กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้าวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด ิเป่าจูฟังแล้วก็พอจะปะติดปะต่อเื่ราวทั้งหมดอย่างคร่าวๆ ได้
ที่แท้บุตรชายของสามีภรรยาคู่หนึ่งล้มป่วย และมักร้องออกมาเหมือนเสียงสุนัขเห่าเป็ครั้งคราว
เดิมทีไม่อยากให้ใครรู้ แต่สองวันมานี้บุตรชายกลับหายใจลำบากมากขึ้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็สีม่วงคล้ำ จึงจำต้องพาไปให้หมอประจำหมู่บ้านรักษา
ใครจะรู้ หมอประจำหมู่บ้านกลับบอกว่าเขาไม่ได้ป่วย แต่ถูกปิศาจเข้าสิง สองสามีภรรยาร้อนใจอยากช่วยบุตรชาย จึงไปเชิญนักพรตเต๋ามาทำพิธีเบิกแท่นบูชาขับไล่ปิศาจ
คนที่อยู่เบื้องหน้าเป็บุรุษสวมใส่ชุดนักพรตสีเหลือง กำลังถือดาบและวาดยันต์ ปากพึมพำสวดอะไรบางอย่าง
ิเป่าจูโกรธจัด ลอบด่าหมอประจำหมู่บ้านว่าเป็หมอเถื่อน โรคที่ไม่เคยพบเจอกลับกล้าพูดตัดสินส่งเดช ใช้คำพูดพล่อยๆ ทำลายชีวิตของเด็กคนหนึ่ง
อาจเป็เพราะก่นด่าในใจแรงเกินไป ในที่สุดคนที่อยู่รอบด้านจึงสังเกตเห็นว่าิเป่าจูก็อยู่ที่นั่น
หญิงชาวบ้านสองสามคนชำเลืองมาที่ิเป่าจูพลางหันไปซุบซิบกันโดยไม่หลีกเลี่ยงแม้แต่น้อย
“นี่ เ้าดูสิ นั่นเด็กในบ้านของิเถี่ยจู้มิใช่หรือ” สตรีสวมเสื้อแดงกางเกงเขียวใช้ข้อศอกสะกิดคนที่อยู่ข้างๆ
“อย่าพูดแบบนี้สิ เดี๋ยวนี้ผู้อื่นมีความสามารถ ตัดความสัมพันธ์กับิเถี่ยจู้ไปแล้ว” ผู้พูดเป็สตรีทัดดอกไม้แดงบนศีรษะ
“ข้าว่านางมีเงินจริงๆ เ้าดูทั้งถุงใหญ่ถุงเล็กเหล่านี้สิ คงจะจ่ายเงินไปไม่น้อย” คนข้างๆ ที่มีกระมากมายบนใบหน้าพูดต่อ
“เป็ไปได้แปดส่วนว่าหวังซื่อจะพูดความจริง ไม่แน่ว่าอาจไปทำเื่ประเภทขโมยไก่หยอกสุนัขมาก็ได้”
สายตาของสตรีเสื้อแดงกางเกงเขียวเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา จดจ้องเนื้อหมูในกระบุงของนางไม่วางตา ในบ้านของนางไม่ได้กินเนื้อหมูมานานมากแล้ว
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งมีสิทธิ์อะไรมาอยู่ดีกินดี หากมิใช่ไปขโมยของจะหาเงินมาจากที่ใดเร็วปานนี้
ิเป่าจูเบนความสนใจไปที่อาการของเด็ก แต่คนเยอะเกินไป ยืนบังจนเห็นสถานการณ์ไม่ชัดเจน
หากไม่ใช่เพราะสตรีลิ้นยาวบางคนที่พูดพล่ามน่ารำคาญ จนนางสุดจะทนแล้วจึงได้กลอกตาใส่พวกนาง “ตาของเ้าข้างไหนเห็นว่าข้าขโมยของ หรือได้ยินว่าบ้านหลังใดในหมู่บ้านมีของหาย กุเื่ไร้แก่นสารมาใส่ร้ายข้าดีนัก ระวังเถอะข้าจะลากไปพบเ้าหน้าที่ทางการ”
คนเหล่านี้เมื่อยืนด้วยกันแล้ว สีสันของเสื้อผ้าฉูดฉาดบาดตายิ่ง ไม่รู้ว่ารสนิยมเป็เช่นไรกันแน่ ทำเอานางปวดตาไปหมด ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจพวกนาง แต่อย่านึกว่าตนเองจะยอมโดนรังแกง่ายๆ
“ตายแล้ว! อายุแค่นี้ก็ปากคอร้ายกาจ มิน่าหวังซื่อถึงถูกเ้าข่มเหงจนหงอ ไม่กล้าพูดสักคำ” คนที่ใบหน้าตกกระเอ่ยปาก
“เช่นนั้นก็ขออวยพรให้บุตรของพวกท่านมีท่านลุงกับป้าสะใภ้แสนดีแบบนี้ก็แล้วกัน”
