เสวียนเทียนอ่านตำราวิชาปราณไปหลายชุดวิชาปราณชั้นทองขั้นสูงยอดเยี่ยมกว่าชั้นทองขั้นกลางอยู่มากจริงๆแต่ละแบบก็มีจุดดีของตัวเอง
ในนั้นวิชาปราณหยางบริสุทธิ์และปราณเบิกนภาโดดเด่นที่สุดวิชาปราณทั้งสองวิชาสามารถสร้างปราณแท้ได้ ซึ่งง่ายต่อการก้าวเข้าสู่ชั้นเบิกนภา
สิ่งที่อยู่ในร่างของผู้ฝึกยุทธ์คือพลังภายในมีเพียงการก้าวเข้าสู่ชั้นเบิกนภาเท่านั้นถึงจะสามารถเปลี่ยนพลังภายในให้กลายเป็ปราณแท้ได้ส่งปราณแท้ออกไปนอกร่างเพื่อสังหารศัตรูจากระยะร้อยก้าวคนที่เก่งกาจทำได้แม้กระทั่งสังหารศัตรูที่ห่างออกไปเป็พันก้าวความสามารถแข็งแกร่งกว่าขั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบอยู่มากปราณหยางบริสุทธิ์และปราณเบิกนภาล้วนล้ำหน้ากว่าวิถีปราณอื่นในชั้นทองขั้นสูงแต่ทั้งคู่ต่างก็มีข้อเสีย ปราณหยางบริสุทธิ์จะต้องรักษาพรหมจรรย์ส่วนปราณเบิกนภาต้องมีความเข้าใจอันลึกล้ำถึงจะฝึกฝนได้
ขอบขั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบเป็รากฐานของวิถียุทธ์วิถีปราณที่ฝึกฝนกำหนดความสำเร็จทั้งชีวิตของการฝึกยุทธ์ หากฝึกปราณหยางบริสุทธิ์ทั้งชีวิตต้องรักษาพรหมจรรย์ถ้าหากเสียพรหมจรรย์พลังปราณหยางบริสุทธิ์ในร่างก็จะรั่วไหล รากฐานพลังถูกทำลายพลังปราณแตกซ่าน หากคิดฝึกใหม่ก็ต้องเริ่มจากศูนย์
เสวียนเทียนในฐานะที่เป็บุรุษผู้ข้ามโลกคนหนึ่งต่อให้บั่นคอก็ไม่ขอฝึกวิชาปราณที่ต้องรักษาร่างกายให้เป็พรหมจรรย์อุตส่าห์ตายแล้วโชคดีได้มาเกิดที่ต่างโลกทั้งที ก็ต้องใช้ชีวิตให้เต็มที่มีแค้นก็ต้องล้างแค้น มีบุญคุณก็ต้องตอบแทน บุญคุณความแค้นรักชังหญิงงามทั่วหล้าล้วนพลาดไม่ได้
ส่วนปราณเบิกนภาต้องมีสติปัญญาและความเข้าใจอันลึกซึ้งก็เหมาะพอดีกับเงื่อนไขของเสวียนเทียน เสวียนเทียนเป็คนสองภพแต่เดิมความคิดอ่านก็มากเกินคนธรรมดา ต่อมายังพบเหตุการณ์พิสดารที่บึงซ่อนกระบี่หลังจากกระบี่หยกขาวเล่มน้อยเล่มนั้นเข้ามาอยู่ที่หว่างคิ้วพลังสติปัญญาก็เพิ่มพูนขึ้นมาอีกมาก วิทยายุทธ์ต่างๆ นานาของชั้นทองขั้นกลางเสวียนเทียนล้วนฝึกฝนจนไปถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่อย่างง่ายดาย
