เมื่อน้าหลี่ได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานช่วยงานร้านเสื้อผ้าอยู่ในเมือง ใจก็คิดเอาไว้ว่าถ้าถูกใจขึ้นมา เธอจะเปลี่ยนงานของหลานสาวหลิวฟางทันที ลูกสะใภ้บ้านฝานทำงานประเภทนี้ได้ที่ไหนกัน?
หลิวฟางไม่ได้เข้าเมืองมาหลายวัน พอเยือนหลานเฟิ่งหวงอีกครั้ง เธอก็พาน้าหลี่มาด้วยทันที
เซี่ยเสี่ยวหลานทบทวนบทเรียนอยู่บ้านหลายวันเช่นกัน ข่าวการรับสมัครงานถูกประกาศออกไปแล้วก็มีคนเข้ามาสมัครงาน ทว่าคนก่อนหน้านี้หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินยังไม่พอใจเท่าไรนัก กว่าจะมีผู้สมัครที่เหมาะสมสักคน พวกเธอจึงเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานมาพิจารณาสักหน่อย
หลิวฟางพาน้าหลี่เข้ามาในร้าน เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งตกลงค่าตอบแทนกับหญิงสาวชื่อหม่าเวยคนนั้นเสร็จ หนึ่งเดือนทำงาน 28 วัน ทดลองงานหนึ่งเดือน มีเพียงเงินเดือนพื้นฐาน 40 หยวน หลังเข้าทำงานอย่างเป็ทางการถ้าทำงานครบ 28 วันทุกเดือนจะมีเงินพิเศษเพิ่มอีก 20 หยวน และร้านยังรับผิดชอบอาหารสองมื้ออีกด้วย
“ถ้าเธอทำครบหนึ่งปีแล้วยังอยู่ในร้านนี้ จะขึ้นเงินเดือนให้เธอแน่นอน”
นี่ถือเป็พนักงานขายของร้านเสื้อผ้าแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ให้ส่วนแบ่งการขายทันทีที่มา เนื่องจากเธอต้องพิจารณาว่าคนผู้นี้เป็อย่างไร หม่าเวยจบการศึกษาระดับมัธยมต้น หน้าตาไม่สะสวยมากนัก ทว่ามีรูปลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกดีได้ง่าย แค่ให้เธอช่วยงานเท่านั้น ไม่คาดหวังว่าเธอต้องสามารถเสนอขายเสื้อผ้าได้ หม่าเวยก็นึกไม่ถึงว่า ‘หลานเฟิ่งหวง’ จะรับเธอเข้าทำงานจริงๆ เนื่องจากมีคนหางานไม่ได้ในเมืองอยู่ถมเถไป
คนไม่มีทักษะอาชีพอะไรเช่นเธอ หลังเข้าทำงานจริงจังจะได้เงินเดือนรวมเงินพิเศษ 60 หยวนต่อเดือน ยังมีสิ่งใดที่จะไม่พึงพอใจอีก?
แม้ร้านค้าเอกชนจะไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลกับเงินเกษียณอายุ ทว่าหม่าเวยหางานที่ดีกว่านี้ไม่เจออีกแล้ว เธอทั้งตื่นเต้นและซาบซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งวันยังมีอาหารสองมื้อ ต่อให้อาหารของร้านย่ำแย่แค่ไหน แต่ในหนึ่งเดือนเธอสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึงสิบกว่าหยวน
ดังนั้น จริงๆ แล้วเงินเดือนของงานนี้รวมอาหารสองมื้อคือ 70 หยวนต่อเดือนสินะ? ครอบครัวหม่าเหวยเป็เพียงชนชั้นกลางในเมืองธรรมดาๆ ครอบครัวไม่มีเส้นสายจะจัดหางานให้เธอ อาชีพของบิดามารดาเธอเองก็ไม่ได้ดีเลิศนัก แม้บิดาเธอจะมีเงินเดือนสูง ทว่าหนึ่งเดือนก็ยังได้แค่หกสิบกว่าหยวนเท่านั้น
“พรุ่งนี้ฉันจะมาทำงานทันทีค่ะ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานมองหญิงสาวคนนี้ที่ซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ ก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับ
“เข้างาน 9 โมงเช้า เลิกงานประมาณสองทุ่ม พรุ่งนี้เธอไปสำนักงานท้องถิ่นเพื่อขอจดหมายแนะนำก่อนนะ อธิบายเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ ตลอดจนสมาชิกครอบครัวและที่อยู่ แน่นอนว่าถ้าพรุ่งนี้มาทำงานได้จะดีที่สุดเลย”
การขอจดหมายแนะนำคือสิ่งที่จำเป็ ทำงานที่ไหนล้วนก็้าจดหมายแนะนำ มิเช่นนั้นจะทราบตัวตนของคนที่ผู้รับจ้างงานได้อย่างไร
พอน้าหลี่และหลิวฟางเข้ามาในร้าน ก็เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานยืนหันข้างสนทนากับหม่าเวย
ไม่ต้องให้หลิวฟางแนะนำ น้าหลี่ก็รู้ว่าใครคือคนที่เธอจะมาพบในวันนี้... สวยมาก สวยอย่างที่น้าหลี่ไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานหันหน้ามา น้าหลี่รู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก หน้าตาแบบนี้ก็ไม่้าคุณสมบัติชาติกระกูลอะไรแล้ว สวยกว่าเหลียงฮวนมากโขจริงๆ
เหลียงฮวนอายุยังน้อย ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานเป็หญิงสาวสะพรั่งผู้งดงามแล้ว
อกเป็อก ก้นเป็ก้น รูปร่างเพรียวบางก็จริง แต่ไม่ผอมแห้ง!