ขณะที่กล่าววาจา ิเป่าจูก็มองคนเหล่านี้ั้แ่หัวจรดเท้า ก่อนแค่นเสียงเยาะหยัน “ข้าหาเงินมาด้วยความสามารถของตนเอง ถามใจแล้วไม่มีความละอาย กลับเป็พวกท่านเสียอีก วันๆ เอาแต่จดจ้องสิ่งของของผู้อื่น พูดสามว่าสี่ [1] แต่ไม่เห็นจะมีเนื้อกินสักกี่มื้อ”
“เ้า! นางเด็กโสโครก ไร้การสั่งสอน”
สตรีเสื้อแดงกางเกงเขียวได้ยินิเป่าจูเอ่ยถึงเนื้อหมูก็ร้อนตัวขึ้นมา คิดว่าิเป่าจูจงใจว่านาง คิดจะเอ่ยบางอย่างแต่กลับถูกสตรีทัดดอกไม้แดงบนศีรษะขวางไว้ก่อน
“แค่เด็กคนเดียว เ้าจะไปทะเลาะกับนางทำไม รีบไปดูเถอะ ต้าซือกำลังจะเริ่มทำน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว” นางชี้ไปข้างหน้า สตรีเสื้อแดงกางเกงเขียวถลึงตาใส่ิเป่าจู
ิเป่าจูสีหน้าตื่นตระหนก รีบมองไปทันที ล้วนเป็ความผิดของนางที่มัวต่อล้อต่อเถียงจนละเลยทางนี้ไป หากเด็กคนหนึ่งต้องมีอันเป็ไปเพราะเื่นี้ นางก็คงเสียใจภายหลัง
เห็นนักพรตเสียบกระบี่ไปบนยันต์ใบหนึ่ง ก่อนดื่มสุราคำหนึ่งแล้วพ่นลงไป้า ทันใดนั้นก็เกิดไฟลุกพรึ่บขึ้นมา ทุกคนต่างร้องด้วยความใ
เปลวไฟเผาไหม้ยันต์แผ่นนั้นจนเป็เถ้าถ่าน ตกลงไปในชามกระเบื้องด้านล่าง
เขารินน้ำจากกาต้มน้ำที่เตรียมไว้ใส่ลงไปเล็กน้อย ยกขึ้นมาเขย่า แล้วยื่นส่งให้สองสามีภรรยา
“เรียบร้อยแล้ว เอาน้ำอมฤตนี้ให้เขาดื่มวันละครั้งเป็เวลาสามวันหลังจากนี้ ปิศาจที่สิงร่างนี้อยู่ก็จะถูกกำจัดออกไป”
สองสามีภรรยากล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ ขณะกำลังจะยื่นมือไปรับ ใครจะรู้ นักพรตกลับหดมือกลับ แล้วกล่าวเสริมอีกคำ “แต่น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้านักพรตยอมสละอายุขัยของตนเองไปขอมาจากเทพหยวนสื่อเทียนจุน [2] ...”
นักพรตหลุบเปลือกตา ทว่าสายตากลับฉายแววถากถางอย่างเห็นได้ชัด พูดอย่างมีความนัยแอบแฝง
“ต้าซือ พวกเราสามีภรรยาเป็คนโง่เขลา ท่านเอ่ยมาตามตรงเถิด” ชายผู้นั้นไม่เข้าใจความหมาย จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าสัตย์ซื่อ
“หยวนต้าจ้วง นี่เ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ต้าซือท่านอุตส่าห์ลำบากไปขอน้ำศักดิ์สิทธิ์มา เ้าก็ต้องบริจาคเงินเพื่อแสดงถึงจิตศรัทธาให้มากหน่อยสิ” มีชาวบ้านะโขึ้นมา คนอื่นๆ ต่างพากันคล้อยตาม
หยวนต้าจ้วงเป็คนซื่อที่ขึ้นชื่อในหมู่บ้าน เคยถูกหลอก ถูกข่มเหงรังแกอยู่หลายครั้ง ดีที่เป็คนหนักเอาเบาสู้ และได้แต่งงานกับภรรยาที่เป็คนขยันอดทน แม้ชีวิตจะยากจนข้นแค้น แต่ก็สงบสุขดี
เมื่อปีกลายเพิ่งได้บุตรชายคนแรกมาอย่างยากเย็น ทั้งครอบครัวต่างยินดีปรีดา แต่ใครจะรู้ว่าเด็กน้อยกลับเป็โรคประหลาดที่น่าหวาดกลัว จนพวกเขาไม่กล้าบอกใครเกี่ยวกับเื่นี้
จึงไหว้วานท่านหมอหลี่ หมอประจำหมู่บ้านช่วยเชิญนักพรตมาประกอบพิธีเป็พิเศษ ตอนนี้ยังต้องบริจาคเงินเพิ่มเป็พิเศษ เป็หลังคารั่วซ้ำฝนยังตกทั้งคืน [3] เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแท้ๆ
“เอ้อ... ท่านต้าซือ เช่นนั้นบริจาคเท่าใดจึงจะเหมาะสมหรือขอรับ”
หยวนต้าจ้วงยากจนข้นแค้น ข้าวสารในบ้านยังแทบไม่พอกรอกหม้อ มิเช่นนั้นคงไม่ต้องพยายามปิดบังอาการป่วยของบุตรชายมิให้ใครรู้ั้แ่แรก
