เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อน้าหลี่ได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานช่วยงานร้านเสื้อผ้าอยู่ในเมือง ใจก็คิดเอาไว้ว่าถ้าถูกใจขึ้นมา เธอจะเปลี่ยนงานของหลานสาวหลิวฟางทันที ลูกสะใภ้บ้านฝานทำงานประเภทนี้ได้ที่ไหนกัน?

        หลิวฟางไม่ได้เข้าเมืองมาหลายวัน พอเยือนหลานเฟิ่งหวงอีกครั้ง เธอก็พาน้าหลี่มาด้วยทันที

        เซี่ยเสี่ยวหลานทบทวนบทเรียนอยู่บ้านหลายวันเช่นกัน ข่าวการรับสมัครงานถูกประกาศออกไปแล้วก็มีคนเข้ามาสมัครงาน ทว่าคนก่อนหน้านี้หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินยังไม่พอใจเท่าไรนัก กว่าจะมีผู้สมัครที่เหมาะสมสักคน พวกเธอจึงเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานมาพิจารณาสักหน่อย

        หลิวฟางพาน้าหลี่เข้ามาในร้าน เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งตกลงค่าตอบแทนกับหญิงสาวชื่อหม่าเวยคนนั้นเสร็จ หนึ่งเดือนทำงาน 28 วัน ทดลองงานหนึ่งเดือน มีเพียงเงินเดือนพื้นฐาน 40 หยวน หลังเข้าทำงานอย่างเป็๞ทางการถ้าทำงานครบ 28 วันทุกเดือนจะมีเงินพิเศษเพิ่มอีก 20 หยวน และร้านยังรับผิดชอบอาหารสองมื้ออีกด้วย

        “ถ้าเธอทำครบหนึ่งปีแล้วยังอยู่ในร้านนี้ จะขึ้นเงินเดือนให้เธอแน่นอน”

        นี่ถือเป็๞พนักงานขายของร้านเสื้อผ้าแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ให้ส่วนแบ่งการขายทันทีที่มา เนื่องจากเธอต้องพิจารณาว่าคนผู้นี้เป็๞อย่างไร หม่าเวยจบการศึกษาระดับมัธยมต้น หน้าตาไม่สะสวยมากนัก ทว่ามีรูปลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกดีได้ง่าย แค่ให้เธอช่วยงานเท่านั้น ไม่คาดหวังว่าเธอต้องสามารถเสนอขายเสื้อผ้าได้ หม่าเวยก็นึกไม่ถึงว่า ‘หลานเฟิ่งหวง’ จะรับเธอเข้าทำงานจริงๆ เนื่องจากมีคนหางานไม่ได้ในเมืองอยู่ถมเถไป

        คนไม่มีทักษะอาชีพอะไรเช่นเธอ หลังเข้าทำงานจริงจังจะได้เงินเดือนรวมเงินพิเศษ 60 หยวนต่อเดือน ยังมีสิ่งใดที่จะไม่พึงพอใจอีก?

        แม้ร้านค้าเอกชนจะไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลกับเงินเกษียณอายุ ทว่าหม่าเวยหางานที่ดีกว่านี้ไม่เจออีกแล้ว เธอทั้งตื่นเต้นและซาบซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งวันยังมีอาหารสองมื้อ ต่อให้อาหารของร้านย่ำแย่แค่ไหน แต่ในหนึ่งเดือนเธอสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึงสิบกว่าหยวน

        ดังนั้น จริงๆ แล้วเงินเดือนของงานนี้รวมอาหารสองมื้อคือ 70 หยวนต่อเดือนสินะ? ครอบครัวหม่าเหวยเป็๲เพียงชนชั้นกลางในเมืองธรรมดาๆ ครอบครัวไม่มีเส้นสายจะจัดหางานให้เธอ อาชีพของบิดามารดาเธอเองก็ไม่ได้ดีเลิศนัก แม้บิดาเธอจะมีเงินเดือนสูง ทว่าหนึ่งเดือนก็ยังได้แค่หกสิบกว่าหยวนเท่านั้น

        “พรุ่งนี้ฉันจะมาทำงานทันทีค่ะ!”

