เฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยเดินเข้ามาในสภาพที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น เส้นผมเต็มไปด้วยผงสีหม่น ใบหน้าเปื้อนคราบเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาจนเจือสีเทาอ่อน หมี่หลันเยว่รีบรินน้ำชาเย็นสองแก้ว ส่งให้ทั้งคู่
"เหนื่อยแย่เลยใช่ไหมคะ มาดื่มน้ำชาเย็นให้ชื่นใจก่อนเถอะ"
ทั้งคู่รับแก้วไปซดรวดเดียวหมดแก้ว น้ำชาเย็นช่วยให้พวกเขาสดชื่นขึ้นมาบ้าง ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากความร้อนทำให้ไม่สบายตัวนัก
"หลันเยว่..."
เฉียนหย่งจิ้นเพิ่งจะเริ่มพูด ตั้งใจจะรายงานความคืบหน้าของวันนี้ให้หมี่หลันเยว่ทราบ แต่หมี่หลันเยว่ยกมือห้ามไว้
"พวกพี่สองคนไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ ค่อยคุยกันทีหลังก็ไม่สาย สภาพแบบนี้มันทรมานจะตาย"
เฉียนหย่งจิ้นก้มลงมองตัวเองแล้วหัวเราะแห้งๆ สภาพเขาตอนนี้มันสกปรกเกินทนจริงๆ รีบหันหลังเดินออกไปล้างหน้าล้างตา หลินเผิงเฟยก็ออกจากห้องของหนิวเถียจู้ กลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อชำระล้างร่างกาย เจิ้งซวี่เหยาเห็นว่าคนของหมี่หลันเยว่กลับมากันหมดแล้ว ก็รีบขอตัวกลับอย่างรู้กาลเทศะ
เขาไม่ได้กลับห้องของตัวเอง แต่ตรงไปยังห้องของแม่เจิ้ง เล่าเื่ราวทั้งหมดที่หมี่หลันเยว่ทำในวันนี้ให้แม่เจิ้งฟังอย่างละเอียด แม่เจิ้งฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาเป็ประกายระยิบระยับ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความเสียดาย
"หลันเยว่เป็คนที่เก่งจริงๆ ลูกรัก แม่ว่ามันน่าเสียดายจริงๆ"
เสียดายก็เสียดาย แต่ด้วยช่องว่างระหว่างอายุ ภูมิหลังทางสังคม และความสัมพันธ์ระหว่างครูและศิษย์ในตอนนี้ ทำให้ทั้งสองคนแทบไม่มีโอกาสที่จะสมหวัง ถ้าดึงดันที่จะสานสัมพันธ์กันต่อไป ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็ไปได้มากที่สุดคือการเ็ปด้วยกันทั้งคู่ เจิ้งซวี่เหยาไม่กลัวตัวเองจะเจ็บ แต่เขากลัวว่าหลันเยว่จะต้องเ็ป
"แม่ครับ คิดดูแล้วมันก็ไม่น่าเสียดายอะไรหรอก ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม ก็มีแต่จะทำให้คนสองคนต้องเ็ป ตราบใดที่เธอมีความสุข ผมก็ดีใจแล้วครับ แล้วก็แม่ต้องรีบลงมือหน่อยนะครับ รอให้ผมได้เป็พี่ชายบุญธรรมของเธอ ผมก็จะมีเหตุผลที่จะรั้งเธอไว้ข้างตัวแล้ว"
"ถึงจะไม่ได้เป็คนรัก แต่การได้ดูแลเธออย่างใกล้ชิดแบบนั้น ผมก็พอใจแล้วครับ แม่ครับ..."
