เซี่ยเสี่ยวหลานสอบเกาเข่าเพียงคนเดียว ทว่าคนที่สนิทชิดใกล้เธอ คนที่เกลียดชังเธอ ผู้คนมากมายก่ายกองกำลังรอคอยคะแนนของเธอ
ผลการสอบจะเป็เช่นไร เซี่ยเสี่ยวหลานทราบดีกว่าใครทั้งนั้น และเธอก็ไม่ร้อนรนแม้แต่นิดเดียว ในเมื่อยืนยันใบแสดงความประสงค์ส่งไปแล้วก็ค่อยๆ รออย่างใจเย็นเถอะ วันที่ 7 กรกฎาคมสอบเกาเข่า วันที่ 12 กรกฎาคมประเมินคะแนนและกรอกความประสงค์ ดังนั้นผลคะแนนควรประกาศภายในวันที่ 16 กรกฎาคมเป็อย่างช้าที่สุด ตอนนี้ข้อสอบของมณฑลอวี้หนานคงจะยังกระจุกตัวอยู่ในซางตูเพื่อรอการตรวจสินะ อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับการคัดเลือกมาจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วมณฑลกำลังดำเนินการตรวจข้อสอบอย่างเข้มข้น
ไม่รู้ว่าเื่การประเมินคะแนนของเซี่ยเสี่ยวหลานเผยแพร่ออกไปได้อย่างไร เนื่องจากก่อนหน้านี้คะแนนสอบคัดเลือกรอบแรกของเธอคืออันดับหนึ่งประจำเมือง จึงมีคนอิจฉาริษยาลับหลังเป็ธรรมดา ทว่าไม่มีใครแสดงความสงสัยออกมาในที่สาธารณะ ใช่ คะแนนประเมินนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานสูงเหลือเกิน อดีตอันดับหนึ่งของอันชิ่งเซี่ยนอีจงที่ปัจจุบันเป็อันดับสอง ก็ประเมินคะแนนไม่เกิน 540 คะแนนเช่นกัน
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับประเมินสูงถึง 584 คะแนน จำนวนเท่ากับคะแนนอันดับหนึ่งสายวิทย์ประจำมณฑลของปีที่แล้ว... ถ้าคะแนนสูงขนาดนี้ได้จริงๆ เธอจะสามารถคว้าอันดับหนึ่งสายวิทย์มณฑลอวี้หนานของปีนี้ได้อย่างแน่นอน!
อย่างไรเสียจากข่าวที่อาจารย์ใหญ่ซุนสืบเสาะมา ไม่มีใครจากเฟิ่งเสียนอีจงและเอ้อร์จงประเมินสูงถึง 580 คะแนนแม้แต่คนเดียว
ในขณะที่การประเมินคะแนนของแต่ละโรงเรียนมัธยมปลายจบลงแต่ยังไม่ได้ส่งใบแสดงความประสงค์ ดังนั้นระหว่างหลายโรงเรียนจะแลกเปลี่ยนข้อมูลคะแนนสูงสุดของตนอย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่นนักเรียนดีเด่นที่สามารถสอบได้คะแนนสูงทั้งสองคน ทำไมต้องไปยื้อแย่งกันในหัวชิงทั้งคู่ อีกคนหนึ่งสมควรยื่นเข้าจิงต้า ถึงจะเพิ่มอัตราการเข้าเรียนได้ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลัวการถูก ‘จัดให้เหมาะสม’ นั่นเอง จึงเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่อนุญาตให้แก้ไขใบแสดงความประสงค์ของเธอ เอาเป็ว่าเธอเขียนความประสงค์ไว้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ใบแสดงความประสงค์ของเธอมีเพียงมหาวิทยาลัยหัวชิงหนึ่งเดียวเท่านั้น กวาดสายตาทั่วทั้งเมืองเฟิ่งเสียน ใครที่คิดว่าตนเองจะสอบได้ดีกว่าเธอ แม้กล้าเข้ามาลองปะทะตัวต่อตัว ถ้าไร้ความมั่นใจ มีแต่ฝ่ายนั้นที่ต้องหลีกหนี... นักเรียนดีเด่นปะทะนักเรียนดีเด่น ก็แข่งขันชิงดีชิงเด่นกันในจุดนี้มิใช่หรือ!