วิชาปราณชั้นทองขั้นสูงมีทั้งหมดเจ็ดขั้นปราณเบิกนภาก็ไม่ต่าง สามชั้นแรกค่อนข้างง่ายชั้นที่สี่เป็ชั้นของการบรรลุบางส่วน ชั้นที่หกเป็ชั้นของการบรรลุส่วนใหญ่ส่วนชั้นที่เจ็ดเป็ชั้นสำเร็จวิชา
ต้องฝึกฝนให้บรรลุขั้นชั้นสำเร็จวิชาและฝึกจนถึงจุดที่สูงที่สุดเสียก่อนถึงจะสามารถฝึกปราณแท้ของชั้นเบิกนภาได้แต่การฝึกฝนยากยิ่งนัก ั้แ่สำนักก่อตั้งขึ้นมาผู้ที่ฝึกฝนวิชาปราณชนิดนี้จนถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่ก่อนจะเข้าสู่ชั้นเบิกนภาได้มีไม่เกินสามคน
“ปราณเบิกนภา เป็เ้านี่แหละ”
ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยเสวียนเทียนเลือกวิถีปราณเบิกนภาเขามั่นใจมากว่าจะสามารถฝึกฝนปราณเบิกนภาจนถึงชั้นสำเร็จวิชาได้
“ศิษย์น้องท่านนี้ ปราณเบิกนภาในบรรดาวิถีปราณชั้นทองทั้งหมดเป็วิถีที่ฝึกยากที่สุด สำนักเราสืบทอดมาพันกว่าปีมีเพียงสามคนเท่านั้นที่ฝึกปราณเบิกนภาได้สำเร็จ่ก่อนอายุยี่สิบของผู้ฝึกยุทธ์เป็่เวลาทองของการฝึกฝนความสำเร็จในวันข้างหน้าผูกพันตัดไม่ขาดจากพลังวัตรตอนอายุยี่สิบปีของเ้าเ้าลองดูๆ วิถีปราณแบบอื่นเสียดีกว่า อย่าได้ปล่อย่เวลาทองของการฝึกฝนไปเสียเปล่าเลย”
ตอนที่เสวียนเทียนกำลังอ่านวิถีปราณเบิกนภาอยู่นั่นเองข้างกายก็มีคนเข้ามาเตือนด้วยความหวังดี
เสวียนเถียงหันศีรษะไปอีกฝ่ายเป็เด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหก แก่กว่าตนเพียงปีสองปี หน้าตาดูสง่าหล่อเหลาไม่ธรรมดา ชวนให้คนมองรู้สึกดี
เสวียนเทียนยิ้มเล็กน้อยพลางตอบว่า “ขอบคุณศิษย์พี่ที่ชี้แนะ แต่ศิษย์น้องตัดสินใจแน่วแน่แล้วจะฝึกฝนวิถีปราณเบิกนภานี้”
“ดื้อ” เด็กหนุ่มผู้นั้นเมื่อเตือนแล้วอีกฝ่ายไม่ฟัง ก็หันตัวเดินจากไป
เสวียนเทียนไม่เก็บมาใส่ใจยังคงอ่านคัมภีร์ปราณเบิกนภาต่อไป
ไม่นานเสวียนเทียนก็จดจำวิธีฝึกฝนปราณเบิกนภาได้ขึ้นใจ
ตอนนี้เองเขาถึงเพิ่งค้นพบว่าไม่เพียงแต่พลังปัญญาของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นแม้กระทั่งความจำก็เปลี่ยนไปด้วย เพียงมองผ่านก็ไม่ลืม อ่านเพียงรอบเดียวก็จดจำวิชาปราณเบิกนภาได้ถึงเจ็ดแปดส่วนอ่านสองรอบก็สลักลึกในความจำ อ่านรอบที่สามก็กระจ่างแจ้งแก่ใจจนหมดสิ้น
หลังจากอ่านสามรอบเสวียนเทียนก็วางคัมภีร์ปราณเบิกนภาลงเดินมาทางหมวดคัมภีร์ท่าร่างและคัมภีร์วิชาตัวเบา
