเดี๋ยวข้าจะแต่งหน้าให้เ้า”
สำหรับความเกียจคร้านของบุรุษผู้นี้ หนิงเซียงรู้ซึ้งแล้ว
อย่างเช่นในตอนนี้ นางกำลังล้างหน้าให้เขา ทาหน้า เขายังสามารถหลับตาได้ทว่าแม้จะเป็เช่นนั้น แต่นางอดยอมรับไม่ได้ว่า ผิวพรรณของบุรุษคนนี้ชุ่มชื้นมากจริงๆ ให้ความรู้สึกยามััได้ดีมาก แม้จะบีบเช่นนี้ ก็ยังเด้งชุ่มฉ่ำ
“บางครั้งข้าก็ไม่เข้าใจ เหตุใดเ้าถึงได้เปลี่ยนมาเป็บุรุษเช่นนี้ความจริงแล้ว หากเ้าเปลี่ยนมาเป็สตรี คนี้เีเช่นเ้า บางทีอาจยังมีบุรุษยินดีที่จะเลี้ยงดูเ้าแต่เ้าคือบุรุษนะ เ้าเป็บุรุษผู้ใดเขาจะมาเลี้ยงดูเ้า เฮ้อ บุรุษเอ๋ยต่อไปเ้ายังต้องหาสตรีนะ หากเ้ายังเกียจคร้านเช่นนี้ จะมีสตรีที่ใดมารักเ้ากัน?”
อาจเพราะประโยคสุดท้ายไปกระแทกจิตใจตู้ซินถง บุรุษที่นอนี้เีอยู่ในวินาทีนั้นกลับขยับเปลือกตาแล้วค่อยๆ ลืมขึ้น ดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวจ้องไปทางหนิงเซียง
“จริงสิ บุรุษี้เีเช่นข้า ไม่มีค่าพอจะให้สตรีมารัก หนิงเซียงสตรีเช่นพวกเ้า ต่างชอบพวกบุรุษที่แค่มองดูก็เป็คนกล้าหาญและมีความเป็บุรุษมากกว่าใช่หรือไม่”
หนิงเซียงถูกเขาจ้องจนรู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเอง
ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ ไม่ว่าจะเป็สตรีที่แข็งแกร่งอย่างไร แต่ในใจของนางย่อมมีหัวใจเป็สตรีตัวน้อยกันทั้งนั้นมีผู้ใดบ้างไม่้าให้บุรุษที่แข็งแกร่งมาปกป้องกันเล่า หรือสตรีเกิดมาต่างมีความสามารถในการเรียกเื่วุ่นวายเข้ามาหาตนเองอยู่แล้วยังต้องไปปกป้องบุรุษคนหนึ่ง มองเขาที่อ่อนแอจนเหมือนกับน้องสาวเช่นนี้ ยามอยู่เรือนเดียวกันจะไม่เหนื่อยหรือ?”
“พรืด…”
ตู้ซินถงที่ฟังคำพูดของนางก็ตะลึงตาค้าง
แต่เขาเคยชินกับภาพลักษณ์ภายนอกของสตรีนางนี้ที่ดูอ่อนโยนราวสายน้ำแต่หากพูดออกมา กลับแข็งแกร่งจนทำให้รู้สึกคล้ายถูกมอมเมา
“ก็ได้ ข้าถูกสั่งสอนแล้ว ที่แท้สิ่งที่แม่นางพูดทั้งหมดเป็ความจริงจริงๆ …” ตู้ซินถงก้มหน้าลงก่อนจะพูดทั้งหมดออกมาอย่างสิ้นหวังหนิงเซียงมองเขาที่ทำท่าสิ้นหวัง ความปากมากช่างพูดจึงเริ่มทำงาน
“เฮ้อ ข้าว่านะ เ้ามี…เหตุผล…ที่ไม่สามารถพูดออกมาได้หรือไม่? เล่าออกมาให้ฟังเถิดไม่แน่ข้ายังสามารถช่วยแก้ไขเื่รำคาญใจของเ้าได้นะ อ๋อ ข้านึกออกแล้วเ้าเคยหลงรักสตรีคนหนึ่งใช่หรือไม่ แต่ยามนั้นเ้าอ่อนแอเกินไปดังนั้นสุดท้ายนางจึงไม่รักเ้าแล้ว?”