ก่อนที่ผลสอบจะออกมา เซี่ยเสี่ยวหลานอยากหาอะไรให้ตนเองทำสักหน่อย
สองเดือนล่าสุดที่ผ่านมาคือการจดจ่อทุ่มเทความพยายามทั้งหมดจริงๆ พอมีเวลาว่างหยุดพักเพียงชั่วระยะหนึ่งในตอนนี้ ตัวเธอเองจึงยังไม่ค่อยชินนัก
เช่นนั้นก็ปรึกษาหารือการออกแบบบ้านกับกงหยางดีกว่า เซี่ยเสี่ยวหลานอยากสร้างบ้านสองชั้นสักหลัง เหมือนประเภทบ้านพักตากอากาศหลังย่อมในชนบท
สำหรับแนวการตกแต่งอย่างปูกระเบื้องเซรามิกบนผนังนอกตัวบ้านทั้งหมด จากใจจริงของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้น เธอ้าปฏิเสธ ทว่าบ้านหลังนี้สร้างเพื่อมารดาของเธอมากกว่า เซี่ยเสี่ยวหลานได้สอบถามความคิดเห็นของหลิวเฟินแล้ว เผื่อสิ่งที่มารดาของเธอชอบคือความหรูหราโอ่อ่าคล้ายคลึงกับบ้านพักรับรองประจำเมืองซางตู ซึ่งปูกระเบื้องเซรามิกเต็มผนังด้านนอก และชายคาใช้กระเบื้องเซรามิกสีประกอบเป็ลวดลายหลายหลากเล่า?
หลิวเฟินโบกมือหย็อยๆ ตอนเธอช่วยส่งปลาไหลก็เคยไปบ้านพักรับรองประจำเมืองสองครั้งเช่นกัน
“หรูเกินไป แม่กับลูกไม่จำเป็ต้องอยู่แบบนั้นหรอก กว่าจะสร้างเป็บ้านพักรับรองต้องจ่ายเงินตั้งเท่าไร!”
หลิวเฟินเป็คนสมถะมักน้อยโดยเนื้อแท้ แม้ตอนนี้จะพอมีทรัพย์สินแล้ว เธอก็ยังคงไม่มีความคิดอวดร่ำอวดรวยอะไรทั้งสิ้น ปลูกบ้านเพื่อมีบ้านที่เป็ของตนเอง มีสมบัติมั่นคงสักอย่าง จะสร้างบ้านหรูหราขนาดนั้นไปทำไม อันที่จริงสองแม่ลูกจะได้อาศัยในชนบทนานสักเท่าไรต่อหนึ่งปีกัน ตอนนี้เธอเริ่มเสียใจที่ขอให้เซี่ยเสี่ยวหลานสร้างบ้านในหมู่บ้านแล้ว ปัจจุบันธุรกิจมีส่วนที่จำเป็ต้องใช้เงินไม่ใช่น้อย ลุงของเสี่ยวหลานไปทำธุรกิจในเผิงเฉิง เงินขาดมือด้วยซ้ำ ถ้าเสี่ยวหลานต้องใช้เงินก้อนโตเหมือนกัน ธนาคารจะปล่อยเงินให้เสี่ยวหลานยืมหรือเปล่า?
เื่หลักการปล่อยสินเชื่อธนาคาร เซี่ยเสี่ยวหลานเคยอธิบายกับหลิวเฟินมาก่อนแล้ว เมื่อฝากเงินเข้าธนาคารก็จะได้รับดอกเบี้ย และเมื่อยืมเงินจากธนาคารก็ต้องจ่ายดอกเบี้ย
แม้ตีหลิวเฟินให้ตาย เธอก็ไม่กล้าขอยืมเงินจากธนาคารอยู่ดี หากชำระคืนไม่ไหวจะทำอย่างไรเล่า!
