บทที่ 83 การต่อสู้ครั้งใหญ่!
ดวงดาราส่องสว่างยามค่ำคืนสลัว เมฆามืดหม่นปกคลุมแขไขสีกระจ่าง หมอกสีแดงเข้มปกคลุมไปทั่วบริเวณ
เมื่อไม่มีแสงจันทร์ส่องสว่าง ค่ายของกลุ่มัเหล็กก็มืดมน มีเพียงแสงเย็นส่องสว่างมาจากใจกลางค่าย ซึ่งเป็แสงเย็นที่ปล่อยออกมาจากอาวุธสิบค่ายกลของซ่งอี้และหลางซื่อ
ทุกคนกำอาวุธหรือกำหมัดแน่น พลังอันเดือดดาลนับไม่ถ้วนเดือดพล่าน ก่อตัวเป็คลื่นอากาศปะทะกัน ทั้งสองฝ่ายทดสอบกันและกำลังจะเริ่มา
ตราบใดที่เมฆดำขมุกขมัวบนท้องฟ้าหายไป และความสว่างใสตกลงสู่พื้นโลกอีกครั้ง มันก็ถึงเวลาสังหาร!
“ฟู่ว...ฟู่ว...” ฉู่อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และจับด้ามกระบี่ไว้แน่น ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเผชิญกับสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้
แม้ว่าสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มหมาป่าอย่างหลางซื่อและเริ่นอวี่สิงจะถูกซ่งอี้ปรามไว้อยู่ แต่ในแง่ของจำนวนและความแข็งแกร่งโดยรวมแล้ว กลุ่มหมาป่านั้นเหนือกว่า
นอกจากนี้ นักรบฝ่ายตรงข้ามได้ล้อมค่ายด้วยการกั้นแม่น้ำแล้ว ในขณะที่กลุ่มหมาป่าพิงหลังชนเขา ไร้ที่ให้หลบหนี พวกเขาต้องสู้อย่างไร้ทางเลือก
เรียกได้ว่า กลุ่มหมาป่าไม่เพียงแต่มีคนมากเท่านั้น แต่ยังมีความได้เปรียบอีกด้วย ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ไม่อาจดีได้จริงๆ!
ฉู่อวิ๋นรู้สึกได้ว่ามีดวงตาที่ดุร้ายหลายสิบคู่จ้องมองมาที่เขา ทั้งหมดเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ซ้ำยังมีไปถึงนักรบขั้นมหาสมุทรด้วย
“ฟู่ว... สถานการณ์ไม่ดีเลย ข้าต้องรอด!” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและถอนหายใจในใจ
แม้ว่าเขาจะไม่กลัวนักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่หากเข้ามารุมกันหลายสิบคน บวกกับมีนักรบขั้นมหาสมุทรช่วยเสริมแรง เขาก็คงตายไปในทันที
แม้จะมีเพียงนักรบขั้นมหาสมุทร ด้วยความแข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นในตอนนี้ เขายังไม่อาจต่อกรกับศัตรูได้
“ฮู่ว... น่าชังนัก ไม่สนแล้ว! ถ้าข้าตายไปที่นี่ พี่ซินเหยาจะทำอย่างไร?!”
“ข้าต้องรอด...ข้าต้องไม่ตาย...”
“ต้องไม่ตาย!!!”
ดวงตาที่อ่อนโยนและสวยงามของฉู่ซินเหยาแวบขึ้นมาในใจของเขา เช่นเดียวกับความงามอันล้ำเหลือที่ไม่มีใครเทียบได้ของนาง ฉู่อวิ๋นจ้องเขม็งและชี้กระบี่ขึ้นฟ้า ก่อนที่ร่างกายจะพลุ่งพล่านไปด้วยแรงกดดัน!
ต่อให้อีกฝ่ายจะคนเยอะกว่า แข็งแกร่งกว่าแล้วอย่างไร? เขาจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด!
“เ้าอันธพาลอวิ๋น?” มู่หรงซินที่อยู่ข้างๆ รู้สึกว่าพลังของฉู่อวิ๋นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่องรอยของความไม่อาจทนได้ก็แวบเข้ามาในหัวใจของนาง นางรู้ว่าฉู่อวิ๋นยังต้องไปที่เมืองชุยเสวี่ยเพื่อช่วยฉู่ซินเหยา เขาแบกภารกิจแห่งชีวิตไว้บนบ่า
“ข้าจะคอยเป็ตัวถ่วงเขาไม่ได้!”