เจิ้งซวี่เหยาวางศีรษะลงบนไหล่ของแม่ แสดงออกถึงความพึ่งพิงที่เด็กๆ เท่านั้นที่จะมีต่อแม่
“ถ้าแม่คลอดผมช้ากว่านี้อีกสักหน่อยก็คงดี ผมเกิดตอนเธอยังไม่เกิด… แต่พอเธอเกิด ผมก็แก่แล้ว…”
แม่เจิ้งไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ตบหลังมือลูกชายเบาๆ เธอสงสารลูกชาย แต่ก็สงสารเด็กสาวที่เธอเอ็นดูเช่นกัน บางที ครอบครัวของเธอและเด็กสาวคนนั้นอาจจะมีโชคชะตาที่ตัดกันไม่ขาด เมื่อเป็แบบนี้ ก็ขอให้เป็ไปตามความ้าของลูกชาย อย่าให้ความหวังทั้งหมดของลูกชายต้องพังทลายลงไป
ทางด้านหมี่หลันเยว่ แน่นอนว่าเธอไม่รู้เื่การสนทนาระหว่างเจิ้งซวี่เหยาและแม่เจิ้ง ตอนนี้เธอมีสิ่งที่ต้องทำมากมายจนไม่มีเวลามาดูแลความรู้สึกของคนรอบข้าง ในมือเธอถือสมุดบันทึกเล็กๆ ก้มหน้าก้มตาอยู่กับหมี่หลันหยางและหนิวเถียจู้ พวกเธอกำลังปรึกษาหารือถึงเื่ราวที่จะเกิดขึ้นต่อไป เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุด
"พี่คะ พี่เถียจู้ ลองดูอีกทีสิว่าเรามีอะไรตกหล่นไปหรือเปล่า ถึงเวลาของเราจะกระชั้นชิด แต่เราต้องไม่ประมาท ต้องคิดให้รอบคอบที่สุด ถ้าเตรียมการไม่ทันจนต้องเลื่อนวันเปิดร้านหรือเปิดโรงงาน นั่นก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าเป็เพราะเราคิดไม่รอบคอบจนเปิดร้านหรือเปิดโรงงานไม่ได้ละก็ น่าขายหน้าแย่เลย"
หมี่หลันหยางและหนิวเถียจู้พยักหน้าเห็นด้วย ถึงตอนนี้พวกเขาจะยังเด็ก แต่ก็เคยผ่านสนามรบทางการค้ามาบ้างแล้ว แน่นอนว่าพวกเขามั่นใจในตัวเอง ถ้ามีเื่ผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้น พวกเขาคงรู้สึกขายหน้ายิ่งกว่าที่หมี่หลันเยว่บอกเสียอีก
"หลัวเยว่ งั้นเรามาทบทวนกันอีกทีนะ เริ่มจากฝั่งร้านก่อน ไล่ไปทีละเื่ เริ่มจากเื่การตกแต่ง เผิงเฟยตกลงราคากับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ส่วนเื่ช่าง หย่งจิ้นตามประกบอยู่ เื่วัสดุ เผิงเฟยก็ตามอยู่ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร"
"ส่วนเื่พนักงานขาย ตอนนี้เถียจู้เริ่มดำเนินการแล้ว น่าจะมีผลสรุปในเร็ววัน ป้ายร้านและการประชาสัมพันธ์ อันนี้ต้องกำชับหย่งจิ้นอีกที อย่าให้เขาลืมเด็ดขาด"
หมี่หลันหยางพูดไป หมี่หลันเยว่ก็จดบันทึกตามไป พรุ่งนี้รอทั้งสองคนมาแล้วค่อยยืนยันอีกที
"ฝั่งร้านน่าจะไม่มีอะไรตกหล่นแล้วใช่ไหม"
หมี่หลันเยว่และหนิวเถียจู้ดูรายการที่จดบันทึกไว้อีกครั้ง พบว่าไม่มีอะไรแล้ว
"งั้นมาคุยเื่ฝั่งบ้านสี่ประสานกันต่อ"
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันถึงรายละเอียด เฉียนหย่งจิ้นก็รีบเดินเข้ามา ผมยังเปียกชื้นอยู่
"อาบน้ำไวอย่างกับจรวดเลยนะเนี่ย เร็วอะไรขนาดนี้"
หนิวเถียจู้แซวเขา ทั้งคู่รู้จักกันมานาน หนิวเถียจู้ยังคงสงวนท่าทีกับคนอื่นอยู่บ้าง แต่กับเฉียนหย่งจิ้น เขาค่อนข้างสบายๆ
"ไม่รีบไม่ได้ เื่มันเยอะ แบกไว้ในใจ ถ้าไม่แก้ก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ลง"
เฉียนหย่งจิ้นนั่งลงแล้วเริ่มเล่าเื่งานของเขาในวันนี้ ความคิดเห็นไม่ตรงกันกับช่างตกแต่ง วัสดุตกแต่งที่ร้านค้าส่งมามีปัญหา และเื่อื่นๆ อีกมากมาย
