หลังจากจับตัวคนร้ายได้ หลิวชิงเวยก็อบรมสั่งสอนเ้าหนุ่มนั่นเป็การใหญ่ แถมยังขู่ผู้ปกครองให้พาลูกมาขอโทษหมี่หลันเยว่กับพี่ชาย พร้อมทั้งมอบเงินชดเชยให้อีกด้วย หมี่หลันเยว่เห็นเงินสิบหยวนที่ตำรวจยัดใส่มือให้ ก็ส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน รู้สึกเหมือนเงินมันร้อนมือ
ถึงจะขัดสนแค่ไหน ก็ต้องหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง เงินที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน ไม่ใช่โชคลาภ แต่มันคือเคราะห์กรรม ใครจะรู้ว่าไอ้หมอนี่จะไม่กลับมาแก้แค้นอีก หมี่หลันเยว่คิดในใจ ถึงแม้ข้างในจะมีความคิดของผู้ใหญ่ แต่ร่างกายภายนอกมันก็แค่เด็กน้อยห้าขวบ อาจจะถูกใครต่อใครรังแกได้ทุกเมื่อ
สุดท้ายเธอก็ต้องยอมจำนนต่อคำพูดของตำรวจที่กระซิบกระซาบบอกว่า
"หมี่หลันเยว่ รับเงินไปเถอะ ถือซะว่าทำให้พวกเขาสบายใจ ถ้าไม่รับเงิน พวกเขากลัวว่าลูกชายจะถูกจับขังคุกหลายวัน ถ้ารับเงิน พวกเขาถึงจะวางใจว่าหนูจะไม่เอาเื่ลูกชายพวกเขาอีก"
มีเื่แบบนี้ด้วยเหรอ? หมี่หลันเยว่จนปัญญา จำต้องรับเงินมาแต่โดยดี หลิวชิงเวยเห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานแล้ว ก็ช่วยเก็บแผงหนังสือให้สองพี่น้อง เพื่อที่จะพาครอบครัวของคนร้ายไปขอโทษที่บ้านของหมี่หลันเยว่ จะได้พบปะพูดคุยกับผู้ใหญ่
แต่หมี่หลันเยว่รีบปฏิเสธเสียงแข็ง เธอไม่มีวันยอมให้พวกนั้นรู้ที่อยู่บ้านเด็ดขาด ไอ้หมอนั่นท่าทางไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเกิดคิดจะแก้แค้นขึ้นมา มันก็ง่ายเกินไปแล้ว
ตำรวจหวังดี แต่การยืนกรานของหมี่หลันเยว่ทำให้เขาสับสน เด็กคนนี้ทำไมถึงได้ดื้อรั้นขนาดนี้
"คุณลุงตำรวจคะ ถ้าคุณลุงตำรวจอยากคุยกับผู้ใหญ่ที่บ้านหนูจริงๆ ก็เชิญคุณลุงตำรวจไปที่บ้านหนูได้เลยค่ะ แต่พวกเขาไม่ต้องไปหรอกค่ะ เพราะมันเป็เื่ของเด็กๆ ถ้าผู้ใหญ่เข้าไปยุ่ง เื่มันจะยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่"
หมี่หลันเยว่พูดเสียงดังฟังชัด ทำให้พ่อแม่ของเ้าหนุ่มรู้สึกซาบซึ้งใจ เพราะการที่จะต้องไปก้มหน้าขอโทษถึงบ้านคนอื่น มันน่าอับอายขายหน้าสิ้นดี แต่พอเด็กหญิงพูดว่ามันเป็แค่เื่เด็กเล่น พวกเขาก็รู้สึกว่าหน้าตาตัวเองได้รับการปกป้องไปครึ่งหนึ่ง