เมื่อคิดเช่นนี้ มู่หรงซินก็ยกคันธนูตามจันทร์ขึ้นสูง เมื่อเกิดเสียงตึงดังขึ้น พลังปราณก็รวมตัวกัน และในทันใดนั้น ปัญจศรบนสายธนูก็บินข้ามท้องฟ้าไปในทันที
ท่าทีของทุกคนนิ่งเงียบ แสงสะท้อนของอาวุธต่างๆ วาววับเล่นแสง แม้แต่ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยฝุ่นควัน เศษหินเศษดินปลิวว่อนตามลมแรง
เมฆดำมืดบนท้องฟ้าค่อยๆ สลายไป แสงจันทร์กำลังจะสาดลงมาอีกครั้ง และากำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
“มาเลย!”
เท้าของฉู่อวิ๋นเปล่งแสงราวภูตผี และเขากำลังจะพุ่งไปข้างหน้า!
แต่ทันใดนั้น เมื่อเมฆดำสลายไปและทั้งสองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กัน ก็ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักอย่างน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาฉับพลัน ทำลายบรรยากาศอันดุเดือดของทั้งสองฝ่ายในทันที
“กร๊อบ--”
เสียงกระดูกและเนื้อฉีกขาดออกจากกันและมีกระแสของเหลวพุ่งทะลักออกมา พร้อมกับเสียงฝีก้าวที่เร่งรีบ ทั้งยังมีกลิ่นคาวเืลอยมาตามลม ทำให้ทุกคนสับสนและหันไปสนใจแหล่งที่มาของเสียง
มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งของกลุ่มหมาป่าเข้ามาใกล้จากป่าทึบ เขายืนในท่าเดิม ถือกระบี่อยู่ในแนวนอน แต่กลับไม่มีสิ่งใดอยู่บนบ่า เืข้นหนืดไหลรินเป็สาย
ในเขณะเดียวกันก็มีศีรษะมนุษย์กลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้น ทั้งน่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาด
“หืม! เกิดอะไรขึ้น?”
“คนจากกลุ่มัเหล็กลงมือก่อนหรือ?!”
นักรบที่อยู่ใกล้ป่าทึบต่างก็หวาดผวา สถานการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหันนี้ทำให้ผู้คนตื่นกลัว พวกเขาไม่ได้เตรียมรับมือมาก่อน ใครเป็คนฆ่าชายคนนี้กัน?
มีเพียงซ่งอี้ที่อยู่ตรงกลางลานเท่านั้นที่สามารถสังหารนักรบในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณได้โดยไม่ต้องส่งเสียง
ทว่าก็เห็นๆ กันอยู่ว่าซ่งอี้ไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น
“ทุกคนระวัง! มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาใกล้เรา!!”
ซ่งอี้เป็คนแรกที่ตอบสนอง เขาะโเสียงดังและมองไปรอบๆ เื่เมื่อครู่นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและแปลกประหลาดเกินไป!
“ฟืด ฟืด ฟืด————”
ทันใดนั้น ศีรษะของอีกหลายคนก็ถูกตัดออกจากลำคอ สายโลหิตพุ่งกระฉูดขึ้นสู่ท้องฟ้า อาบย้อมดินใต้ฝ่าเท้าให้กลายเป็สีแดง สร้างความหวาดกลัวให้กับกลุ่มหมาป่าและคนอื่นๆ เป็อย่างมาก! แม้แต่หลางซื่อและเริ่นอวี่สิงในลานค่ายเองก็แสดงสีหน้าผวา
“ฟิ้ว——”
ลมยามค่ำคืนพัดโบกให้ผู้คนสั่นเทา เมฆครึ้มบนท้องฟ้าสลายไปแล้ว แสงสีแดงของพระจันทร์แดงเองก็หายไปเช่นกัน
“ต้อง... ต้องเป็พวกกลุ่มัเหล็กแน่เลย! น่ากลัวเกินไปแล้ว เราไม่อาจนั่งรอความตายได้แล้ว!”
"อ๊า...อ๊ากกก!! ฆ่า! ฆ่า!!!”
“บุกเลย! มอบชีวิตมา!!”