ตู้ซินถงมองค้อนใส่นาง ดวงตาสวยทั้งสองข้างนั้นมีความเ็ปอยู่ในวินาทีนั้น หนิงเซียงก็ถูกจ้องจนใจกระตุก
นางจึงยกมือยอมแพ้ “เฮ้อๆ เอาเถิด เอาเถิด เื่นี้อะไรนะเ้าคิดเสียว่าข้าไม่ได้ถามแล้วกัน สิ่งที่ข้ากลัวมากที่สุดคือถูกพวกคนหน้าตาดีใช้สายตาเ็ปจ้องมาที่ข้า จะว่าไป พวกเราจะต้องรีบแล้วงานเลี้ยงของฮูหยินเ้าเมืองเริ่มแล้ว หากพวกเรายังไม่ไปจะหาเหตุผลมาอ้างไม่ได้นะ”
หนิงเซียงหมุนตัวเอาชุดคลุมตัวยาวหนังขนสัตว์ที่เพิ่งจะออกแบบมาให้ใส่
ตู้ซินถงที่แม้จะี้เีมาตลอด แต่เมื่อเห็นชุดที่สวยโดดเด่นตัวนี้อยู่บนตัวเขาพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ชุดตัวนี้ไม่เลวเลยจริงๆ ! สตรีที่ดูไม่สะดุดตาคนนั้นเหตุใดถึงได้มีความสามารถเช่นนี้กัน!”
เขาถอนหายใจแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ตรงนั้นเฉินเนี้ยนหรานกำลังเลือกหนังขนสัตว์อยู่
สตรีที่ขยันขันแข็งในทุกๆ วันคนนี้ นางมักจะมีเื่ยุ่งอยู่ตลอดทั้งยังมีแบบเสื้อผ้าที่มีประโยชน์ ของง่ายๆ พวกนี้ เมื่อใช้มือของนางทำมันออกมาจะอย่างไรย่อมเปลี่ยนมาสวยงามโดดเด่นสะดุดใจคน
“ไม่ต้องดูแล้ว นางเป็แค่สตรีโลภมากเห็นแก่เงิน สิ่งที่นางมีทั้งหมด ล้วนมีแรงกระตุ้นจากเงินเอาล่ะ ตอนนี้พวกเราจะต้องออกเดินทางแล้ว จุ๊ๆ แต่งตัวเช่นนี้แล้วงดงามจับต้องไม่ได้ ดูเท่าใดก็ไม่เบื่อจริงๆ เฮ้ ตู้ซินถงเ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าหากเดินออกไปในตอนนี้ แม้จะไม่ค่อยชอบขยับตัว ไม่พูด ไม่หยิบแต่จะต้องมีคุณชายหลายคนเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าเ้า?”
สำหรับเื่นี้ หนิงเซียงหัวเราะชอบใจ
ใน่นี้นางได้พาตู้ซินถงออกไปเดินทางเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้คนไปทั่วไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากที่บุรุษแสนเกียจคร้านแต่งตัวเป็สตรีแล้วยังกลายเป็คนที่ดึงดูดบุรุษทุกคน
แม้ทุกครั้งที่เขาไปงานเลี้ยงจะทำเพียงก้มหน้ากินดื่มไม่ก็นั่งสัปหงกอยู่ด้านข้าง แต่หากบุรุษที่เคยเห็นหน้าของเขาแล้วครั้งหนึ่ง คนเ่าั้ล้วนจะยังจำเขาได้
สำหรับเื่นี้ ปฏิกิริยาของตู้ซินถงนิ่งมาก
กลับเป็หนิงเซียงที่ให้ความสนใจกับเื่พวกนี้ ด้วยตัวนางนั้นเป็บุคคลที่นิยมให้บุรุษรักกันจึงจินตนาการว่าจะหาคนรักที่เป็บุรุษให้เขาสักคน
ให้ทั้งสองคนพัฒนาความสัมพันธ์กัน สุดท้าย นางจะคอยดูว่าละครเื่นี้จะจบลงอย่างไร…
หนิงเซียงพกความคิดนี้ แล้วพาคนงามที่ดูสูงชะลูดโดดเด่นเข้าไปในจวนเ้าเมืองด้วยกันในวันนี้
ตลอดทาง แม้ลมทะเลทรายจะแรง แต่รถม้าของทั้งสองคนยังคงเดินทางได้อย่างราบรื่น
ทว่า ตอนที่ใกล้จะถึงจวนเ้าเมือง รถม้ากลับหยุดลง
“เกิดอะไรขึ้น?”
