ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     "ต้าเหนียงจื่อ นายน้อยเมิ่งผู้นั้นหน้าตางดงามมากใช่หรือไม่"

        เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาเดินเล่นบนถนนกู่หลินอย่างเอ้อระเหย

        อูหลันฮวากดเสียงกระซิบถามช้าๆ นางเคยเห็นเมิ่งเฉิงเจ๋อจากระยะไกล ตอนนั้นยังตกตะลึง ไม่นึกว่าบุรุษจะมีรูปโฉมงามพิลาสถึงปานนั้นได้

        "นี่ หลันฮวา แม้นายน้อยเมิ่งจะหน้าตางดงาม แต่ข้าคิดว่าเขาคงไม่ชอบที่ได้ยินคนพูดถึงเขาอย่างนั้น เ๯้าควรเปลี่ยนคำพูดชมเชยเป็๞หล่อเหลา หรือสง่างาม เขาอาจพึงพอใจมากกว่า"

        เซวียเสี่ยวหรั่นเม้มริมฝีปากหัวเราะเบาๆ

        "แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าหน้าตาเขาสะสวยอยู่ดี สวยกว่าสตรีอีกหลายคนเลย" อูหลันฮวาพูดงึมงำ

        "ฮ่าๆ เช่นนั้นเ๽้าก็ชมแค่ในใจก็พอ อย่าไปพูดต่อหน้าผู้อื่น ไม่มีบุรุษคนไหนชอบถูกเปรียบเทียบกับสตรีหรอกนะ"

        เซวียเสี่ยวหรั่นเตือนสติ

        "ข้าทราบแล้วเ๽้าค่ะ ต้าเหนียงจื่อ หลางจวินให้ข้าจะฝึกพูดให้ดีก่อน พยายามเอ่ยปากให้น้อยที่สุดยามอยู่นอกบ้าน" อูหลันฮวาใช้เสียงกระซิบ พูดให้ช้าลงอีก "เพื่อป้องกันปัญหาที่ไม่จำเป็๲"

        อูหลันฮวาหาใช่คนเบาปัญญา แม้อุปนิสัยจะค่อนข้างเถรตรง แต่เ๹ื่๪๫ที่ควรระวัง นางก็เข้าใจดี

        "ไม่จำเป็๲ต้องระวังขนาดนั้นก็ได้ ตอนนี้สำเนียงของเ๽้าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว แต่ยังต้องฝึกฝนอีกมาก ผ่านไปสักระยะ ต้องสามารถพูดคุยได้เหมือนคนปรกติอย่างแน่นอน" เซวียเสี่ยวหรั่นตบไหล่ของนางเบาๆ

        อูหลันฮวารีบผงกศีรษะ "ต้าเหนียงจื่อ เหตุใดหลางจวินถึงต้องส่งาภพวาดไปที่แคว้นฉีด้วยเล่า"

        เป้าหมายการมาของพวกนางก็คือนำจดหมายไปส่งให้เมิ่งเฉิงเจ๋อ ฝากให้เขาส่งต่อไปแคว้นฉี

        "เพราะเหตุใดหรือ? ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ "เขาย่อมจะมีเหตุผลของเขา"

        นั่นเป็๲ภาพเขียนเรียบง่ายมากภาพหนึ่ง อาชาสีดำปลอดสูงสง่ากำลังลากรถม้าไม่สะดุดตาไปตามถนน มีดอกท้อบานสะพรั่งอยู่สองข้างทาง เบื้องหน้าเป็๲ทิวเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา

        ภาพเขียนหมึกขาวดำเรียบง่ายแต่กลับเปี่ยมไปด้วยความหมาย

        ยามรับภาพมาจากมือของเหลียนเซวียน ดวงตาของเธอจับจ้องไม่กะพริบอยู่นาน ก่อนมองเขาด้วยสีหน้าเลื่อมใสศรัทธา

        "ท่านเก่งขนาดนี้เลยหรือ เขียนอักษรก็ว่าไม่เลวแล้ว แม้แต่ภาพเขียนยังวาดได้งดงามเพียงนี้ ท่านคงชำนาญทั้งพิณหมากภาพอักษรใช่หรือไม่"

        แววตาเร่าร้อนเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมเลื่อมใสทำให้เหลียนเซวียนแทบจะเกร็งใบหน้าบึ้งตึงไม่อยู่

        นางหนูนิสัยเสีย อย่านึกว่าตบสะโพกม้า [1] แค่นี้ แล้วเขาจะให้อภัยกับการกระทำข้ามแม่น้ำรื้อสะพานของนาง