กลุ่มหมาป่าใกลัวและโกรธเคือง ดวงตาแดงก่ำไปด้วยเื พวกเขาสูญเสียสติไปอย่างสิ้นเชิง สถานที่แห่งนี้กลายเป็คลื่นมนุษย์ บ้าคลั่งราวกับคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่ง พวกเขารีบรุดขึ้นไปข้างหน้าพยายามตอบโต้กลับไป
“เหล่าพี่น้อง! บุก!”
"ให้พวกเขาได้ลิ้มรสกรงเล็บัเหล็กของเรา! ฆ่า!!"
ในอีกด้านหนึ่ง นักรบของกลุ่มัเหล็กก็ตื่นตัวและรีบพุ่งออกไปเช่นกัน!
แม้ว่าจะมีบางคนที่สงสัยเกี่ยวกับสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ แต่ ณ ตอนนี้ ทุกคนทำได้เพียงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ ใช้อาวุธห้ำหั่น พยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกฆ่าทั้งเป็!
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เสียงะโแห่งการฆ่าสั่นะเืไปถึงท้องฟ้า คลื่นมนุษย์ทั้งสองกลุ่มปะทะกันอย่างรวดเร็ว อาวุธและหมัดต่างๆ ห้ำหั่นกันอย่างรุนแรง แสงเย็นๆ สะท้อนแสงและส่งเสียงดังราวกับ้าทลายูเาแหวกแม่น้ำหลายร้อยลี้!
“ชึบ! ชึบ!”
“ฟึบ--”
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ก็มีคนถูกแทง ปรากฏรูขนาดใหญ่ที่ร่างกาย เืไหลออกมาไม่หยุด ต่อมาก่อนที่คนคนนั้นจะทันได้ตอบโต้ ร่างของเขาก็ถูกแทงด้วยอาวุธจำนวนนับไม่ถ้วนอีกครั้ง ร่างกายคล้ายถูกฉีกเป็ชิ้นๆ ตายจนไม่อาจตายได้อีก
“อาหนิว!” มีเสียงคนกรีดร้องตามมา เขา้าแก้แค้นให้สหาย พลังปราณแพร่กระจายออกไปเป็วงกว้าง ยกหอกกวาดไปทั่วทุกทิศ หลายคนถูกหอกแทงาเ็ นักรบจากกลุ่มหมาป่ากระเด็นออกไปจากวงล้อมนับไม่ถ้วน
แต่ก่อนที่พลังอันดุเดือดจะสิ้นสุดลง ชายคนนั้นก็ถูกฟันด้วยอาวุธหลายประเภท ร่างกายเปิดแผลเหวอะหวะ ตายไปอย่างไร้ร่างกายที่สมบูรณ์
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนต่างโจมตีกันจากทุกทิศทุกทาง ทุกคนต่างโกรธจัด บางคนเสียชีวิตในการต่อสู้ บางคนได้รับาเ็สาหัส เืสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่ว ดูไปแล้วพวกเขาดุร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่าเสียอีก
“ฟืด ฟืด ฟืด————”
เสียงกระดูกแตกเนื้อขาดดังขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซ้ำยังน่ากลัวไม่น้อย สถานที่แห่งนี้เหมือนนรกเข้าไปเรื่อยๆ
สถานการณ์วุ่นวายเกินคาด ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเพียงครู่เดียว พื้นก็เต็มไปด้วยแขนขาขาดวิ่น พลังปราณต่างๆ ยังคงสำแดงฤทธิ์พร้อมสีมงคลนับพัน เสียงะโแห่งการฆ่าฟันยังคงลุกโชน คลื่นลูกใหญ่ปกคลุมจนมืดครึ้ม อีกด้านหนึ่งมีแสงเย็นส่องผ่านท้องฟ้า เกิดแสงสะท้อนสีเืปรากฏขึ้นมาเป็ด่างดวง
ข้างๆ แม่น้ำใสไหลเชี่ยวเล็กๆ นี้ย้อมไปด้วยสีแดงเื ผสมปนเปกันไปจนได้กลิ่นคาวโชยมา
เดิมที ฉู่อวิ๋นอยากพุ่งไปข้างหน้า แต่นักรบของกลุ่มัเหล็กนั้นดุร้ายเกินไป ทั้งยังแทรกตัวเข้าไปสู้ได้อย่างต่อเนื่อง บังคับให้เขาถอยไปข้างหลังไม่หยุด
“ให้ตายเถอะ จะไม่ให้สู้เนี่ยนะ!”