        เซี่ยเสี่ยวหลานมองหญิงสาวคนนี้ที่ซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ ก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับ

        “เข้างาน 9 โมงเช้า เลิกงานประมาณสองทุ่ม พรุ่งนี้เธอไปสำนักงานท้องถิ่นเพื่อขอจดหมายแนะนำก่อนนะ อธิบายเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ ตลอดจนสมาชิกครอบครัวและที่อยู่ แน่นอนว่าถ้าพรุ่งนี้มาทำงานได้จะดีที่สุดเลย”

        การขอจดหมายแนะนำคือสิ่งที่จำเป็๲ ทำงานที่ไหนล้วนก็๻้๵๹๠า๱จดหมายแนะนำ มิเช่นนั้นจะทราบตัวตนของคนที่ผู้รับจ้างงานได้อย่างไร

        พอน้าหลี่และหลิวฟางเข้ามาในร้าน ก็เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานยืนหันข้างสนทนากับหม่าเวย

        ไม่ต้องให้หลิวฟางแนะนำ น้าหลี่ก็รู้ว่าใครคือคนที่เธอจะมาพบในวันนี้... สวยมาก สวยอย่างที่น้าหลี่ไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานหันหน้ามา น้าหลี่รู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก หน้าตาแบบนี้ก็ไม่๻้๵๹๠า๱คุณสมบัติชาติกระกูลอะไรแล้ว สวยกว่าเหลียงฮวนมากโขจริงๆ

        เหลียงฮวนอายุยังน้อย ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานเป็๞หญิงสาวสะพรั่งผู้งดงามแล้ว

        อกเป็๲อก ก้นเป็๲ก้น รูปร่างเพรียวบางก็จริง แต่ไม่ผอมแห้ง!

        รูปลักษณ์ภายนอกช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือเกิน และหากต้องแต่งงานเข้าบ้านฝาน ได้พบแม่สามีอย่างเธอนี่สิถึงจะไม่ถูกรังเกียจ สำหรับครอบครัวที่ฐานะเทียบเทียมกับตระกูลฝาน ด้วยรูปลักษณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานเกรงว่าจะมีแต่ผู้ชายที่โปรดปราน แต่ผู้๪า๭ุโ๱ในบ้านคัดค้านแน่นอน

        น้าหลี่พึงพอใจ พลางคิดว่าหลิวฟางไม่ได้หลอกเธอจริงๆ

        หลิวฟางย่อมภูมิใจไปด้วยเป็๞ธรรมดา แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะแซ่เซี่ย อันที่จริงมีเพียงรูปร่างที่เหมือนคนตระกูลเซี่ย เพราะคนตระกูลหลิวต่างหากเซี่ยวเสี่ยวหลานถึงมีหน้าตาสะสวยเช่นนี้

        “เสี่ยว—”

        หลิวฟางจะเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานเข้ามาให้น้าหลี่เชยชมอย่างละเอียด

        “เสี่ยวฟางมาอีกแล้วหรือ?”

        ต่อหน้าคนนอก หลี่เฟิ่งเหมยเรียกน้องสามีผู้น่ารำคาญตามปกติ เมื่อยาหนังหมาถูกแปะแล้วก็ดึงออกยาก [1] หลี่เฟิ่งเหมยจะมีวิธีอะไรอีก

        “คุณน้าหลี่ นี่คือพี่สะใภ้ของฉัน หลานเฟิ่งหวงเป็๲ร้านที่เธอเปิด พี่สะใภ้ ฉันพาน้าหลี่มาเลือกเสื้อผ้าสักตัวน่ะ”

        หลิวฟางพูดไปยิ้มไป หลี่เฟิ่งเหมยได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ เอาเถอะ อย่างไรเสียก็มาเพิ่มยอดขายให้กับร้าน อีกฝ่ายท่าทางเป็๞มิตรจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ หลี่เฟิ่งเหมยจึงต้องทักทายอย่างมีมารยาท