"ในเมื่อหนูพูดแบบนี้ พวกเราก็จะไม่ไปรบกวนที่บ้านเขาแล้วครับ คุณตำรวจก็ลำบากหน่อย พวกเราจะกลับไปดูแลลูกให้ดีๆ จะไม่ให้ซนจนก่อเื่อีก"
นี่เท่ากับเป็การยืนยันคำพูดของหมี่หลันเยว่ ว่าเื่ที่เกิดขึ้นเป็แค่การซุกซนของเด็ก ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย
หลิวชิงเวยได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า การปกป้องลูกแบบนี้ ไม่ใช่เื่ดีเสมอไป ถ้าทุกครั้งสามารถจัดการเื่ราวได้แบบนี้ กลัวว่าต่อไปเขาจะก่อเื่ซ้ำซากอีก เพียงแต่เื่ในตอนนี้มันเล็กน้อยจริงๆ เขาจึงไม่สามารถบังคับให้ครอบครัวนี้ไปขอโทษถึงบ้านได้ ในเมื่อเ้าทุกข์ยินยอมที่จะสงบศึกแล้ว
"ก็ได้ ในเมื่อเธอยกโทษให้พวกคุณ ไม่ให้พวกคุณไปขอโทษถึงบ้าน และพวกคุณก็ไม่อยากจะขอโทษ งั้นเื่นี้ก็จบลงตรงนี้ ถ้ามีครั้งต่อไป จะไม่จบลงง่ายๆ แบบครั้งนี้ พวกคุณต้องขอบคุณเธอนะ"
หมี่หลันเยว่รีบโบกมือพัลวัน เธอแค่อยากจะหลีกหนีจากเื่นี้ ทำไมคุณตำรวจถึงได้เกาะติดเธอไม่ปล่อยอย่างนี้ เธออยากจะแปลงกายเป็คนล่องหนให้ได้
"แค่หนังสือการ์ตูนสามเล่ม ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอะไร หนูจะไปจุกจิกอะไรกับพวกเขาล่ะคะ คุณลุงตำรวจพูดเกินไปแล้วค่ะ"
แววตาของหลิวชิงเวยเป็ประกายอีกครั้ง เด็กหญิงคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
"พวกคุณดูเด็กน้อยคนนี้สิ เธอเป็เด็กดีแค่ไหน ความใจกว้างของเธอ ทำให้เื่นี้จบลงได้ดี พวกคุณกลับไปดูแลลูกให้ดีๆ อย่าให้เขาไปก่อเื่ที่ไหนอีกล่ะ"
ครอบครัวนั้นพูดขอบคุณออกมามากมาย ไม่คิดเลยว่าเด็กหญิงจะใจกว้างขนาดนี้ เมื่อเห็นครอบครัวนั้นจากไป เด็กที่มุงดูเหตุการณ์ก็แยกย้ายกันไป หลิวชิงเวยก็สะพายกระเป๋าหนังสือของหมี่หลันหยางไว้บนบ่า แล้วพาสองพี่น้องหมี่หลันเยว่เดินกลับบ้าน ขอบอกว่ากระเป๋าหนังสือบนบ่าหนักเอาการ
"คุณลุงตำรวจคะ กระเป๋ามันหนักใช่ไหมคะ ให้พวกหนูสะพายเองดีกว่า"
หมี่หลันเยว่สังเกตเห็นท่าทางที่ตำรวจหลิวกำลังขยับกระเป๋า จึงรีบยกมือขอเอากระเป๋าคืน เธอไม่อยากให้เขาพบความลับในกระเป๋า เสียงเหรียญที่กระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง ทำให้หมี่หลันเยว่ใจหายใจคว่ำ
"ทำไม พวกหนูสะพายกระเป๋าได้ แล้วคุณตำรวจจะสะพายไม่ได้เหรอ?"