รูปลักษณ์ภายนอกช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือเกิน และหากต้องแต่งงานเข้าบ้านฝาน ได้พบแม่สามีอย่างเธอนี่สิถึงจะไม่ถูกรังเกียจ สำหรับครอบครัวที่ฐานะเทียบเทียมกับตระกูลฝาน ด้วยรูปลักษณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานเกรงว่าจะมีแต่ผู้ชายที่โปรดปราน แต่ผู้าุโในบ้านคัดค้านแน่นอน
น้าหลี่พึงพอใจ พลางคิดว่าหลิวฟางไม่ได้หลอกเธอจริงๆ
หลิวฟางย่อมภูมิใจไปด้วยเป็ธรรมดา แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะแซ่เซี่ย อันที่จริงมีเพียงรูปร่างที่เหมือนคนตระกูลเซี่ย เพราะคนตระกูลหลิวต่างหากเซี่ยวเสี่ยวหลานถึงมีหน้าตาสะสวยเช่นนี้
“เสี่ยว—”
หลิวฟางจะเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานเข้ามาให้น้าหลี่เชยชมอย่างละเอียด
“เสี่ยวฟางมาอีกแล้วหรือ?”
ต่อหน้าคนนอก หลี่เฟิ่งเหมยเรียกน้องสามีผู้น่ารำคาญตามปกติ เมื่อยาหนังหมาถูกแปะแล้วก็ดึงออกยาก [1] หลี่เฟิ่งเหมยจะมีวิธีอะไรอีก
“คุณน้าหลี่ นี่คือพี่สะใภ้ของฉัน หลานเฟิ่งหวงเป็ร้านที่เธอเปิด พี่สะใภ้ ฉันพาน้าหลี่มาเลือกเสื้อผ้าสักตัวน่ะ”
หลิวฟางพูดไปยิ้มไป หลี่เฟิ่งเหมยได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ เอาเถอะ อย่างไรเสียก็มาเพิ่มยอดขายให้กับร้าน อีกฝ่ายท่าทางเป็มิตรจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ หลี่เฟิ่งเหมยจึงต้องทักทายอย่างมีมารยาท
น้าหลี่มีกะจิตกะใจดูว่าเสื้อผ้าเสียที่ไหนกัน ความสนใจของเธออยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งหมด
แต่นี่เป็พี่สะใภ้ของหลิวฟาง ดังนั้นก็คือป้าสะใภ้ของเซี่ยเสี่ยวหลาน อีกหน่อยทุกคนจะเป็เครือญาติกัน น้าหลี่ย่อมต้องรักษาหน้าทีเดียว
“ร้านใหญ่มาก เสื้อผ้าก็สวย คุณทำธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ด้วยตัวเอง ช่างสุดยอดจริงๆ นะ!”
ไม่รู้ว่า ‘น้าหลี่’ คนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร วาจารื่นหูไม่น้อย หลี่เฟิ่งเหมยตอบรับอย่างถ่อมตนไม่กี่ประโยค และปล่อยให้น้าหลี่เลือกเสื้อผ้าเองตามสะดวก หลิวฟางพาคนมา ต้องลดราคาให้หรือเปล่านะ? หลานสาวบอกไว้ว่าจะลดราคาง่ายๆ ไม่ได้ ต้องเข้าสู่่สิ้นฤดูกาลถึงจะสามารถลดราคาได้ ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องสนว่าซื้อเยอะหรือไม่ อีกเดี๋ยวแถมเข็มขัดหนังกับกระเป๋าเงินให้ก็แล้วกัน หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกว่าสหายที่หลิวฟางพามามีสง่าราศี แค่เห็นก็รู้ว่าเป็คนรวย
นิ้วมือสวมแหวนทองคำ ตรงกลางฝังหยกสีเขียวสด ดูสวยงามยิ่งนัก
พวกคนที่ท้องยังไม่อิ่ม ใครจะไปสวมเครื่องประดับหรูหรากัน
มาซื้อเสื้อผ้าในหลานเฟิ่งหวงย่อมมิใช่คนยากจน แต่ที่สวมทั้งแหวนและกำไลข้อมือหยกนี่สิ การแต่งกายของน้าหลี่ถือว่าพบได้ไม่บ่อยนัก
“ฉันเห็นแม่หนูคนนั้นแต่งตัวดูดีเชียว ให้เธอมาช่วยฉันเลือกสักสองชุดได้หรือไม่?”