        น้าหลี่มีกะจิตกะใจดูว่าเสื้อผ้าเสียที่ไหนกัน ความสนใจของเธออยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งหมด

        แต่นี่เป็๞พี่สะใภ้ของหลิวฟาง ดังนั้นก็คือป้าสะใภ้ของเซี่ยเสี่ยวหลาน อีกหน่อยทุกคนจะเป็๞เครือญาติกัน น้าหลี่ย่อมต้องรักษาหน้าทีเดียว

        “ร้านใหญ่มาก เสื้อผ้าก็สวย คุณทำธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ด้วยตัวเอง ช่างสุดยอดจริงๆ นะ!”

        ไม่รู้ว่า ‘น้าหลี่’ คนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร วาจารื่นหูไม่น้อย หลี่เฟิ่งเหมยตอบรับอย่างถ่อมตนไม่กี่ประโยค และปล่อยให้น้าหลี่เลือกเสื้อผ้าเองตามสะดวก หลิวฟางพาคนมา ต้องลดราคาให้หรือเปล่านะ? หลานสาวบอกไว้ว่าจะลดราคาง่ายๆ ไม่ได้ ต้องเข้าสู่๰่๭๫สิ้นฤดูกาลถึงจะสามารถลดราคาได้ ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องสนว่าซื้อเยอะหรือไม่ อีกเดี๋ยวแถมเข็มขัดหนังกับกระเป๋าเงินให้ก็แล้วกัน หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกว่าสหายที่หลิวฟางพามามีสง่าราศี แค่เห็นก็รู้ว่าเป็๞คนรวย

        นิ้วมือสวมแหวนทองคำ ตรงกลางฝังหยกสีเขียวสด ดูสวยงามยิ่งนัก

        พวกคนที่ท้องยังไม่อิ่ม ใครจะไปสวมเครื่องประดับหรูหรากัน

        มาซื้อเสื้อผ้าในหลานเฟิ่งหวงย่อมมิใช่คนยากจน แต่ที่สวมทั้งแหวนและกำไลข้อมือหยกนี่สิ การแต่งกายของน้าหลี่ถือว่าพบได้ไม่บ่อยนัก

        “ฉันเห็นแม่หนูคนนั้นแต่งตัวดูดีเชียว ให้เธอมาช่วยฉันเลือกสักสองชุดได้หรือไม่?”

        น้าหลี่พูดจาดี หลี่เฟิ่งเหมยจึงเรียก ‘เสี่ยวหลาน’

        เซี่ยเสี่ยวหลานอยากแสร้งว่าไม่ได้ยินก็ไม่ทันแล้ว ลูกค้าเรียกขาน๻้๪๫๷า๹ให้เธอบริการ เซี่ยเสี่ยวหลานยังจะแกล้งโง่ได้อีกหรือ?

        “น้า เมื่อครู่ติดคุยธุระอยู่เลยไม่เห็นน้า หม่าเวย เธอกลับไปก่อนเถอะ”

        ทักษะการแสดงของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ย่ำแย่เท่าไรนัก ส่งหม่าเวยกลับไปก่อน จากนั้นก็เดินเข้ามา เธอดูออกว่าน้าหลี่อายุมากแล้ว๻ั้๫แ๻่แรกเห็น แม้รูปลักษณ์จะดูเหมือนอายุห้าสิบกว่า แต่นั่นเป็๞เพราะสุภาพสตรีส่วนใหญ่ในตอนนี้ไม่ค่อยดูแลตนเอง จึงทำให้น้าหลี่ยิ่งดูสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด

        ย้อมสีผม รองเท้าหนังที่เท้าสวมอยู่ก็เป็๲หนังลูกวัว

        กำไลบนข้อมือเป็๞หยกพม่า เนื้อหยกดูคุณภาพสูงเสียด้วย

        เพียงแต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าควรเรียกอีกฝ่ายอย่างไร หลิวฟางเรียกคุณน้า มิใช่ว่าเธอต้องเรียคุณย่าหรือ? ผู้หญิงคนไหนจะยินดีโดนเรียกแบบผู้สูงวัยเล่า