หลิวชิงเวยลูบหัวเล็กๆ ของหมี่หลันเยว่ เด็กอะไรฉลาดเหลือเกิน คุยกับเธอทีไร เหมือนคุยกับคนรุ่นเดียวกัน ไม่เหมือนคุยกับเด็ก
ความรู้สึกนี้มันแปลกประหลาด คือในขณะที่มองว่าเธอเป็เด็ก แต่ก็รู้สึกว่าไม่สามารถมองเธอเป็เด็กได้ ราวกับว่าในตอนที่เธอสบตาด้วย เธอสามารถมองเห็นสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ ทำให้คุณต้องให้ความสำคัญกับคำพูดของเธอ และปฏิบัติต่อเธอในฐานะคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน
"คุณลุงตำรวจคะ ถึงบ้านพวกหนูแล้วค่ะ"
หลิวชิงเวยพบว่าที่นี่ไม่ไกลจากที่สองพี่น้องตั้งแผงขายหนังสือเท่าไหร่ แต่ก็อยู่ห่างกันสองถนน เพื่อไม่ให้คนที่บ้านรู้ สองคนนี้วางแผนกันมาแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็ความคิดของพี่ชายหรือน้องสาว แต่ในความคิดของหลิวชิงเวย ส่วนใหญ่จะเป็ความคิดของน้องสาว
หลิวชิงเวยกำลังจะเอื้อมมือไปเคาะประตู หมี่หลันหยางก็เอื้อมมือไปเปิดกลอนประตูที่ซ่อนอยู่หลังม่านเล็กๆ แล้ว
"คุณลุงตำรวจ เชิญข้างในครับ นี่คือบ้านของพวกเรา"
หลิวชิงเวยพยักหน้า แล้วให้สองคนเข้าไปก่อน เขาเดินตามเข้าไป
หมี่หลันหยางจับมือน้องสาวไว้แน่น หมี่หลันเยว่เขย่ามือเขาเบาๆ เหมือนจะปลอบโยน
"พ่อครับ แม่ครับ พวกเรากลับมาแล้ว"
หลิวชิงเวยสังเกตว่าพอถึงบ้าน หมี่หลันเยว่ก็เงียบไป หมี่หลันหยางเริ่มเป็ผู้นำ
เื่นี้แปลกประหลาด เขาเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นในสมอง เด็กหญิงคนนี้ แอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ต่อหน้าคนในครอบครัวหรือเปล่า? แต่พออยู่นอกบ้าน กลัวว่าพี่ชายจะเสียเปรียบ เธอจึงต้องออกมาปกป้อง ถ้าเป็แบบนั้นจริง เด็กหญิงคนนี้ก็สุดยอดเกินไปแล้ว
หวังหย่วนฉิงได้ยินเสียงลูกชายก็เดินออกมาจากในบ้าน
"วันนี้กลับมาเร็วจังเลย แม่กะเวลาทำอาหารพอดีเป๊ะ จะต้องรออีกหน่อย พวกลูกสองคนหิวหรือยัง? จะรอไหวไหม?"
ในขณะที่คุยกับลูก หวังหย่วนฉิงก็เห็นหลิวชิงเวยที่เดินตามมาข้างหลัง
"นี่ใครคะ?"
เธอสงสัย สองคนนี้เป็เด็กดีเชื่อฟัง ไม่น่าจะไปก่อเื่อะไร แล้วตำรวจมาที่บ้านทำไมกัน?
"สวัสดีครับ ผมเป็ตำรวจประจำเขตนี้ ผมชื่อหลิวชิงเวย นี่คือบัตรของผม"
หลิวชิงเวยทำความเคารพ แล้วยื่นบัตรประจำตัวให้หวังหย่วนฉิง ในเวลานั้น หมี่จิ้งเฉิงได้ยินเสียงผิดปกติ ก็เดินออกมาจากในบ้าน
"สวัสดีครับ คุณตำรวจ เชิญข้างในครับ"
เห็นภรรยาดูบัตรเสร็จแล้วส่งคืนให้ ไม่ได้พูดอะไร ก็รู้ว่าบัตรไม่ใช่ของปลอม หมี่จิ้งเฉิงรีบเชิญตำรวจเข้าไปในบ้าน
"ไม่ทราบว่าคุณมากับเด็กสองคนนี้ มีเื่อะไรหรือเปล่า? พวกเขาก่อเื่อะไรไว้เหรอครับ?"
พูดตามตรง หมี่จิ้งเฉิงไม่เชื่อว่าลูกจะก่อเื่ ไม่ต้องพูดถึงหมี่หลันหยางที่เป็คนขี้อาย แค่มีลูกสาวอยู่ข้างๆ ถึงลูกชายจะวู่วามบ้าง ลูกสาวก็จะคอยห้ามปราม
"อ้อ เื่มันเป็อย่างนี้ครับ ตอนเย็นผมได้รับแจ้งความ ถึงแม้จะเป็คดีเล็กน้อย แต่ก็มีคนแจ้งความ มีคนเข้าไปเกี่ยวข้อง..."
