น่าแปลกที่เยว่ฉีคนนี้มีความยับยั้งชั่งใจมากกว่า นางไม่ทำตัวร้ายกาจ ตราบใดที่ไม่มีใครขัดใจนาง
หลายวันมานี้คุณหนูรองไม่ได้สั่งโบยบ่าวรับใช้ที่พูดจาไม่เข้าหูนาง จับพวกเขาไปขังไว้ในกระท่อมร้างหรือห้องเก็บของชั้นใต้ดิน สั่งให้อดอาหารและน้ำ ทั้งที่ผ่านมานางรู้ดีแก่ใจ บ่าวรับใช้ล้วนหวังดีต่อนาง กลัวนางเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะขลุกอยู่ในโรงยา
เดี๋ยวนี้บ่าวสตรีมาเรียกนางไปกินข้าวนางก็ไป นางขอบคุณจากใจที่พวกเขายอมอยู่ดูแลคุณหนูเอาแต่ใจอย่างนาง แม้ว่านางจะตอบแทนด้วยการทำร้ายพวกเขา
“Antioxidant[1], Sodium citrate[2], Glycerin[3]”
คุณหนูรองพูดจาประหลาดหน้าชามข้าว ทำบ่าวรับใช้งุนงงไปตาม ๆ กัน แต่เมื่อนางอารมณ์ดีผิดเป็คนละคน เพียงพอแล้วสำหรับผู้มีความจงรักภักดีต่อบ้านสกุลหยาง
ซูหนี่ว์เรียกบ่าวสตรีข้างนอกให้เข้ามาเก็บจานข้าวของคุณหนู ก่อนนำอ่างล้างมือเข้ามาพร้อมชาและขนม ซิงอีมีสีหน้าไม่สบายใจ พวกนางนั่งอยู่บนพื้นเรือน
“คุณหนูรองจะไม่ไปพบท่านผู้ตรวจการจริงหรือเ้าคะ เขายืนตากฝนอยู่หน้าเรือนมาสองชั่วยามแล้ว...”
“อยากตากฝนเป็พระเอกละครนักก็ตามสบาย ข้าพูดกับเขาแล้วว่าข้าไม่ใส่ใจเื่ใดนอกจากเื่ยา”
“โธ่... คุณหนู น่าสงสารออก ใช่ไหม? ซีซวน”
“เกรงว่าคุณชายจะไม่สบายเอานะเ้าคะ”
“เ้าก็ไปสิ ไปเลย เ้าสงสารนักก็ไป หรือจะให้ข้าอาละวาดพวกเ้าไหม?”
“ไม่เ้าค่ะ!”
บ่าวรับใช้มีความเห็นพ้องต้องกัน ไม่กล้าขัดใจคุณหนูรอง นางเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย พูดจาประหลาด ๆ แถมท่านหมอหลวงไม่อยู่เรือนวันนี้ เดินทางไปราชสำนักั้แ่รุ่งฟ้าสาง หมายความว่าไม่มีคนกลางไกล่เกลี่ย มิฉะนั้นบิดาคงมาขอให้บุตรสาวออกไปปรับความเข้าใจกับคุณชายสามแน่
เหม่ยฉีสบโอกาสนั่งจิบชารสชาติดี คาดว่าเป็ชาหอมหมื่นลี้ นางว่าอีกสักพักเขาก็ไป คนฉลาดอย่างผู้ตรวจการไม่ยืนตากลมฝนอย่างคนโง่เง่านาน ๆ ให้เป็ขี้ปากชาวบ้าน นางพูดเสียงเข้ม ออกคำสั่งเคร่งครัด
“ถ้าท่านพ่อไม่มาเรียกข้า ข้าจะอยู่แต่ในโรงยา ห้ามไม่ให้ใครมารบกวนข้า”
บ่าวสตรีคนสนิทรับปากนาง แจ้งบ่าวคนอื่น ๆ อย่างครบถ้วนทุกประการว่าคุณหนูจะอยู่กับตำรายา
“ดีล่ะ ข้าจะหมกมุ่นกับตำราสมุนไพร วิชาการแพทย์ ไม่ต่างจากบัณฑิตเตรียมสอบเข้ารับข้าราชการทีเดียว”
พูดถึงการสอบในสมัยราชวงศ์ชิง การสอบประเภทฉังเคอแบ่งเป็สองสาขา สาขาเหวินเคอเป็ขุนนางฝ่ายบุ๋น สาขาอู่เคอเป็ขุนนางฝ่ายบู๊ นางลุกขึ้นเดินพูดคนเดียวอย่างมาดมั่น หยิบถุงเงินติดเอวไปด้วย ผู้คนที่นี่ใช้เงินหยวนเป่า[4] นักเขียนไม่ได้พูดถึงว่านี่อยู่ในยุคสมัยอะไร
“คงเป็หลังราชวงศ์ถัง ประยุกต์ให้เข้ากับเื่ราวในนิยายร่วมสมัย?”