ผ่านไปไม่นานในมือของเสวียนเทียนก็มีคัมภีร์เพิ่มขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง...ศาสตร์เงาพยัคฆ์
ศาสตร์เงาพยัคฆ์ เป็วิชาตัวเบาชั้นทองขั้นสูงทะยานว่องไวดุจเสือชีตาห์ยามกวดไล่เหยื่อ ะเิความเร็วสูงสุดได้ในพริบตาทั้งยังเด่นในเื่วิ่งทางไกล
ความเร็วของเสือชีตาห์รวดเร็วยิ่งนัก เป็หนึ่งในสัตว์ร้ายที่รวดเร็วที่สุดบนพื้นดินยามออกวิ่งดั่งเงาสายหนึ่งวูบผ่านไป ศาสตร์เงาพยัคฆ์ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็วิชาตัวเบาที่มีความเร็วว่องไวชนิดหนึ่ง
เสวียนเทียนนั้น ในด้านการต่อสู้ระยะประชิดเขาได้ร่ำเรียนวิชาท่าร่างก้าวย่างอสรพิษชั้นทองขั้นกลางมาแล้วฝึกวิชาตัวเบาที่ใช้วิ่งทางไกลอีกหนึ่งประเภทย่อมเหมาะสมเป็ที่สุดหลังเปรียบเทียบอยู่พักหนึ่งเสวียนเทียนก็เลือกศาสตร์เงาพยัคฆ์ที่เน้นความเร็วเป็เอกมา
ผ่านไปไม่นานเสวียนเทียนก็จดจำศาสตร์เงาพยัคฆ์ได้ขึ้นใจ
คัมภีร์หมวดเพลงหมัดเพลงเตะตอนนี้เสวียนเทียนยังไม่คิดไปดู เขาเดินตรงไปยังหมวดคัมภีร์วิชากระบี่
ความสามารถของผู้ฝึกกระบี่หนึ่งคือสั่งสมพลังวัตรของตน สองคือการฝึกฝนวิชากระบี่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีมือกระบี่ไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับการฝึกฝนวิชากระบี่ สามารถอาศัยวิชากระบี่ล้มผู้ที่มีพลังวัตรอยู่ในชั้นเดียวกันหรือแม้กระทั่งล้มผู้ที่มีพลังวัตรอยู่ในชั้นที่เหนือกว่าหนึ่งขั้นได้
การฝึกฝนวิชาหมัดเตะและฝ่ามือรอฝึกฝนวิชากระบี่สำเร็จแล้วค่อยมาฝึกก็ยังไม่สายอีกประการหนึ่งเสวียนเทียนก็ฝึกเพลงหมัดกระทิงดุจนถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่แล้วทรงพลังกว่าเพลงหมัดชั้นทองขั้นสูงที่สำเร็จแค่ระดับบรรลุบางส่วนอยู่นิดหน่อยด้วยซ้ำตอนนี้เพียงพอให้ใช้แล้ว
เสวียนเทียนเดินเข้าไปหน้าชั้นหนังสือคัมภีร์วิชากระบี่หยิบคัมภีร์ที่วางอยู่เล่มแรกขึ้นมาเปิดออกดู
เพลงกระบี่ดับเงา เพลงกระบี่ชั้นนิล...
“หืม?”
สองตาของเสวียนเทียนเบิกกว้าง จ้องคัมภีร์ตาโตหอวิชายุทธ์ชั้นหนึ่งมีแต่คัมภีร์ชั้นทอง คัมภีร์ชั้นนิลมีอยู่แค่บนชั้นสองบนนั้นมีแค่ศิษย์ในถึงจะขึ้นไปได้
ทำไม?
บนชั้นหนึ่งของหอวิชายุทธ์กลับมีคัมภีร์ชั้นนิลเล่มหนึ่งอยู่ได้
อีกทั้ง!