หนิงเซียงแหวกผ้าม่านออกด้วยความไม่พอใจ ตอนที่เห็นเด็กหนุ่มสองคนอยู่ด้านนอกนางจึงเริ่มหว่านเสน่ห์ พร้อมทั้งใช้รอยยิ้มที่ตนเองมั่นใจที่สุดมองไปทางสองคนนั้น“ทั้งสองท่าน มาส่งของขวัญหรือ อากาศวันนี้เย็นมากข้าไม่ลงไปพวกเ้าเอามาให้ที่นี่เถิด”
แต่ก่อน นางเคยรับของขวัญเช่นนี้เป็จำนวนมาก ดังนั้นจึงรู้ว่าควรจัดการเื่ทำนองนี้อย่างไร
ในมือของเด็กหนุ่มทั้งสองคนมีกล่องใบหนึ่งอยู่ในมือ หลังจากได้ยินคำพูดของหนิงเซียงสายตาของคนทั้งสองพลันสว่างวาบขึ้นก่อนจะรีบเดินมาทางรถม้าของพวกนางด้วยความตื่นเต้น
หนิงเซียงส่งยิ้มสดใสแล้วรับมา “อืม ของขวัญไม่เลวเลย”
“อืม อืม ขอบคุณพี่สาวที่ทำให้ความปรารถนาของพวกเราเป็จริงพวกเราจะขอบคุณท่าน ของขวัญนี้จะต้องส่งให้ถึงมือของน้องสาวท่านนะหวังว่าอีกเดี๋ยวนางจะออกมาคุยกับพวกเรา นั่นจะดีมาก รบกวนพี่สาวแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิงเซียงแข็งค้าง กระตุกเบาๆ แต่สุดท้ายยังแย้มยิ้มออกมา
“ฮ่าๆ ได้ๆ ข้าจะเอาไปให้นาง พวกเ้ากลับไปเถิด แยกกัน แยกกันก่อนนะ”บัดซับ หัวใจของนางมีเืไหลแล้ว
ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเดินไปแห่งหนใดนางมักจะเป็จุดสนใจ เหตุใดยามนี้นางถึงเปลี่ยนมาเป็คนถือของเสียได้
และบุรุษที่กำลังนอนสัปหงกอยู่ในรถม้า…
กลับกลายเป็คนที่เป็จุดสนใจอย่างมาก!
นางกัดฟันกรอด เปิดประตูรถม้าอยากจะกระชากเ้าตัวี้เีนี่ตกจากรถม้าจริงๆ แต่ดวงตาของหนิงเซียงกลอกไปมา
ฮ่าๆ เ้าหน้าตางดงามแล้วอย่างไร ข้าจะจูงเ้าเดินไปทั่วเ้าในตอนนี้ยิ่งโด่งดังมากเท่าใด ยิ่งกลายเป็จุดสนใจของทุกคน เช่นนั้นจึงยิ่งมีประโยชน์กับเื่ของข้าในอนาคต
พอคิดจนเข้าใจแล้ว หนิงเซียงจึงหัวเราะอย่างชั่วร้ายออกมาเพราะได้ใจ
ตู้ซินถงที่กำลังงัวเงียลืมตาขึ้น เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของสตรีคนนี้
“แม่นาง ขอร้องล่ะอย่าโปรยยิ้มเรี่ยราดเช่นนี้ ไม่มีบุรุษคนใดชมชอบสตรีโง่เง่าเช่นเ้าหรอก”
“หา?”หนิงเซียงที่ไม่เคยถูกด่าว่าเป็คนโง่มาก่อนถึงกับรับไม่ได้
นางกรีดร้องแล้วเอากำปั้นทุบลงไปที่ตัวตู้ซินถง “เ้ากล้าว่าข้าโง่หรือเ้ากล้าหัวเราะเยาะข้าหรือ เ้ากล้าทำตัวไม่เคารพเ้านายของเ้าหรือ เ้ากล้า…”
ตุบ ตุบ…
ในตอนนั้น ภายในรถมีมือเท้าสะบัดไปทั่ว ทำให้ตู้ซินถงที่ถูกตีโมโหขึ้นมาแล้วจึงจับนางกดลงแล้วพลิกตัวนางคว่ำลงก่อนจะเอาแขนของนางมาไขว้เอาไว้
“เ้ายังจะตีอีกหรือไม่?”
