เจิ้งหยวนไม่รู้ว่า ขณะที่ครอบครัวพวกเธอกำลังสนทนาเื่การแต่งงานของสกุลเฝิงบนโต๊ะกินข้าว ยังมีอีกครอบครัวหนึ่งที่ล้อมวงคุยเื่นี้เหมือนกัน
อาหารเป็ฝีมือเจิ้งสยา บุตรสาวคนโตของลุงใหญ่เจิ้ง แต่ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งไม่แสดงสีหน้าแง่บวกใดๆ ต่อลูกสาวที่ทำงานหนักสักนิด ยิ่งวันนี้ถูกเจิ้งหยวนยั่วโมโหมา พอเห็นบุตรสาวแท้ๆ ของตนรูปร่าวผอมแห้ง ทั้งยังมีผิวดำคล้ำก็หน้าหงิกงอกว่าเดิม เธอเอื้อมมือไป
บิดแขนของเสี่ยวสยาทันที แล้วเอ่ยวาจาเราะราย“กินๆๆ กินอยู่นั่นแหละ! เป็ผีอดตายกลับมาเกิดเหรอ!”
เจิ้งสยาโดนแม่บิดแขนจนชามเกือบคว่ำ เธอรีบประคองชามพยายามปกป้องอาหารเย็นวันนี้ของตัวเอง หากหกไป เธอต้องถูกแม่ต่อว่าอีกแน่ ซ้ำร้ายอาจถูกตีด้วย ความจริงมันเป็แค่น้ำแกงแป้งมัน ทั้งยังเจือจาง ไม่พอยาไส้สักนิดเดียว แต่หากไม่กิน เธอคงได้หิวตายจริงๆ
“ดูแกสิ เงียบเป็เป่าสากเหมือนไม้ตะบองแน่ะ! ฉันคลอดเด็กผลาญเงินอย่างแกมาทำไมกันนะ ถ้าแกพูดจาฉะฉานได้สักครึ่งของเจิ้งหยวน ยี่สิบแล้วคงไม่ถึงกับแต่งไม่ออกหรอก!” ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งกินข้าวพลางบ่นเจิ้งสยาฉอดๆ ไม่หยุดปาก “มองหน้าตอบๆ ปากแหลมๆ ของแกแล้ว ไม่มีวาสนาเอาเสียเลย!”
คำพูดนี้ทำเจิ้งสยาไม่อาจนิ่งเฉยได้ในที่สุด เธอเงยหน้ามองผู้เป็แม่
ป้าสะใภ้เจิ้งตวัดสายตา “มองอะไร ไม่ต้องมองแล้ว มองไปการแต่งงานกับสกุลเฝิงก็ไม่ตกมาถึงแกหรอก!”
เจิ้งสยาอ้าปาก ยังไม่ทันพูด ลุงใหญ่เจิ้งก็ชิงถามเสียก่อน “เกิดอะไรขึ้น?”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งบอก “จะอะไรซะอีกล่ะ เด็กเจิ้งหยวนนั่นตกลงแต่งให้สกุลเฝิงแล้ว” ใบหน้าเธอเผยความเสียดายล้ำลึก สกุลเฝิงน่าเกี่ยวดองด้วย เฝิงเจี้ยนเหวินก็เป็ทหาร และเป็นายทหารชั้นสัญญาบัตร เงินเดือนสูง หากเสี่ยวสยาแต่งไปจะสามารถสงเคราะห์เงินบ้านเดิมได้ น่าเสียดาย โดนยัยเด็กเจิ้งหยวนฉกไปแล้ว เธอเอ่ยอย่างแค้นเคือง “เด็กนั่นนิสัยเสียขนาดนั้น ทำไมยังปล่อยโอกาสดีๆ ให้เธออยู่เรื่อย?”
ลุงใหญ่เจิ้งทานเกือบเสร็จแล้ว เขาวางตะเกียบลงแล้วว่าบ้าง “พอแล้ว การแต่งงานเดิมทีก็เป็ของเจิ้งหยวน ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอเสนอเื่นั้นมาั้แ่ต้น ครอบครัวเราอยากดองญาติคราวนี้ สกุลเฝิงอาจไม่ยินดีด้วยนะ”
ลูกชายของลุงใหญ่ เจิ้งเทียนหู่เอ่ย “นั่นสิ แม่ ไม่มองเลยว่าเจิ้งหยวนหน้าตาเป็ยังไง แล้วเสี่ยวสยาเป็แบบไหน?” เขาปรายตามองน้องสาวตัวเองอย่างดูแคลน แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจเหมือนมองขยะ “เจิ้งหยวนนิสัยไม่ดี แต่หน้าตางดงาม ถ้าเธอไม่หมั้นหมายไว้ คนในกองไม่รู้ตั้งเท่าไรที่อยากสู่ขอเธอ ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวฉัน ฉันก็อยาก…”
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งตวัดสายตามองค้อนลูกชายทันที “เด็กเวร แกพูดบ้าอะไรไร้สาระ!”
เจิ้งเทียนหู่เอ่ยหน้าทะเล้น “ผมแค่พูด แค่พูดน่ะ” เขาไม่ได้โกหก เจิ้งหยวนหน้าตาดีจริงๆ เธอมีผิวขาวหมดจด ดวงหน้ารูปไข่ห่านสมมาตร ดวงตาดอกท้อคู่หวานซึ้งราวกับสื่อความหมายได้ เดิมทีสกุลเจิ้งไม่มีใครอัปลักษณ์อยู่แล้ว และเจิ้งหยวนก็เป็คนที่หน้าตาดีที่สุดในบ้าน หากเขาสามารถแต่งภรรยาหน้าตาเช่นนี้ได้ อย่าว่าแต่นิสัยไม่ผ่าน ต่อให้ี้เีตัวเป็ขน เขาก็ยินดี
เงียบไปพักหนึ่ง เจิ้งเทียนหู่ก็พูดขึ้นมาอีก “แม่ เมื่อไรจะหาภรรยาให้ผมล่ะ เจิ้งหยวนใกล้แต่งงานแล้ว ผมอายุมากกว่าเธอตั้งหลายปีนะ!”
เมื่อพูดถึงหัวข้อนี้ ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งถอนหายใจฉับพลัน “บ้านก็ไม่มีเงิน จะเอาอะไรมาจับคู่ให้แก” ลูกชายของเธอสุขภาพอ่อนแอ สตรีพื้นเพดีๆ ไฉนจะอยากแต่งเข้ามา? คนใบ้ร่างกายพิการนิดหน่อยกับคนจากครอบครัวยากจน แม้จะ้าสินสอดไม่มาก แต่ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งก็ดูถูกอยู่ดี
“ไม่มีเงินก็ให้น้องสาวแต่งกับไอ้เป๋แซ่หลิวสิ คราวก่อนแม่สื่อบอกว่าไอ้เป๋แซ่หลิวยอมให้สินสอดสองร้อยหยวนไม่ใช่เหรอ?” เจิ้งเทียนหู่ว่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้