พอได้ยินคำว่าแจ้งความ เกี่ยวข้องกับคดี หวังหย่วนฉิงและหมี่จิ้งเฉิงก็ตื่นตระหนกขึ้นมาพร้อมกัน
"พ่อคะ แม่คะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วง"
เห็นสีหน้าของพ่อและแม่ตึงเครียด หมี่หลันเยว่รีบเข้าไปจับมือทั้งสองคนไว้ แล้วเขย่าเบาๆ
เห็นท่าทางของลูกสาว ก็รู้ว่าไม่น่าจะมีอะไรใหญ่โต ตำรวจคนนี้ท่าทางขี้ขู่จริงๆ สองคนนี้เริ่มมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับตำรวจคนนี้ นี่คงเป็ความรู้สึกของพ่อแม่ ที่ความกังวลที่มีต่อลูกมาเป็อันดับแรก ความปลอดภัยของลูกคือสิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขา
"ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
หมี่จิ้งเฉิงหวังว่าคุณตำรวจจะเล่าเื่ให้ชัดๆ ซะที พูดอ้อมๆ แบบนี้มันน่ากลัว
"อ้อ อย่าเพิ่งใไป เด็กๆ ไม่เป็อะไรครับ"
หลิวชิงเวยก็ดูออกว่าสองคนนี้ร้อนใจแล้ว พอเห็นสองคนนี้ครั้งแรก เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าสองคนนี้เป็ปัญญาชน ดูภายนอกก็สุภาพเรียบร้อย พอได้ฟังพวกเขาพูด ถึงแม้จะใจร้อน แต่ก็ไม่ได้พูดจาเสียงดัง แสดงให้เห็นถึงการอบรมสั่งสอนที่ดี
"พวกเขาสองคนตั้งแผงขายหนังสือเล็กๆ ข้างนอก คุณสองคนรู้เื่นี้ไหม? วันนี้มีคนขโมยหนังสือการ์ตูนจากแผงหนังสือ เด็กที่เช่าหนังสือก็ช่วยพวกเขาแจ้งความ"
หมี่จิ้งเฉิงและหวังหย่วนฉิงเบิกตากว้างขึ้นพร้อมกัน สองคนมองหน้ากันอยู่นาน ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เชื่อ
"เด็กๆ ตั้งแผงขายหนังสือ คุณสองคนไม่รู้เหรอครับ?"
ทั้งสองคนไม่รู้เื่จริงๆ พวกเขาไม่คิดเลยว่าลูกๆ จะปิดบังเื่ใหญ่ขนาดนี้ กล้าทำไปได้
การตั้งแผงขายหนังสือ พวกเขาจะทำเองยังกลัวๆ กล้าๆ แต่เด็กสองคนตัวเล็กๆ กล้าไปตั้งแผงขายหนังสือหาเงิน? แถมยังถูกขโมยอีก? พอคิดถึงเื่ถูกขโมย หวังหย่วนฉิงก็รีบดึงลูกสาวเข้ามาใกล้ๆ มองดูั้แ่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด แล้วก็ถอนหายใจออกมา
โชคดีที่ไม่เป็อะไร เธอแค่กลัวว่าลูกสาวจะใจร้อน ไปทะเลาะกับคนที่ขโมยหนังสือ ถ้าเป็อย่างนั้นเด็กๆ ก็เสียเปรียบ หมี่จิ้งเฉิงก็ดึงลูกชายมาตรวจดูทั่วตัวเหมือนกัน พอไม่เห็นร่องรอยาแ ก็ค่อยวางใจเหมือนภรรยา
"เด็กๆ ไม่ได้รับาเ็ คนที่ขโมยหนังสือก็ถูกผมจับได้แล้ว แต่หมี่หลันเยว่ไม่อยากเอาเื่"
หลิวชิงเวยเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์และการจัดการให้สองคนฟังอย่างละเอียด แล้วหมี่หลันเยว่ก็หยิบเงินสิบหยวนออกมา ส่งให้กับทั้งสองคน
"เงินนี้พวกลูกเก็บไว้เองเถอะ ถือว่าเป็บทเรียนเอาไว้เตือนใจ ลูกอยากจะได้ผลลัพธ์แบบไหน ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่าย ความลำบากของลูกคือราคาที่ต้องจ่าย การถูกขโมยครั้งนี้ก็คือราคาที่ต้องจ่าย จากเื่นี้จะเห็นได้ว่าเื่ต่างๆ มีความไม่แน่นอน ต่อให้ลูกวางแผนมาดีแค่ไหน ก็ยังมีเื่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้"
หวังหย่วนฉิงถือโอกาสอบรมสั่งสอนลูกๆ แต่ต่อหน้าคนนอก เธอไม่ได้พูดอะไรมาก ตั้งใจว่าพอตำรวจคนนี้ไปแล้ว จะสอนทั้งสองคนอย่างจริงจัง หลิวชิงเวยได้ยินหวังหย่วนฉิงสอนลูกๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมา เด็กหญิงคนนี้ฉลาด น่าจะเป็เพราะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีจากที่บ้าน