ั์ตางดงามของหลินเป้ยเป้ยใสเหมือนน้ำและสดใสด้วยความสุขค่าตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์เจ็ดหลักมากกว่าล้าน!เธอไม่ใช่สาวหิวเงินแต่ถ้ามีโอกาสนี้จริงๆ เธอก็หวั่นไหวอย่างไรก็ตามเธอยังไม่พูดอะไรและมองฉินเฟิงอย่างเงียบๆ
“ไม่จำเป็หรอก” ฉินเฟิงไม่ลังเลและปฏิเสธจ้าวชวนโดยตรง“ให้ฉันเพลิดเพลินกับความสวยของเป้ยเป้ยคนเดียวก็พอแล้วไม่จำเป็ต้องโชว์ให้คนอื่นเห็น”
ประโยคเอาแต่ใจดูหล่อและมีเสน่ห์
หลินเป้ยเป้ยเงยหน้าเล็กน้อยและมองสีหน้าจริงจังของฉินเฟิงด้วยรอยยิ้มหัวใจของเธอรู้สึกหวานฉ่ำราวกับกินน้ำผึ้งเธอรู้สึกสบายใจจนกำลังจะละลายในอ้อมกอดของฉินเฟิง
หลินเป้ยเป้ยเต็มใจยอมแพ้เงินล้านหยวนเพื่อประโยคเอาแต่ใจของฉินเฟิง
“คนสวย คิดว่าไงครับ?” หลังจากถูกฉินเฟิงปฏิเสธจ้าวชวนยังไม่ยอมแพ้ เขาโยนเหยื่อล่อให้หลินเป้ยเป้ยมากขึ้นอีก “ถ้าเื่ราคาผมเจรจากับสำนักงานใหญ่ได้ผมรับประกันได้ว่าคุณจะได้สัญญาการันตีขั้นต่ำสองล้านหยวน คิดว่าไงครับ?”
แม้แต่ดาราระดับแนวหน้ายังไม่ได้โอกาสถ่ายโฆษณาด้วยสัญญาสองล้านหยวนเลยแล้วนี่ยังเป็หน้าใหม่และแบรนด์หรูระดับโลกอย่างชาแนล
หลินเป้ยเป้ยหัวเราะและส่ายหัว“ขอบคุณสำหรับความตั้งใจดีค่ะแต่ฉินเฟิงบอกว่าไม่อยากโชว์ความสวยของฉันให้คนอื่นเห็นฉันต้องฟังเขา”
ฉินเฟิงเห็นแก่ตัวแต่ความเห็นแก่ตัวแบบนี้ทำให้หลินเป้ยเป้ยรู้สึกพึงพอใจ
จ้าวชวนคอตกและส่ายหัวเขากำลังจะลองอีกครั้งแต่แล้วหวั่งอิงก็เปลี่ยนชุดเสร็จและเดินออกมาจากห้องลองชุดเธอใส่ชุดมินิเดรสสายเดี่ยวสีแดงและเดินออกมาจากห้องลองชุดเหมือนกับเดินบนแคทวอล์คเธอส่ายสะโพกและเดินกรีดกรายอย่างยั่วยวนไปยังผู้คนมันรู้สึกเหมือนเธอกำลังเดินบนพรมแดงของเทศกาลหนังเมืองคานส์
“ที่รักดูมินิเดรสสีแดงที่ฉันใส่สิ ดูดีหรือเปล่า?” หวังอิ่งตั้งใจพูดเสียงดังท่ามกลางผู้คนเธอพูดขณะเลียนแบบเด็กประถมและหมุนตัวอย่างงดงาม
มินิเดรสชุดนี้เซ็กซี่จริงๆมันเผยหลังทั้งหลังของเธอและมีเพียงผ้าชิ้นเล็กที่ปกปิดหน้าอกและต้นขาของเธอมันทันสมัยและเป็แฟชั่นที่คนธรรมดาไม่กล้าใส่ข้างนอก
ตามที่หวังอิ่งคาดสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เธอเธอรู้สึกเหมือนนางฟ้าลอยได้และรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
แต่ก่อนที่เธอจะเต็มไปด้วยความสุขนี้ทุกสายตาก็เบือนหนีไปพวกเขาทำหน้าเหมือนกับสายตาเสียและรีบหันมาจ้องหลินเป้ยเป้ยขณะที่มองสาวสวยผอมอรชรพวกเขายิ้มด้วยหัวใจผ่อนคลาย
ครั้งนี้พวกเขาได้พบกับประสบการณ์ว่าความสวยที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การเผยผิวหรือแต่งหน้าได้เย้ายวนแค่ไหนแต่ความสวยที่แท้จริงอยู่ที่คนที่ยืนอยู่เงียบๆโดยไม่พูดหรือเคลื่อนไหวแต่ก็ยังปล่อยความงามไม่จำกัดอย่างช้าๆ และมั่นคง
เมื่อพวกเขาเห็นหลินเป้ยเป้ยที่ขาวดั่งหิมะแรกแย้มผิวเนียนดั่งดอกบัวผุดไหปลาร้าสมบูรณ์ดั่งหยกเปิดเผยเพียงขาเรียวบางเล็กน้อยเมื่อเห็นหวังอิ่งที่เผยผิวส่วนใหญ่ทำให้พวกเขาอยากโยนทิ้ง
ยิ่งหวังอิ่งเผยก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกสะอิดสะเอียนคนเหล่านี้เริ่มกังวลว่าหลังจากเห็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างหลินเป้ยเป้ยพวกเขาจะไม่มีทางคบกับใครได้อีก
“ที่รักรีบดูฉันสิ รีบดูสิ! ฉันดูดีหรือเปล่า? ฉันไม่เซ็กซี่เหรอเวลาใส่มินิเดรสชุดนี้?มันสวยจริงๆ ถ้าคุณชอบก็ซื้อเลย พอเรากลับบ้าน ฉันจะใส่ให้คุณดู”หวังอิ่งไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงท่าทีของผู้คนและแกว่งแขนของซุนเย่ด้วยความหยิ่ง
จริงๆซุนเย่ไม่อยากมองหวังอิ่งอีกยิ่งฟังเสียงเคลือบน้ำตาลของเธอก็ยิ่งรังเกียจยิ่งกว่ากินแมลงวัน
มีบางคนในกลุ่มคนแกล้งะโออกมา“เฮ้ หัวหน้าผู้จัดการภูมิภาคของชาแนล คิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็อย่างไร? ทำไมคุณไม่ใช้เธอโฆษณาชุดกี่เพ้าของคุณล่ะ?”