เขารู้สึกลำบากใจอย่างมาก ไม่มีที่ให้เขาใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองได้เลย ในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ หากเขาใช้ทักษะกระบี่ระยะไกลอย่างกระแสดาราสุ่มสี่สุ่มห้า มีแต่จะทำร้ายพรรคพวกของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ
แต่เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจากระยะไกลโดยมีเศษชิ้นเนื้อกระเด็นไปทั่ว มีเืสาดกระเซ็นอย่างรุนแรง ฉู่อวิ๋นเองก็อดใไม่ได้ และคิดกับตัวเองว่า “ในระยะประชิด ช่องว่างในการฝึกฝนจะลดลงเป็อย่างมาก ท้ายที่สุดแล้ว ข้างหน้ามีหมาป่า ข้างหลังมีเสือ[1] ง่ายต่อการหามุมอับ!”
“มีเพียงโเี้ เหี้ยมยิ่งกว่าเหี้ยม มีตาอยู่ทุกทิศ มีหูอยู่ทุกทางเท่านั้น เราจึงจะอยู่รอดได้!”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็มองเห็นนักรบหลายสิบคนพุ่งเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาเปื้อนเืประปรายและดุร้ายอย่างยิ่ง ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและรักษาจิตใจให้สงบนิ่ง เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
“ซินเอ๋อร์ อยู่ข้างหลังไว้และคอยยิงธนูสนับสนุนเสีย! อย่าออกมาข้างหน้า! เ้าคือผู้ฝึกธนู ถ้ามีคนเข้าใกล้ต้องจบเห่แน่!”
ทันทีที่ฉู่อวิ๋นพูดจบ แสงเย็นห้าหกดวงก็ส่องมากระทบที่ศีรษะของเขา พลังนั้นน่าประหลาดใจมาก ทำให้เขาเหวี่ยงกระบี่ชื่อยวนออกไปทันที!
“ฟืดฟืด!”
ฉู่อวิ๋นก้าวเท้าหลบหลีกการโจมตีที่รุนแรงและโต้ตอบกลับ เขายกกระบี่ขึ้นฟันอย่างรวดเร็ว ดวงดาวจากกระบี่พุ่งออกมากระจายไปทั่วความว่างเปล่า ทันใดนั้น ร่างของนักรบกลุ่มหมาป่าอีกหลายคนก็ถูกตัดออกเป็ชิ้นๆ เืสีแดงฉานกระเซ็นแล้วหายลับไป
“สารเลว! ตายซะ!!”
“ฆ่า! บุก!”
ก่อนที่คลื่นกระบี่จะหมดลง นักรบในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณอีกเจ็ดคนก็พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง ถือกระบี่บินข้ามท้องฟ้า เงาหมัดเงาฝ่ามือเปล่งแสงด้วยพยายามฆ่าฉู่อวิ๋น!
“ย๊า!!!”
“ควั่บ!”
แสงกระบี่คล้ายทะเลสะท้อนแสงจันทร์ กลายเป็ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว สังหารพวกเขาไปได้สามคน ชิ้นเนื้อปลิดปลิวไปทั่วทุกที่!
“ชิ้ง ชิ้ง!”
ครู่ต่อมา ฉู่อวิ๋นก็ชักกระบี่ออกมาและก้าวถอยหลังเพื่อป้องกันการโจมตีของนักรบทั้งสี่ที่เหลือได้อย่างทันท่วงที เขาตื่นเต้นจนหนังศีรษะชาหนึบ รวบรวมแรงกดดันแล้วส่งออกไปราวพญาราชสีห์คำราม
ทันใดนั้น ร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ฝ่ามือกระชับกระบี่ชื่อยวนแน่น ร่างกายของเขากลายเป็ลำแสงหมุนวนและเปลี่ยนให้เป็ฝนสีเืตกลงมายังพื้นดิน
นักรบหลายคนที่อยู่ใกล้เคียงที่ถูกการโจมตีนี้ไปด้วยก็โอดโอยขึ้นมาทันที ร่างของพวกเขาถูกฉีกเป็ชิ้นๆ แสงกระบี่ที่หมุนวนอยู่รอบตัว ก่อนจะเอาพลังชีวิตของพวกเขาไป!