ความ้าของหลิวเฟินคือสร้างบ้านอิฐสองคูหาก็พอแล้ว เพื่อพื้นที่สำหรับปลูกบ้านซึ่งทางหมู่บ้านแบ่งให้ เมื่อไรที่สองแม่ลูกกลับไปจะมีสถานที่สำหรับพักพิงเหมือนกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานคาดไม่ถึงว่าความ้าของมารดาจะน้อยนิดถึงเพียงนี้ เธอจึงยกเลิกความคิดว่าต้องสร้างบ้านสองชั้นหลังเล็กด้วย ค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านชั้นเดียวต่ำกว่า เช่นนั้นก็สร้างให้ประณีตมีรสนิยมหน่อย เมื่อกลับชนบทไปก็สามารถอาศัยเป็ครั้งคราวได้
ในสถานที่เฉกเช่นหมู่บ้านชีจิ่ง หากจะสร้างบ้านพักตากอากาศหรูหราจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกเสียดายเงินพวกนั้น
และปัจจุบันเธอมีเงินไม่เพียงพอสำหรับการสร้างบ้านพักตากอากาศแสนโอ่อ่า แค่สร้างบ้านธรรมดาสักหลังในหมู่บ้าน สองแม่ลูกก็ถือว่ามีบ้านที่เป็ทรัพย์สมบัติของตนเองแล้ว
ไม่ว่าจะเป็การเช่าบ้านของย่าอวี๋ในซางตู หรืออาศัยชายคาบ้านของลุงอย่างหลิวหย่ง ล้วนผ่อนคลายสบายใจสู้บ้านของตนเองไม่ได้ เดิมทีเธอ้าสร้างบ้านเพื่อทำให้หลิวเฟินคลายกังวล ทว่าพอดูภาพร่างที่กงหยางวาดออกมาทีละเล็กทีละน้อยตามความคิดของเธอแล้ว ตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกจริงจังมากขึ้น ในอนาคตเธออาจได้เป็เ้าของทรัพย์สินประเภทบ้านจำนวนมาก แต่บ้านที่สร้างในชนบทหลังนี้ จะเป็ ‘บ้าน’ หลังแรกของเธอกับหลิวเฟิน
ทุกคนต่างมีมโนภาพที่้าต่อบ้านของตนเองด้วยกันทั้งนั้น
หลิวเฟินคาดหวังให้มันเรียบง่าย ไม่ต้องใช้เงินมากเกินไป
ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานคาดหวังว่าจะสามารถสร้างบ้านให้สะดวกสบายกว่าเดิมได้ด้วยทุนทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด
ถือว่าแทบเป็เอกฉันท์แล้วสินะ พื้นที่ปลูกบ้านที่ทางหมู่บ้านแบ่งให้พวกเธอสองแม่ลูกมีจำนวนแปดเฟิน หน่วยวัดที่ดินในชนบทคือหนึ่งหมู่เท่ากับสิบเฟิน เมื่อเปลี่ยนที่ดินหนึ่งหมู่กลายเป็หน่วยพื้นที่มาตรฐาน มีเนื้อที่ประมาณ 667 ตารางเมตร ที่ดินจำนวนแปดเฟินย่อมเป็ 533 ตารางเมตร... แน่นอนว่าตอนหมู่บ้านแบ่งที่ดินไม่มีทางวัดได้ละเอียดถึงขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากวัดอย่างแม่นยำแล้ว พื้นที่สำหรับสร้างที่อยู่อาศัยทั้งหมดของเซี่ยเสี่ยวหลานจะมีเนื้อที่เกือบ 600 ตารางเมตร
เซี่ยเสี่ยวหลานพาชายแปลกหน้าสองคนกลับหมู่บ้าน ทั้งดึงเชือก ทั้งเทียบสายวัด มีใครในหมู่บ้านที่ไม่รู้ว่าครอบครัวเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังจะสร้างบ้านกันเล่า?
“เสี่ยวหลาน ลุงของเธอล่ะ ไม่กลับมารึ?”
การสร้างบ้านคือเื่ใหญ่นี่นา จะปล่อยให้สาวน้อยคนเดียวจัดการได้อย่างไร เอาเถอะ เด็กสาวคนนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเสียหน่อย เฉินชิ่งก็บอกไว้มิใช่หรือ เซี่ยเสี่ยวหลานเป็อันดับหนึ่งของเมืองในการสอบคัดเลือกรอบแรก และอาจเป็อันดับหนึ่งประจำเมืองในการสอบเกาเข่าด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ คนในหมู่บ้านจึงไม่กล้าพูดจาวางท่ากับเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้จะอายุมากหรือาุโมากกว่าก็ไม่ได้ทั้งนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานผู้เพิ่งย้ายกลับหมู่บ้านชีจิ่งกลางคัน บางทีอาจคือเหวินฉวี่ซิง [1] ที่ลงมาเกิดใหม่บนโลกมนุษย์ตามคำโบราณก็เป็ได้
“ใช่จ้ะ อาเฉินสี่ ลุงฉันยังไม่กลับมา ฉันเลยพาคนมาวัดพื้นที่ก่อน ลองดูว่าจะสร้างบ้านอย่างไร”