คัมภีร์ชั้นนิลเล่มนี้กลับไม่มีลูกศิษย์คนไหนเห็นไม่มีใครสักคนถามขึ้นมา
เสวียนเทียนหยิบคัมภีร์เพลงกระบี่ดับเงาศิษย์พี่ที่อยู่ข้างๆ สองสามคนมองมาที่เขาวูบหนึ่ง สายตานั่นเหมือนกับคนเมืองมองตาสีตาสาบ้านนาที่เพิ่งเข้าเมือง...เ้าช่างไม่รู้อะไรเลย
แน่นอนว่า
ศิษย์พี่เหล่านี้ล้วนเคยเห็นคัมภีร์เพลงกระบี่ดับเงาเพียงแต่ไม่รู้ทำไม พวกเขาถึงพากันดูถูกคัมภีร์เพลงกระบี่ดับเงาเล่มนี้
เสวียนเทียนพลิกคัมภีร์เพลงกระบี่ดับเงาไปอีกหน้าบนนั้นมีคำตอบให้กับความสงสัยของเสวียนเทียน
คัมภีร์หน้าที่สองบันทึกไว้ว่า
เพลงกระบี่ดับเงาเป็เพลงกระบี่เฉพาะตัวของจูอู๋อิ่ง มือสังหารอันดับหนึ่งผู้มีฉายาว่า ‘หนึ่งกระบี่ดับชีวิต’ ของอาณาจักรเสินเตาเมื่อร้อยปีก่อน ได้ชื่อว่าเป็มือสังหารที่รวดเร็วเป็อันดับหนึ่งสังหารคนด้วยกระบี่เดียวดับดิ้น แก่นหลักของเพลงกระบี่ดับเงาก็คือคำว่า ‘เร็ว’ จำต้องประกอบกับวิถีจิตเฉพาะตัวของจูอู๋อิ่งถึงจะฝึกฝนได้ทางสำนักบังเอิญได้คัมภีร์เพลงกระบี่ดับเงานี้มา แต่ไม่รู้ร่องรอยวิถีจิตของจูอู๋อิ่งเมื่อไม่มีวิถีจิตเฉพาะตัวของจูอู๋อิ่งกระบวนท่าของเพลงกระบี่ดับเงาเต็มที่ก็มีพลังเทียบเท่ากับเพลงกระบี่ชั้นทองลูกศิษย์ผู้มีสติปัญญาดี ยามว่างหากสนใจก็ลองศึกษาดูได้
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้เพลงกระบี่ดับเงามีเพียงกระบวนท่ากระบี่ไม่มีวิถีจิต ไม่อาจบรรลุถึงขอบขั้นความ ‘เร็ว’ ของเพลงกระบี่ดับเงาได้
คัมภีร์ชั้นนิลขึ้นไปล้วนมีวิถีจิตควบคู่ไปด้วยพลังปราณของชั้นเบิกนภาต้องขยับถ่ายเทตามหลักวิถีจิตถึงจะแสดงพลังของวิทยายุทธ์ชั้นนิลแต่ละอย่างออกมาได้เกินขอบเขตที่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาจะเข้าถึงได้
ไม่แปลกที่ไม่มีลูกศิษย์คนไหนมาดูคัมภีร์เพลงกระบี่ดับเงาคงเคยมาดูกันหมดแล้วแต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็โครงเปล่า จึงทิ้งไปไม่เหลียวแล
แต่ในใจของเสวียนเทียนไม่ได้ผิดหวังกับคัมภีร์เพลงกระบี่ดับเงาไปเสียทีเดียวตรงกันข้าม ในใจกลับเกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้น
เพลงกระบี่ดับเงาเป็ถึงเพลงกระบี่ชั้นนิลแม้จะไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็ชั้นนิลขั้นไหนทว่าในเมื่อเป็ถึงเพลงกระบี่ที่จูอู๋อิ่งผู้ได้ฉายามือสังหารอันดับหนึ่งของอาณาจักรเสินเตาผู้มีฉายายิ่งใหญ่อย่าง ‘หนึ่งกระบี่ดับชีวิต’ เป็ผู้สร้างขึ้นมา ระดับต้องไม่ต่ำเตี้ยเป็แน่
แต่เดิมสติปัญญาของเสวียนเทียนก็สูงอยู่แล้วความเข้าใจในวิทยายุทธ์เหนือกว่าผู้อื่นหลังประสบเื่พิสดารที่บึงซ่อนกระบี่จนได้กระบี่หยกขาวเล่มน้อยมาอยู่ในหว่างคิ้วความเข้าใจในเพลงกระบี่ก็เพิ่มขึ้นไปถึงจุดที่ผิดประหลาดจากผู้คน
หากสามารถเข้าใจเพลงกระบี่ดับเงาได้สักหนึ่งหรือสองส่วนย่อมต้องยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเพลงกระบี่ชั้นทองขั้นสูงอยู่มากโข
ในใจของเสวียนเทียนยินดี ตัดสินใจแน่วแน่จะเลือกเพลงกระบี่ต้องเป็เพลงกระบี่ดับเงานี้เท่านั้น
เปิดไปหน้าที่สาม เสวียนเทียนอ่านต่อไปเพราะความตื่นเต้น มุมปากจึงมีรอยยิ้มลางๆที่ก้ำกึ่งระหว่างความยินดีกับความตื่นเต้น
วิทยายุทธ์ทั่วหล้า แกร่งใดล้วนทลายเพียงเร็วไม่ทลาย...