เมื่อคำพวกนั้นพูดออกมาก็เกิดเสียงหัวเราะเยาะ
หวังอิ่งยังไม่รู้สถานการณ์เมื่อเธอได้ยินว่าหัวหน้าผู้จัดการส่วนภูมิภาคของชาแนลอยู่ที่นี่และกำลังมองหานางแบบขึ้นปก เธอก็ตื่นเต้นทันที “ไหนผู้จัดการ? รีบมาดูฉันสิ หุ่นและหน้าตาของฉันเลอเลิศ ถ้าฉันใส่เสื้อผ้าที่บริษัทของคุณออกแบบฉันสามารถแสดงจิติญญาของดีไซเนอร์ได้แน่นอน”
จ้าวชวนก้าวออกมาเขาเหลือบมองหวังอิ่งเพียงครั้งเดียวและส่ายหัวอย่างไม่พอใจเมื่อเทียบกับหลินเป้ยเป้ย ทั้งสองเหมือนกับอยู่คนละระดับมีผู้หญิงมากมายที่เหมือนหวังอิ่งตามข้างถนน
“ที่รัก พวกเขาบอกว่าหัวหน้าผู้จัดการส่วนภูมิภาคกำลังเฟ้นหานางแบบขึ้นปกจริงหรือเปล่า? ผู้จัดการอยู่ไหน? ทำไมไม่ให้ฉันลองล่ะ?ฉันทั้งสวย...”
เพียะ!
หวังอิ่งยังพูดไม่จบก็พบกับเสียงตบดังก้องก่อนที่เธอจะตั้งตัว เธอก็ล้มลงกับพื้นเพราะแรงตบ
“ยายน่ารังเกียจ รีบไสหัวไปซะ ต่อไปไม่ต้องมาหาฉันอีกแค่มองฉันก็รู้สึกรังเกียจแล้ว เธอนี่มันน่าอับอายจริงๆ”ซุนเย่สุดทนและะเิออกมา
หวังอิ่งนั่งบนพื้นอย่างเหม่อลอยเธอลืมเื่ความเจ็บบนใบหน้าและจ้องซุนเย่ด้วยความตะลึงเื่มันไม่ควรจะเป็อย่างนี้นี่?
เธอรู้สึกถึงสายตาตัดสินของผู้คนเมื่อไรกันที่เธอเคยประสบกับความอับอายเช่นนี้? อย่างไรก็ตามเมื่อเธอนึกถึงว่ากำลังจะเสียเงินสนับสนุนของซุนเย่ทำให้เธอสูญเสียชีวิตฟุ่มเฟือยที่เธอมีตอนนี้ เธอก็ไม่สนเื่หน้าตาเธอคลานมาตรงหน้าซุนเย่ทันทีและกอดขาของเขาแน่น
“ซุนเย่ คุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันช่วยคุณหลั่งทุกคืนสนองตัณหาให้คุณทั้งประตูหน้าและหลังแม้คุณจะทนได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีฉันก็ไม่เคยปริปากบ่นคุณมาตบฉันและเรียกฉันว่าน่าเกลียดได้อย่างไร? เมื่อคุณบ้าคลั่งใส่ฉันตอนกลางคืนคุณก็ไม่ได้พูดอะไรอย่างนี้กับฉัน!”
เพียงลมหายใจเดียวหวังอิ่งก็เผยทุกสิ่งทุกอย่างออกมา ผู้คนย้ายมาพิจารณาซุนเย่ใหม่
ซุนเย่โกรธจนปอดแทบจะะเิเขาหาผู้หญิงโง่งมอย่างนี้ได้อย่างไร? เขาไม่มีหน้าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกแล้วเขาเตะหวังอิ่งออกไปและอยากจะออกจากร้าน “ยายสำส่อน ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
หวังอิ่งเสียความรู้สึกเธอกอดขาของซุนเย่แน่นราวกับบ้าไปแล้ว เธอไม่ยอมปล่อยซุนเย่จึงเริ่มเตะเธอยิ่งเขาเตะก็ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกครั้งหวังอิ่งเริ่มกระอักเืแต่เขายังสะบัดเธอไม่หลุด
ผู้ชายคนนี้โหดร้ายจนคนที่ดูอยู่รอบๆไม่สามารถทนดูต่อได้ ชาวต่างชาติสบถประณามซุนเย่เป็ภาษาอังกฤษ แล้วยามรักษาความปลอดภัยสองคนก็รีบมาดึงซุนเย่ไป
ความวุ่นวายสงบลงผมของหวังอิ่งกระเซอะกระเซิงและเธอเหนื่อยหอบ
ทันใดนั้นเธอก็มองมาที่หลินเป้ยเป้ยทั้งหมดนี้เป็เพราะมันสายตาของเธอเต็มไปด้วยความชั่วร้ายขณะที่พุ่งเข้าใส่หลินเป้ยเป้ยพร้อมกับแยกเขี้ยวและกางเล็บ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้