น้าหลี่พูดจาดี หลี่เฟิ่งเหมยจึงเรียก ‘เสี่ยวหลาน’
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากแสร้งว่าไม่ได้ยินก็ไม่ทันแล้ว ลูกค้าเรียกขาน้าให้เธอบริการ เซี่ยเสี่ยวหลานยังจะแกล้งโง่ได้อีกหรือ?
“น้า เมื่อครู่ติดคุยธุระอยู่เลยไม่เห็นน้า หม่าเวย เธอกลับไปก่อนเถอะ”
ทักษะการแสดงของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ย่ำแย่เท่าไรนัก ส่งหม่าเวยกลับไปก่อน จากนั้นก็เดินเข้ามา เธอดูออกว่าน้าหลี่อายุมากแล้วั้แ่แรกเห็น แม้รูปลักษณ์จะดูเหมือนอายุห้าสิบกว่า แต่นั่นเป็เพราะสุภาพสตรีส่วนใหญ่ในตอนนี้ไม่ค่อยดูแลตนเอง จึงทำให้น้าหลี่ยิ่งดูสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด
ย้อมสีผม รองเท้าหนังที่เท้าสวมอยู่ก็เป็หนังลูกวัว
กำไลบนข้อมือเป็หยกพม่า เนื้อหยกดูคุณภาพสูงเสียด้วย
เพียงแต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าควรเรียกอีกฝ่ายอย่างไร หลิวฟางเรียกคุณน้า มิใช่ว่าเธอต้องเรียคุณย่าหรือ? ผู้หญิงคนไหนจะยินดีโดนเรียกแบบผู้สูงวัยเล่า
“แม่หนู พวกเราต่างคนต่างเรียกเถอะ ฉันแซ่หลี่ เธอเรียกฉันน้าหลี่ก็พอ”
น้าหลี่ไม่ได้กลัวโดนเรียกเหมือนคนสูงวัย
แต่หากเซี่ยเสี่ยวหลานกลายมาเป็ลูกสะใภ้ของเธอ การเรียกเธอว่าคุณย่าดูจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร
“น้าหลี่ คุณอยากเลือกเสื้อนอกหรือกางเกง ฉันจะดูเป็เพื่อนคุณเองค่ะ”
ตอนนี้ใส่เสื้อไหมพรมจะพอดีมาก บุคลิกของน้าหลี่เองก็เหมาะเสมอกัน ความคิดของคนปกติจะเชื่อมโยงกับความคิดของหลิวฟางได้อย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่รู้เหมือนกันว่าหลิวฟางพาคนมาร้านเพื่อ ‘พิจารณา’ นึกว่าหลิวฟางพามิตรสหายมาอวดบารมีเสียอีก เซี่ยเสี่ยวหลานจะเลือกของแพงให้แน่นอน ทำเอาหลิวฟางนึกถึง ‘หลานเฟิ่งหวง’ คราวหน้าก็ต้องเจ็บใจ
เซี่ยเสี่ยวหลานแนะนำเสื้อขนแพะแก่น้าหลี่
สินค้านี้รับมาโดยผ่านเฉินซีเหลียงเท่านั้น ขนแพะที่ทั้งเก็บความอบอุ่นและเบาสบาย เป็สินค้าขายดีสำหรับส่งออก ในห้างสรรพสินค้ายังซื้อได้ยาก ทว่ามีจำหน่ายในโรงแรมปักกิ่ง ที่นั่นมีจุดแสดงสินค้าจำนวนมาก สหายต่างแดนผู้มาพักสามารถซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปได้ เขาว่ากันว่าจุดแสดงสินค้าของโรงแรมปักกิ่งขายเสื้อขนแพะหลายพันตัวต่อปี
น้าหลี่รู้จักสินค้า พอจับเสื้อเธอก็รู้ว่าคืออะไร
“ขนแพะ?”
เธอไม่เคืองที่เซี่ยเสี่ยวหลานแนะนำเสื้อผ้าราคาแพงให้ กลับกลายเป็คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตาถึง และเธอก็มิใช่ซื้อเสื้อขนแพะไม่ไหวอยู่แล้ว
“ขนแพะค่ะ นี่เป็คอระดับกลาง ใส่แล้วไม่รัดคอ และรองรับอากาศตอนนี้ได้ด้วย ฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาแล้ว ตอนเช้ากับกลางคืนจึงหนาวพอสมควร ”
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้น้ำเสียงสนทนากับทุกคนไม่แตกต่างกัน คุยกับลูกค้ายิ่งอ่อนหวาน
น้าหลี่คิดว่าเธอหน้าตาสะสวย สุ้มเสียงก็ไพเราะ
—สะใภ้คนนี้ตระกูลฝานเห็นชอบแล้ว!
เชิงอรรถ
[1]狗皮膏药 ยาหนังหมา คือ ยาแผนจีนชนิดหนึ่งที่นำตัวยาทาไว้กับแผ่นผ้าสำหรับแปะ สมัยก่อนใช้หนังสุนัขทำ จึงเรียกด้วยชื่อนี้ คำนี้ใช้เปรียบเทียบถึงคนที่ตามติดรังควาญ ทำอย่างไรก็ไม่จากไป เหมือนแผ่นยาที่แปะลงบนผิวแล้วดึงออกยาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้