น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ถูกๆ แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาสามีภรรยาจะรับผิดชอบไหวหรือไม่
“ใช่แล้วต้าซือ ท่านก็บอกจำนวนมาเถอะ” สะใภ้สกุลหยวนพูดตาม
“เห็นแก่ความรักที่พวกเ้าสามีภรรยามีต่อลูกน้อย ฐานะทางบ้านก็อัตคัดขัดสน ก็คิดให้ชุดละหนึ่งตำลึงก็แล้วกัน”
น้ำเสียงดั่งรำพึงฟ้าเวทนาคน ราวกับเป็พระอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอารี แต่แท้จริงแล้วฟังดูเหมือนเป็การปล้นทรัพย์เสียมากกว่าในความคิดิเป่าจู
“หนึ่งตำลึงต่อหนึ่งชุด สามวันมิเท่ากับสามตำลึงเลยหรือ”
หยวนต้าจ้วงท่าทางลำบากใจ หน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าหากัน เดือนหนึ่งเขาหาเงินได้ไม่ถึงหนึ่งตำลึงด้วยซ้ำ
“ต้าซือ ท่านโปรดเมตตาลดให้อีกสักนิดได้หรือไม่”
สะใภ้สกุลหยวนขอบตาเริ่มแดง ฐานะครอบครัวของตนเองเป็เช่นไรไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่านาง เงินสามตำลึงแทบจะคร่าชีวิตของพวกเขาได้เลย
“บริจาคเท่าไรก็ได้ผลเท่านั้น ปัจจัยจะช่วยคลายโทสะของเทพหยวนสื่อเทียนจุน... หากไม่สามารถขับไล่ปิศาจตนนี้ออกไปได้โดยสิ้นเชิง ก็อย่ากล่าวหาว่าข้านักพรตไม่แตกฉานวิชา”
พอได้ยินสองสามีภรรยาต่างร้องไห้ปรับทุกข์ว่าไม่มีเงิน นักพรตก็เปลี่ยนสีหน้าทันที การช่วยเหลือชาวบ้านยากจนเป็การเปลืองแรงและเสียเวลาอย่างยิ่ง เงินสามตำลึงยังไม่คิดจะจ่าย จะเป็ไปได้อย่างไร
สองสามีภรรยาได้ยินเช่นนั้น หัวใจก็เต้นระรัว ทันใดนั้น บุตรชายในอ้อมแขนก็เริ่มเปล่งเสียงเหมือนสุนัขเห่าอีกครั้ง สะใภ้สกุลหยวนร้องไห้จนหายใจไม่ออกแทบจะเป็ลมไป
“ท่านพี่!” สะใภ้สกุลหยวนอุ้มบุตรพร้อมกับคุกเข่าลงไปที่พื้น วิงวอนให้หยวนต้าจ้วงรับปาก
“ได้ขอรับ ต้าซือ สามตำลึงก็สามตำลึง ต่อให้ข้าหยวนต้าจ้วงต้องทุบหม้อขายเหล็กก็จะหามาให้ท่านให้จงได้
เสียงร้องไห้คร่ำครวญของภรรยาทำให้ขมับของหยวนต้าจ้วงแทบะเิ เขากัดฟัน หากไม่จ่ายเงินก็จะไม่เห็นผล เช่นนั้นเท่ากับว่าทำพิธีไปก็สูญเปล่า
“เฮ่อ... เช่นนี้ถูกต้องแล้ว มิใช่ข้านักพรต้าสร้างความลำบากให้พวกเ้า แต่การบริจาคนี้จะรอช้าไม่ได้ ต้องถวายปัจจัยตอนนี้เลย มิเช่นนั้นแม้บุตรชายของเ้าจะดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ไปก็ไม่ได้ผล”
ความหมายในถ้อยคำของสองคนนี้ชัดเจนว่าไม่สามารถหาเงินมาได้เวลานี้ ้าผัดผ่อนไปก่อน ค่อยมาจ่ายให้ภายหลัง เช่นนี้จะได้อย่างไร ไม่เห็นเงินก็อย่าหวังจะได้น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ไป
เชิงอรรถ
[1] พูดสามว่าสี่ เป็สำนวนที่ใช้ในเชิงลบ หมายถึง การพูดติติงผู้อื่นในทางลบ หรือวิจารณ์ผู้อื่นส่งเดช
[2] หยวนสื่อเทียนจุน เป็เทพเ้าสูงสุดผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งตามความเชื่อของศาสนาเต๋า
[3] หลังคารั่วซ้ำฝนยังตกทั้งคืน หมายถึง เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ขณะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ก็ยังมีอุปสรรคมาซ้ำเติม