หน้าที่สาม เป็หลักโดยรวมของเพลงกระบี่ดับเงากล่าวถึงความสำคัญของความเร็ว
เพลงกระบี่ดับเงามีทั้งหมดเจ็ดกระบวนท่า ตัดหัวใจทะลุคอ แทงขนง บั่นเอว สะบั้นร่าง ไร้ศีรษะ ดับเทวะ
จากหน้าที่สี่เป็ต้นมาก็เป็ภาพวาดแต่ละกระบวนท่ามีมากกว่าสิบหน้า จากแต่ละมุม แต่ละเสี้ยวนาทีวาดประบวนท่าแต่ละท่าไว้ มีเพียงกระบวนท่าสุดท้ายไม่มีภาพวาด เพียงบรรยายกระบวนท่าดับเทวะไว้สี่คำ “ท่านี้ไร้รูป ให้จิตชักนำ”
เสวียนเทียนดูกระบวนท่าของเพลงกระบี่ดับเงาซ้ำไปซ้ำมาแม้ว่ากระบวนท่าทั้งเจ็ดแต่ละท่าจะรุนแรงถึงชีวิต ตำแหน่งที่โจมตีหากไม่ใช่หัวใจก็เป็ลำคอหรือหว่างคิ้ว โดยเฉพาะท่าสุดท้ายสะบั้นร่างของศัตรูให้แยกเป็สองส่วน แต่กระบวนท่ากระบี่เหล่านี้จริงๆแล้วไม่ได้ทรงพลังเลย
เพราะทั้งเจ็ดกระบวนท่าล้วนแต่เป็การโจมตีหาได้มีการป้องกันไม่ หากไม่มีความเร็วมากพอไม่สังหารศัตรูให้ตายภายในหนึ่งการโจมตีเกรงว่าฝั่งที่ตายคงเป็ตนเอง
หากเป็คนธรรมดามองกระบวนท่ากระบี่ธรรมดาเหล่านี้เกรงว่าคงจะเลิกดูไปนานแล้ว
แต่ว่าเสวียนเทียนไม่เป็เช่นนั้นปัญญาของเขาผิดจากคนอื่นจากกระบวนท่าธรรมดาเหล่านี้เขารับรู้ได้ถึงห้วงความคิดกระแสหนึ่ง ไม่สนคุณธรรมเดียวดายเข่นฆ่า เหมือนดั่งจิติญญาทั้งหมดของตนดำดิ่งเข้าไปในภาพวาดกระบวนท่ากระบี่เ่าั้
เบื้องหน้าของเสวียนเทียนไม่มีคัมภีร์ไม่มีชั้นหนังสือ ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น เป็ความว่างเปล่าผืนหนึ่งแต่แสงกระบี่สายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น สาดแสงแล้วสลายไป พริบตานั้นใจของเสวียนเทียนลิงโลด กระบี่เล่มนั้นเหมือนตกมาจากฟ้า ตัดผ่านความว่างเปล่าแล้วกลับคืนสู่ฟากฟ้าไป รวดเร็วเกินคาด ในใจเสวียนเทียนเหมือนบรรลุบางอย่างบรรดาศิษย์พี่ที่อยู่ด้านข้างเห็นเสวียนเทียนกอดคัมภีร์เพลงกระบี่ดับเงาท่าทีตื่นเต้นเหมือนกับพบสมบัติ ความคิดดำดิ่งไปในคัมภีร์ ขยับยิ้มเย้ยหยัน