“ฮู่ว...” ฉู่อวิ๋นผ่อนลมหายใจ ด้วยกระบวนท่านี้ เขาได้สังหารนักรบที่อยู่ในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเจ็ดคนได้ในทันที แต่เขาเองก็เกือบจะหายใจไม่ออกเหมือนกัน
ยามนี้ มีนักรบอีกสิบคนพุ่งเข้ามา ทุกคนมีใบหน้าเปื้อนเื ดวงตาดุร้ายโเี้ มีกระทั่งเศษชิ้นเนื้อจำนวนนับไม่ถ้วนติดอยู่ตามร่างกาย น่ากลัวเป็ที่สุด
“ฆ่า!!!”
“ฆ่าสารเลวนั่นซะ!!”
เสียงบุกสังหารดังขึ้น ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว ยกกระบี่ชื่อยวนขึ้นและกำลังจะสู้กลับ
แต่ในตอนนี้เอง ธนูปัญจศรก็พุ่งผ่านความว่างเปล่าและมาถึงราวกับสายฟ้า แทงทะลุหัวทั้งสามคนและะเิกลายเป็หมอกเื
“ซินเอ๋อร์?”
“เ้าฆ่าพวกมันได้เลย! ข้าจะสนับสนุนเ้าจากด้านหลังเอง คนพวกนี้มันบ้าไปแล้ว! แม้แต่นักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณที่แข็งแกร่งบางคนข้าก็รับมือได้สบายมาก ไม่ต้องกังวล!”
มู่หรงซินยกธนูตามจันทร์ขึ้น รังสีแห่งพลังปราณรวมตัวกันราวกับเทพธิดาแห่งา เปล่งประกายอันล้ำค่าออกมาผ่านรูปลักษณ์ที่กล้าหาญ
“ได้!”
ฉู่อวิ๋นไม่พูดอะไรอีก เขาวาดกระบี่ชื่อยวนอีกครั้ง ร่างของเขาเปล่งประกายคล้ายดวงดาวที่อยู่กระจายไปทั่วท้องนภา คล้ายมัจจุราชมาเยือนโลกมนุษย์ เก็บเกี่ยวชีวิตของกลุ่มหมาป่ากลับไปอีกหลายคน!
“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!!!”
“ฆ่า!”
"ฆ่าพวกมัน!"
ยามนี้ ในค่ายเต็มไปด้วยเสียงแห่งการเข่นฆ่าด้วยความโกรธแค้น เสียงอาวุธกระทบกัน กองศพทับถมอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งยังเริ่มวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ! โลหิตที่หลั่งรินย้อมสีแม่น้ำจนแดงฉาน!
แต่ในขณะที่ทุกคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด ซ่งอี้ หลางซื่อและเริ่นอวี่สิงกลับยืนตัวตรงเผชิญหน้ากัน ณ ตรงนี้กลายเป็พื้นที่เดียวที่ไม่มีเื
พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป และไม่มีนักรบธรรมดาคนใดที่ขวัญกล้าเข้ามาหาเื่ใส่ตัว
ทว่าในความเป็จริง ตอนนี้พวกเขาทั้งสามหันความสนใจไปที่ป่าทึบ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ต่างก็อยากรู้ว่าทำไมนักรบจากกลุ่มหมาป่าจึงถูกโจมตีและสังหารอย่างกะทันหันได้เช่นเมื่อครู่นี้
นี่มันแปลกเกินไป ในฐานะนักรบขั้นมหาสมุทร พวกเขาไม่แม้แต่จะขยับตัว ต้องมีบุคคลที่สาม!
แสงพระจันทร์แดงย้อมพื้นพสุธา เืไหลหลั่งอย่างทะเลเื และเสียงร้องเข่นฆ่ายังคงดำเนินไม่จบสิ้น
ในเวลาเดียวกัน พลังอันมืดมนก็ค่อยๆ แผ่กระจายออกมาจากป่าทึบ
“หืม! มาแล้ว!”
ซ่งอี้และหลางซื่อส่งเสียงและมองลึกเข้าไปในป่าทึบพร้อมกัน แต่เมื่อมองเห็นสิ่งนั้นก็ต้องใในทันที
----------
[1] อุปมาถึงการมีศัตรูห้อมล้อม ไปข้างหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้