เฉียนหย่งจิ้นเอาเื่ราวต่างๆ มาปรึกษาหารือหาทางแก้ไขกับทุกคน เพราะต่างก็เป็ครั้งแรกที่จัดการเื่ต่างๆ ด้วยตัวเอง ต่างก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงแสดงความคิดเห็น ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พยายามจัดการเื่ต่างๆ ให้สมบูรณ์แบบที่สุด อย่าให้มีปัญหาตามมา
ยังไม่ทันที่เฉียนหย่งจิ้นจะเล่าเื่ราวทั้งหมดจบ หลินเผิงเฟยก็กลับมาอีกครั้ง ทั้งห้าคนจึงเริ่มหารือกันในเื่ของเฉียนหย่งจิ้นก่อน จากนั้นจึงเริ่มจัดระเบียบบ้านสี่ประสานที่หลินเผิงเฟยดูแลอยู่ การสร้างบ้านและการตกแต่งเป็เื่ที่ยุ่งยากกว่า การดำเนินการทั้งสองอย่างพร้อมกันเป็เพราะหมี่หลันเยว่้าตกแต่งบ้านให้เสร็จก่อนสักสองสามห้อง เพื่อที่จะได้ย้ายออกจากบ้านสกุลเจิ้ง
หลังจากที่อาศัยอยู่ที่บ้านสกุลเจิ้งมาได้ระยะหนึ่ง หมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าเป็การรบกวนสกุลเจิ้งมากเกินไป นอกจากจะกินอยู่และใช้สอยที่นี่แล้ว บ้านสกุลเจิ้งยังต้องช่วยเหลือเื่ต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่เป็ครั้งคราว แม้แต่เฉียนหย่งจิ้นที่หน้าด้านที่สุดก็ยังรู้สึกไม่ค่อยเป็ธรรมชาติกับการอยู่ที่นี่
แน่นอนว่าทางบ้านสกุลเจิ้งไม่ได้ว่าอะไร เจิ้งซวี่เหยาและแม่เจิ้งแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยากให้อยู่นานเท่าไหร่ก็อยู่ อยากให้อยู่จนถึงวันเปิดเทอมเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็เกรงใจที่จะอยู่ต่อไป จึงรีบเร่งตกแต่งบ้านที่บ้านสี่ประสาน
"ฝั่งสร้างบ้านก็ไม่มีอะไรมาก แค่สร้างบ้านสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังใหญ่ๆ แต่ฝั่งตกแต่งนี่สิมีปัญหาหน่อย ทุกคนเลือกห้องแล้วก็อยากตกแต่งในสไตล์ของตัวเอง รายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้เลยมีความขัดแย้งกันค่อนข้างมาก แล้วก็เหมือนที่หย่งจิ้นบอก วัสดุตกแต่งที่ร้านค้าส่งมา ต้องคัดเลือกกันให้ดีๆ ถึงส่วนใหญ่จะผ่านมาตรฐาน แต่ก็มีของที่ไม่ดีปนมาอยู่บ้าง"
เมื่อหลินเผิงเฟยพูดถึงความคืบหน้าของฝั่งบ้านสี่ประสาน ก็ทำหน้าเศร้าหมอง เื่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด วุ่นวายมากมาย ตอนนั้นคิดแค่ว่าจ้างคน ซื้อวัสดุ แล้วคอยดูการตกแต่งก็พอแล้ว แต่ผลปรากฏว่ามันไม่ใช่เื่ง่ายอย่างนั้น รายละเอียดมันเยอะเกินไป
"เราอย่าเพิ่งรีบร้อนเกินไป ให้ความสำคัญกับคุณภาพเข้าไว้ ถึงจะทำให้เสียเวลาไปบ้าง ก็ช่วยไม่ได้ อย่างน้อยก็ประหยัดเวลากว่าการแก้ไขงานนะ ถ้าต้องแก้ไขงานใหม่ละก็ งานเข้าแน่"
หมี่หลันเยว่ตัดสินใจที่จะให้ความสำคัญกับคุณภาพก่อน ส่วนเื่เวลา ก็สุดแล้วแต่ฟ้าลิขิต
"หลันเยว่พูดถูก ตอนแรกเราไม่ได้คิดถึงคุณภาพของแรงงานและคุณภาพของวัสดุ ไม่นึกเลยว่านั่นจะเป็เื่ที่ยุ่งยากที่สุด ดังนั้นพวกนายสองคนก็ช่วยกันหน่อย ดูแลเื่นี้ให้ดี ส่วนเื่การตกแต่งห้องต่างๆ ในบ้านสี่ประสาน เราไม่ต้องอะไรกันมาก ขอแค่พออยู่ได้ก็พอ"
คำพูดของหมี่หลันหยางได้รับการสนับสนุนจากเฉียนหย่งจิ้นเช่นกัน