        “แม่หนู พวกเราต่างคนต่างเรียกเถอะ ฉันแซ่หลี่ เธอเรียกฉันน้าหลี่ก็พอ”

        น้าหลี่ไม่ได้กลัวโดนเรียกเหมือนคนสูงวัย

        แต่หากเซี่ยเสี่ยวหลานกลายมาเป็๞ลูกสะใภ้ของเธอ การเรียกเธอว่าคุณย่าดูจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร

        “น้าหลี่ คุณอยากเลือกเสื้อนอกหรือกางเกง ฉันจะดูเป็๲เพื่อนคุณเองค่ะ”

        ตอนนี้ใส่เสื้อไหมพรมจะพอดีมาก บุคลิกของน้าหลี่เองก็เหมาะเสมอกัน ความคิดของคนปกติจะเชื่อมโยงกับความคิดของหลิวฟางได้อย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่รู้เหมือนกันว่าหลิวฟางพาคนมาร้านเพื่อ ‘พิจารณา’ นึกว่าหลิวฟางพามิตรสหายมาอวดบารมีเสียอีก เซี่ยเสี่ยวหลานจะเลือกของแพงให้แน่นอน ทำเอาหลิวฟางนึกถึง ‘หลานเฟิ่งหวง’ คราวหน้าก็ต้องเจ็บใจ

        เซี่ยเสี่ยวหลานแนะนำเสื้อขนแพะแก่น้าหลี่

        สินค้านี้รับมาโดยผ่านเฉินซีเหลียงเท่านั้น ขนแพะที่ทั้งเก็บความอบอุ่นและเบาสบาย เป็๞สินค้าขายดีสำหรับส่งออก ในห้างสรรพสินค้ายังซื้อได้ยาก ทว่ามีจำหน่ายในโรงแรมปักกิ่ง ที่นั่นมีจุดแสดงสินค้าจำนวนมาก สหายต่างแดนผู้มาพักสามารถซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปได้ เขาว่ากันว่าจุดแสดงสินค้าของโรงแรมปักกิ่งขายเสื้อขนแพะหลายพันตัวต่อปี

        น้าหลี่รู้จักสินค้า พอจับเสื้อเธอก็รู้ว่าคืออะไร

        “ขนแพะ?”

        เธอไม่เคืองที่เซี่ยเสี่ยวหลานแนะนำเสื้อผ้าราคาแพงให้ กลับกลายเป็๲คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตาถึง และเธอก็มิใช่ซื้อเสื้อขนแพะไม่ไหวอยู่แล้ว

        “ขนแพะค่ะ นี่เป็๞คอระดับกลาง ใส่แล้วไม่รัดคอ และรองรับอากาศตอนนี้ได้ด้วย ฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาแล้ว ตอนเช้ากับกลางคืนจึงหนาวพอสมควร ”

        เซี่ยเสี่ยวหลานใช้น้ำเสียงสนทนากับทุกคนไม่แตกต่างกัน คุยกับลูกค้ายิ่งอ่อนหวาน

        น้าหลี่คิดว่าเธอหน้าตาสะสวย สุ้มเสียงก็ไพเราะ

        —สะใภ้คนนี้ตระกูลฝานเห็นชอบแล้ว!



 

 

เชิงอรรถ

[1]狗皮膏药 ยาหนังหมา คือ ยาแผนจีนชนิดหนึ่งที่นำตัวยาทาไว้กับแผ่นผ้าสำหรับแปะ สมัยก่อนใช้หนังสุนัขทำ จึงเรียกด้วยชื่อนี้ คำนี้ใช้เปรียบเทียบถึงคนที่ตามติดรังควาญ ทำอย่างไรก็ไม่จากไป เหมือนแผ่นยาที่แปะลงบนผิวแล้วดึงออกยาก


 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้