แม้ว่าเขาจะี้เี แต่แรงยังมีอยู่นะ อยากจะจัดการกับสตรีโง่เขลากดนางลง ย่อมไม่ถือว่าเป็เื่ใหญ่มากนัก
“ตี เหตุใดจะไม่ตี ข้าจะตี”
หนิงเซียงที่ถูกควบคุมโกรธมาก พยายามบิดตัวไปมา
บุรุษที่อยู่้า ใช้แรงกดตัวนางเอาไว้ ด้วยกลัวว่านางจะใช้หมัดมาทุบตัวเองอย่างแรงอีก
ในเวลานั้น คนหนึ่งดิ้นรนจะลุกขึ้น อีกคนก็จะกดลงร่างกายของทั้งสองคนจึงแนบชิดสนิทเข้าด้วยกัน จนกระทั่งเสื้อผ้ายุ่งเหยิงเส้นผมกระจาย…
“แฮ่ก แฮ่ก…”
หนิงเซียงถลึงตาใส่บุรุษที่อยู่้า
หลังจากออกกำลังกันไป ตู้ซินถงมีเหงื่อออกมาบางๆในตอนนี้จึงกดสตรีใต้ร่างด้วยใบหน้าแดงก่ำ เขายักคิ้วให้อย่างได้ใจ “ฮ่าๆ ดูสิสตรีเช่นเ้าเกือบไปแล้วหรือไม่ เ้าตีไม่ได้ ตีไม่ได้แล้ว โกรธให้ตายเ้าก็…”
ตอนที่กำลังได้ใจมาก หนิงเซียงที่โกรธจนทนไม่ไหวจึงอ้าปากแล้วกัดลงไป
“ข้าตีเ้าไม่ได้ แต่ข้ายังมีปาก ข้ากัด ข้าจะกัดแรงๆๆๆๆๆ …”
การกัดในครั้งนี้ คือการกัดเข้าไปที่ปากของตู้ซินถงอย่างแรงในตอนนั้นทั้งสองคนต่างอึ้งงันไป
เมื่อรู้ตัวว่า…เื่ราวมันแปลกประหลาด ทั้งสองคนจึงผละออกจากกัน
หนิงเซียงอ้าปาก้าอธิบาย
แต่ไหนแต่ไรนางก็เป็สตรีที่แข็งแกร่งใช้กำลังอยู่แล้วมิใช่หรือในนาทีนี้ นางเหมือนควรพูดประโยคปลอบใจบุรุษคนนี้สักประโยคสองประโยค
“แม่นาง เ้ากล้ากัดข้า” ตู้ซินถงชะงักไปก่อน แต่หลังจากรู้ตัวดวงตาเรียบนิ่งที่เดิมทีจะมีนิสัยอบอุ่น บัดนี้กลับดุดันขึ้นมา
“อา เอ่อ…ฮ่าๆ …กัดก็กัดไปแล้ว เ้าเป็อะไรหรือไม่ บัดซบมันก็แค่ปากไม่ใช่หรือ ข้าคิดว่าเป็เนื้อหมูจึงกัดลงไป”
หน้าของตู้ซินถงทะมึน “เ้ากล้าว่าข้าเป็เนื้อหมู!”
เขากำหมัดแน่นจนมีเสียงดังกรอบ ใบหน้าที่ยังถือว่างดงามอ่อนโยน ในตอนนี้กลายเป็บิดเบี้ยว
พูดกันตามเหตุผลแล้ว หนิงเซียงในตอนนี้สมควรถอยไปหนึ่งก้าว แต่วันนี้สตรีคนนี้กลับเอาหัวพุ่งเข้าไปตรงหน้า
นางหัวร้อนแล้ว ไม่ยอมถอยหลังกลับ
“ใช่สิ ใช่สิ เหตุใด ก็แค่เนื้อหมูชิ้นหนึ่ง ข้าขบแล้ว กัดแล้ว ยังลูบยัง…”
พูดไป พูดไปอีก การกระทำของนางก็ไม่หยุด
สุดท้าย คนยั่วโมโหกับคนถูกยั่วโมโหสองคนจึงฟัดกันอีกครั้งทั้งยังกัดกันไปมา จนกระทั่งมีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาจากด้านนอก
ทั้งสองคนหันกลับไปมอง หลังจากเห็นดวงตาเบิกกว้างของคนขับรถ
หนิงเซียงรีบปัดตัว แล้วลูบมุมปากของตัวเองอย่างไม่คุ้นชิน ก่อนจะสะบัดศีรษะแล้วพยุงตัวลุกขึ้นอย่างเป็ธรรมชาติแต่ขณะที่กำลังจะออกจากรถ นางไม่ลืมที่จะหันกลับมาจัดเสื้อผ้าให้บุรุษที่ยังอยู่ในสภาพมึนงงอยู่
“เ้าต้องเป็ถึงเพียงนี้เชียวหรือ แค่กัดครั้งเดียวเท่านั้น วางใจเถิดข้าจะคิดว่ากัดชิ้นเนื้อ จะไม่คิดค่าชดเชยให้เ้ารับผิดชอบ”