"หลันเยว่ พวกเราเอาห้องสีขาวผนังขาวก็พอ ตอนนั้นเธอถามว่าเราอยากได้แบบไหน เราก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงพอย้ายเข้าไปอยู่แล้ว ค่อยซื้อของที่ชอบมาตกแต่งเอาเองก็ได้"
"อย่าให้เผิงเฟยตกแต่งห้องของเราให้เหมือนร้านค้าก็แล้วกัน มันไม่เข้าท่า เสียเงินเยอะ แถมไม่มีประโยชน์อะไร พวกเราเป็ผู้ชายทั้งนั้น ถ้าเธอตกแต่งห้องให้ฉูดฉาด เราก็ไม่อยากอยู่หรอก ขอแค่มีสี่ด้านก็พอแล้ว"
ทั้งสามคนก็เห็นด้วย ขอแค่มีผนังสี่ด้าน หมี่หลันเยว่คิดว่า ใน่กลางยุค 80 ก็ไม่ได้มีอะไรให้ตกแต่งมากมายนัก การทำผนังบุนวมก็ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าเกลียด
"ก็ได้ รอถึงตอนที่เตรียมของเข้าห้อง พวกพี่ค่อยเลือกของที่ชอบเองก็แล้วกัน"
"ได้ๆ เื่นั้นค่อยว่ากันทีหลัง เอาเงินไปใช้ให้ถูกที่ก่อน หลันเยว่ เธอบอกมาสิว่าวันนี้เธอทำอะไรไปบ้าง"
เฉียนหย่งจิ้นและคนอื่นๆ ไม่ได้ใส่ใจเื่การตกแต่งห้องมากนัก ห้องแบบไหนมันก็เหมือนๆ กัน
สิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุดคือเื่งาน ต้องจัดการเื่ต่างๆ ให้หมดเสียก่อน พวกเขาถึงจะสบายใจได้ เื่ต่างๆ เพิ่งเริ่มต้น ยังมองไม่เห็นภาพรวม ดังนั้นทุกคนจึงระมัดระวังในการเริ่มต้นให้ดี หวังว่าจะมีจุดเริ่มต้นที่ดี เพื่อที่จะได้ราบรื่นตลอดทาง
"ทางฝั่งฉันก็ยังดีอยู่ แค่ต้องหาโรงงานผลิตเพิ่ม..."
หมี่หลันเยว่นำเื่ราวต่างๆ ที่เธอและพี่ชายทำไปเล่าให้เฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยฟัง หลินเผิงเฟยมีความเห็นเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างมากที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะคนไม่พอ หมี่หลันเยว่ควรจะให้เขาเป็คนจัดการเื่นี้ ดังนั้นหมี่หลันเยว่จึงตั้งใจฟังความคิดเห็นของเขา
ส่วนงานของหมี่หลันหยางในตอนนี้ เป็สิ่งที่เฉียนหย่งจิ้นเคยทำมาบ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงให้คำแนะนำมากมายกับหมี่หลันหยาง และถอนหายใจในตอนท้ายว่า
"ถ้าคุณป้าอยู่ที่นี่ก็ดี คุณป้าเก่งเื่นี้ที่สุด"
"หลันหยาง หลันเยว่ หย่งจิ้น เผิงเฟย เถียจู้ ออกมากินข้าวได้แล้ว มีอะไรก็กินข้าวเสร็จแล้วค่อยคุยกัน ท้องหิวมันจะคิดอะไรไม่ออก"
เสียงใสของแม่เจิ้งดังขึ้นในลานบ้าน หลันเยว่รีบลุกขึ้นตอบรับ
"คุณป้ามาแล้ว"
เห็นหมี่หลันเยว่ออกจากห้องมาอย่างรวดเร็ว แม่เจิ้งก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู
"เร็วเข้า วันนี้เรากินบะหมี่เย็นสูตรพิเศษ ทำไว้นานจะไม่อร่อยแล้วนะ แล้วก็มีเนื้อวัวสูตรพิเศษ รับรองว่ากินแล้วหยุดไม่ได้"
"อย่างนั้นก็ดีเลยครับ คุณป้าเตรียมไว้พอหรือเปล่า ท้องพวกเราจุไม่น้อยเลยนะครับ"
แม่เจิ้งเอื้อมมือไปเคาะศรีษะเฉียนหย่งจิ้นที่ทะเล้น
"จะไม่พอใครกินก็ช่างเถอะ แต่ยังไงก็พอสำหรับเ้าลิงซนอย่างเธอนั่นแหละ รีบมากินเร็วเข้า!"
กลุ่มคนเดินเข้าไปในห้องอาหาร กลิ่นหอมสดชื่นก็ลอยเข้าจมูกของทุกคน
"ว้าว หอมจัง ต้องอร่อยแน่ๆ เลย"
เห็นเด็กๆ รีบนั่งลงที่โต๊ะอาหาร แม่เจิ้งก็ยิ้มด้วยความอิ่มเอิบ หนุ่มสาวนี่ดีจริงๆ ไม่มีอะไรมาขวางกั้นพวกเขาได้ ถึงจะมีอุปสรรคมากมาย พวกเขาก็ยังคงยิ้มสู้ แล้วก้าวเดินต่อไปอย่างยากลำบากแต่หนักแน่น