ท่าทีของเหวินฉวี่ซิงไม่ต่างจากเมื่อก่อนเท่าไรนัก อาเฉินสี่รู้สึกว่าเป็กิริยาที่ดีมาก
คนในหมู่บ้านมักถามโน่นถามนี่อยู่บ่อยครั้ง ถ้าตอบได้เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่หวงน้ำลาย ส่วนเื่ที่พูดไม่ได้ เธอก็ยิ้มแย้มตอบรับไปเท่านั้น
ในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เฉินชิ่งกำลังนอนคลุมโปงมิดชิด
สะใภ้ใหญ่เฉินมองประตูห้องที่ปิดอยู่ด้วยความกังวล หลังกลับมาจากการประเมินคะแนนและกรอกความประสงค์เฉินชิ่งก็เป็แบบนี้แล้ว จะบอกว่าสอบได้ไม่ดีก็คงไม่ใช่ ลูกชายของเธอยังบอกอยู่เลยว่าปีนี้จะยื่นเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ คะแนนที่ประเมินว่าย่ำแย่ที่สุดยังได้ 490 คะแนน พอเฉินวั่งต๋าได้ยินจำนวนคะแนนเท่านี้ ถึงกับกล่าวชมว่าดีสามหนติดกัน อีกนิดเดียวจะจัดงานเลี้ยงแล้ว ทว่าตัวเฉินชิ่งกลับไม่ร่าเริงแจ่มใสนัก
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานกลับมายังหมู่บ้าน เพื่อจะริเริ่มงานสร้างบ้าน หากเป็เมื่อก่อน เฉินชิ่งคงเสนอหน้าไปตั้งนานแล้ว
คราวนี้กลับเงียบเชียบอย่างน่าใ นอนคลุมโปงอยู่ในบ้าน คนเป็แม่จะไม่รู้จักลูกชายตัวเองได้เชียวหรือ? สะใภ้ใหญ่เฉินจึงถามเฉินชิ่งว่าเกิดอะไรขึ้น “เสี่ยวหลานช่วยลูกเื่เรียนไม่ใช่น้อยนี่นา คนเขาจะกลับบ้านมาสร้างบ้านใหม่ ลูกจะไม่ถามสักคำหรือ? หรือว่าพวกลูกสองคนทะเลาะกัน?”
เฉินชิ่งอมทุกข์บูดบึ้ง เขาส่ายศีรษะไปมาเท่านั้น
เขาไม่เกลียดเสี่ยวหลานแน่นอน เขาแค่เ็ป
สะใภ้ใหญ่เฉินซักไซ้ซ้ำไปมา เฉินชิ่งถึงบอกเื่ในวันนั้นให้เธอฟัง พอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรักที่คบหากันมานานหลายเดือน ปฏิกิริยาแรกของสะใภ้ใหญ่เฉินคือโกรธเคือง ทว่ายังไม่ทันรอให้เธอพุ่งตัวออกไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานเพื่อขอคำอธิบาย คำพูดของเฉินวั่งต๋าก็ดังขึ้นในสมองของเธอ เฉินวั่งต๋าพูดว่าในวันข้างหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานอาจจะอนาคตไกลกว่าเฉินชิ่งเสียอีก... หญิงสาวมากความสามารถเช่นนี้ หน้าตาก็สะสวย จะยินดีแต่งงานกับเฉินชิ่งได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ถูกยกให้บ้านเฉินเสียหน่อย ทั้งสองฝ่ายไม่เคยจัดงานหมั้นหมาย และไม่เคยส่งของกำนัลให้ด้วย ก่อนหน้านี้เ้าลูกชายซื่อบื้อของเธอไม่กล้าแม้กระทั่งสนทนากับสาวเ้า ทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานจะหาคนอื่นมาเป็คนรักไม่ได้เล่า? อารมณ์ของสะใภ้ใหญ่เฉินซับซ้อนยิ่งนัก เฉินชิ่งหมดสิ้นชีวิตชีวาเช่นนี้ เธอจะต้องให้กำลังใจลูกชาย
“มีคนรักแล้วอย่างไร? ตราบใดที่ยังไม่แต่งงาน ลูกแข่งขันกับคนรักของเธอได้อย่างสมน้ำสมเนื้อแน่นอน แถมพวกลูกยังต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งด้วยกัน เื่ของอนาคตใครก็ทำนายไม่ได้หรอก ลูกรีบทำตัวให้สดชื่นเสีย ไปถามเสี่ยวหลานดูว่ามีอะไรตรงไหนที่้าความช่วยเหลือหรือเปล่า... พรุ่งนี้พวกลูกสองคนต้องไปรับคะแนนที่โรงเรียนพร้อมกันอยู่ดีไม่ใช่หรือ?”
เชิงอรรถ
[1]文曲星 เหวินฉวี่ซิง คือ ชื่อของดวงดาวอันดับที่สี่ในกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ (กลุ่มดาวจระเข้) เชื่อว่าเป็ดวงดาวแห่งการศึกษา สติปัญญา ศาสตร์ต่างๆ นานา ตามเทพนิยายโบราณของจีนกล่าวว่าเทพเหวินฉวี่ซิง คือเทพอุปถัมภ์ด้านการศึกษา หากใครมีความสามารถด้านการเรียนสูงจะถูกเรียกว่า เหวินฉวี่ซิงจุติลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ (文曲星下凡)