        "แฮ่ม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็๲บทเรียนขั้นพื้นฐาน" เหลียนเซวียนพยายามข่มรอยยิ้มบนมุมปาก ปรายตาจ้องนางบางๆ

        ใครจะเหมือนกับนาง อวดอ้างว่าร่ำเรียนมาสิบสองปี ทว่าแม้แต่อักษรยังจำได้ไม่หมด

        เซวียเสี่ยวหรั่นสะอึก พลันนึกได้ถึงเ๱ื่๵๹นี้ได้

        เธอรีบเก็บแววตาชื่นชม หันไปแค่นเสียงหึ ใส่เขาแรงๆ "ถึงข้าจะไม่เป็๞พิณหมากภาพอักษร แต่หลายสิ่งที่ข้าทำเป็๞ท่านก็ทำไม่ได้เหมือนกัน"

        "อ้อ... ตัวอย่างเช่น?" เหลียนเซวียนมองนางแกมหยอกเย้า

        "เอ่อ... ตัวอย่างเช่น ข้าทำอาหารเป็๞" เซวียเสี่ยวหรั่นยืดอก ในโลกของเธอ ผู้หญิงอายุสิบแปดสิบเก้าทำอาหารเป็๞ ทั้งยังทำได้อร่อยเป็๞เ๹ื่๪๫ที่สามารถอวดได้อย่างภาคภูมิ

        เหลียนเซวียนมองดูนางยืดอก ดวงตาที่หลุบต่ำลงฉายแววลุ่มลึกคลุมเครือ "อืม ไม่เลว ยังมีอีกไหม?"

        "มีแน่นอน ข้าถักเสื้อไหมพรมได้ ทำกระเป๋าเป็๞ ตัดเย็บเสื้อผ้า..." เซวียเสี่ยวหรั่นยกนิ้วนับ แต่ยิ่งนับก็ยิ่งละอาย

        เหตุใดถึงไม่มีความสามารถพิเศษสักอย่าง

        เมื่อครั้งยังเล็กอยู่ในชนบท เธอไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย ไม่เคยเข้าชั้นเรียนเต้นรำ ศิลปะ ร้องเพลง หรือพละ

        หลังเข้าโรงเรียน ก็แบกกระเป๋าเข้าแต่ชั้นเรียน ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมนอกเวลา ผลการเรียนก็ไม่สูงไม่ต่ำมาโดยตลอด

        ดนตรี ศิลปะ พละ ก็อยู่ในระดับธรรมดา ไม่มีอะไรดีเด่นสักอย่าง

        นอกจากทักษะการทำอาหารซึ่งเรียนมาจากคุณปู่ ที่พอจะอวดฝีมือได้อยู่บ้าง เธอก็ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย

        การถักเสื้อไหมพรม ทำกระเป๋า นางก็แค่พอทำได้ แต่ยังห่างจากคำว่ามืออาชีพอีกไกล

        เธอลอบมองเหลียนเซวียน ถึงพบว่าเขาไม่ได้สนใจนัก เวลาแบบนี้เขากลับไม่คิดทุ่มหินลงบ่อเพื่อเพื่อทับถมเธอแม้แต่น้อย

        "อื้ม เก่งมาก แต่หากจำอักษรได้ทั้งหมดจะยิ่งดีกว่านี้" เหลียนเซวียนเปรยเบาๆ แค่ประโยคเดียว

        เซวียเสี่ยวหรั่นฉุนจัดขึ้นมาทันที ย่นจมูกถลึงตาดุร้ายใส่เขา "ไม่ช้าก็เร็วข้าต้องจำได้ทั้งหมด"

        "ดี ข้าจะรอดู" เหลียนเซวียนเห็นนางแสร้งทำสีหน้าดุดัน ก็อดเอื้อมมือไปลูบปอยผมชี้ฟูเพราะความโมโหของนางไม่ได้

        "อย่ามาทำผมข้ายุ่งนะ หวีผมแต่ละทียุ่งยากจะตาย" เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาใส่ ก่อนปัดมือของเขาออก

        ไม่มีทั้งยางรัดและกิ๊บหนีบผม แค่เกล้าผมแล้วใช้แถบผ้ามัดให้อยู่ทรงก็ไม่ง่ายแล้ว

        "ชอบภาพนี้มากรึ?" เหลียนเซวียนไม่นึกขุ่นเคือง เห็นนางจดจ้องแต่ภาพในมือตลอดเวลา มุมปากก็โค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว

        "อื้ม ชอบ ทิวทัศน์เหมือนกับสองข้างทางที่พวกเราเดินทางผ่านมาเลย หากดอกท้อเหล่านี้แต้มด้วยสีชมพูก็คงจะยิ่งสวยมาก"

        ระหว่างเดินทาง ดอกท้อสองข้างทางกำลังบานสะพรั่ง เธอนั่งบนรถเบื่อๆ ก็มักจะเล่าให้เขาฟังว่าสองข้างทางมีทิวทัศน์อย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่พูดถึงบ่อยที่สุดก็คือดอกท้อสีชมพูเป็๲พุ่มๆ เรียงรายยาวเหยียด ไม่นึกว่าเขาจะจำได้

        "เอาไว้ ข้าจะวาดภาพที่สมบูรณ์แบบให้เ๯้าสักภาพ" เหลียนเซวียนพูดเสียงเบา น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าน้อยๆ มีความอ่อนโยนที่แทบจะมองไม่เห็นอยู่เจืออยู่

        "ดีสิ ดีสิ เอารูปใหญ่ๆ ใส่กรอบแขวนไว้บนผนัง ทุกครั้งที่มองก็จะได้รำลึกถึงความหลังที่พวกเราเคยเดินทางร่วมกัน อืม จืดชืด น่าเบื่อสุดๆ ฮ่าๆ"

        เดิมทีอยากย้อนรำลึกถึงความหลังเสียหน่อย แต่พอมานึกๆ ดู นั่งบนรถม้า ทั้งโคลงเคลงทั้งอึดอัด ยิ่งอยู่กับเหลียนเซวียนที่ไม่ชอบพูดคุย ก็ยิ่งไม่มีอะไรสนุก ทิวทัศน์นอกหน้าต่างในแต่ละวันก็เดิมๆ ซ้ำๆ ว่าตามจริงแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่างดงามขนาดนั้น

        "จืดชืด?"

        นางพูดจ้อตลอดทาง เขาไม่รู้สึกเบื่อสักนิด

        "อืม นอกจากงานเย็บปักถักร้อย ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่างจะไม่เบื่อได้อย่างไร" เซวียเสี่ยวหรั่นยักไหล่กางมือออก "ทำงานเย็บปักก็ต้องคอยระวังว่ารถจะโคลงเคลงหรือตกหลุมหรือเปล่า มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะถูกเข็มตำนิ้วอีกกี่รู"

        "ซื้อกระหมากล้อมมาชุดหนึ่ง ครั้งหน้าข้าจะเล่นหมากกับเ๯้า" เหลียนเววียนครุ่นคิด

        "หมากล้อม? ข้าไม่ชอบ มันซับซ้อนเกินไป แค่เห็นก็ปวดหัวแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นปฏิเสธ ไม่สู้เย็บปักผ้าที่เรียบง่ายดีกว่า

        เหลียนเซวียนทอดถอนใจพยายามระงับอารมณ์ที่จะกุมขมับ "เช่นนั้นเมื่อก่อนเ๯้าทำสิ่งใดฆ่าเวลาเล่า"

        "ทำสิ่งใดฆ่าเวลาน่ะหรือ?" เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาปราดหนึ่ง ก่อนพึมพำเสียงเบา "ที่นี่ไม่แน่ว่าจะมี"

        งานอดิเรกฆ่าเวลาของเธอย่อมเป็๞การดูหนัง อ่านนิยาย เล่นเว่ยปั๋ว หรือไม่ก็โต้วอิน ท่องโลกกว้างในอินเทอร์เน็ต

        "ของสิ่งใดที่ไม่แน่ว่าจะมี?" เหลียนเซวียนย่นคิ้ว "พูดมาสิ กลับไปถึงแคว้นฉีแล้วข้าจะจะให้คนช่วยเ๽้าหาเอง"

        "ฮ่าๆ ขอบคุณในความหวังดี แต่ว่าหาไม่เจอหรอก เอาล่ะ เหลียนเซวียน ข้าไปละ จะไปส่งสารให้ท่าน"

        ถ้าหาเจอก็ผีหลอกแล้วล่ะ เซวียเสี่ยวหรั่นรีบทาน้ำมันใต้ฝ่าเท้าหาข้ออ้างเผ่นหนี

        เหลียนเซวียนจดจ้องแผ่นหลังบอบบาง ความไม่พอใจที่สะสมมานานก็พลันประทุ

        ...

        [1] ตบสะโพกม้า หมายถึงการเยินยอ เอาอกเอาใจ

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้