คำถามมากมายรุมเร้าในหัวนาง เปิดประตูเข้ามาหยุดยืนหน้าหม้อดินเผาเรียงรายในโรงปรุงยา บริเวณมุมห้องมีตำราเก่ามากมาย เป็ตำราคัดเขียนด้วยลายมือ การปาดพู่กันของคนโบราณช่างงดงามยิ่งนัก
การที่นางหลงใหลในตำรายาและสมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่เื่แปลก นางเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์ นางร่ำเรียนทั้งการแพทย์พื้นบ้านและแพทย์จีนปัจจุบัน นางหลงใหลในทุกเื่ตำรายา นางเป็นักเรียนทุนมาั้แ่อายุยังน้อย นางได้ทุนเรียนดีทุกปี
มาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วนางตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะทุ่มชีวิตไปกับสมุนไพรอันน่าอัศจรรย์ ตำราที่นางเฝ้าฝันว่าจะได้อ่านมันโดยไม่ต้องเดินทางไปห้องเก็บตำราเก่า ซึ่งส่วนหนึ่งก็โดนปลวกกิน หากว่านางไม่พบบุรุษที่ตรงใจ หัวเด็ดตีนขาด! ใครมาคลุมถุงชนนางไม่ได้ นางจะไม่แต่งงาน
เหม่ยฉีหยิบตำราสมุนไพรบำรุงกำลังมานั่งอ่านบนเก้าอี้ไม้หน้าตาเรียงราย นางเงยหน้ามองท้องฟ้าเปิดโล่งที่ไร้ควันจากหม้อยา นึกขึ้นได้ว่าในนิยายมีการกล่าวถึงเหล่าตัวประกอบผู้หลงใหลชอบพอคุณหนูรอง
“อื้ม... ถ้าคุณหนูเยว่คนงามไม่มัวขลุกอยู่ในโรงปรุงยา คงได้มีสามีไปแล้วสักสิบคน ยี่สิบ... ได้กลายเป็นิยายฮาเร็มแน่ล่ะ”
บิดาเปิดประตูไม้เข้ามาพร้อมทหารองครักษ์ทั้งห้า พวกเขามายืนเฝ้าโรงปรุงยาตามเวลา ดันมาได้ยินเข้าพอดี บิดาอุทาน
“เ้าจะมีสามียี่สิบคนเลยรึ! ไม่ได้การแล้วลูกสาว ข้าว่าเ้าต้องรับยาขนานใหญ่ พบหมอโดยเร็ว” พลันหันไปบอกเหล่าทหาร ขอให้ลืมเื่ที่บุตรสาวพูดเสีย อย่าได้แพร่งพรายออกไปเป็อันขาด จะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ บิดารีบปิดประตูโรงปรุงยา คว้าเก้าอี้นั่งจับข้อมือเล็กขึ้นตรวจชีพจร
“ชีพจร... แปลกไป”
เหม่ยฉีนึกตลกขบขันหน้าตาประหลาดใจของแพทย์หลวงผู้นี้ เขาทำให้นางนึกถึงบิดาผู้ล่วงลับ นางรู้สึกเหมือนว่านางเป็บุตรสาวของเขาจริง ๆ
บิดาปล่อยข้อมือเล็ก เบิกตากว้าง “หรือจะเป็ิญญาร้าย?”
“รบกวนท่านพ่อไปเชิญแม่หมอมาขับไล่ิญญาร้ายสิเ้าคะ ข้าจะดิ้น...” พูดพลางดิ้นไปมา กระพือปีกไก่ “เต้นแร้งเต้นกาแข่งกับแม่หมอขับไล่ิญญาร้ายให้ท่านชม เื่เต้นรำข้าไม่เป็รองใคร”
คุณหนูรองได้ถูกเขกหน้าผากเข้าที บิดาว่ากล่าวตักเตือน สั่งสอนนางว่าเช่นไรเรียกสตรี เช่นไรเรียกม้าดีดกะโหลก
“ข้าสบายดีเ้าค่ะท่านพ่อ ท่านอย่าได้เป็กังวล ท่านจะไม่รูปงามหล่อเหลานะเ้าคะ ไม่เชื่อท่านลองดูหมอหลวงแต่ละคนซี เป็ตาแก่หัวล้าน หนวดเคราขาว ขี้บ่น”
“ลูกสาว เ้านี่นะ” บิดาไม่กล้าเอ็ดว่านางต่อ เขามองนางด้วยแววตาเอ็นดูทว่าเศร้าหมองในขณะเดียว
เหม่ยฉีพยายามถามบิดาว่ามีเื่อะไรในใจ เขาไม่ยอมตอบนาง หันมาทักท้วงเื่ว่าที่บุตรเขยกำลังเศร้าโศกเสียใจ ไปเมาสุราในเมือง
“เ้าแน่ใจนะว่าไม่อยากออกเรือน ขืนปล่อยให้ยืดเยื้อ คุณชายหลิวเป็ลูกชายคนใหญ่คนโต อยู่ในวัยมีภรรยาได้ คงรอแต่งกับเ้าหรอก เ้าเปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะลูกสาว”
“บ้านเมืองสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แม่ทัพยอมพลีชีพในสนามรบเยี่ยงไร ลูกหลานสกุลหยางเป็เช่นเดียวกัน”
บิดาหัวเราะเสียงดัง ลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูโรงปรุงยา
“ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม? ลูกสาวข้าว่า... จะไปสอบเข้ารับราชการทหาร... เป็แม่ทัพ”
ไท่ซือจิ่วฟ้องทหารองครักษ์ที่พบหน้ากันทุกวัน แม้สลับเปลี่ยนคนมาทำหน้าที่คุ้มกันก็มีเพียงคนสนิท พวกเขาลอบยิ้มมองสตรีสกุลหยางผู้มีความคิดใหญ่โต ขณะบิดาเดินกลับเข้าโรงปรุงยา ตั้งหม้อดินบนเตาไฟ โดยมีบุตรสาวคอยช่วยเหลือ นางหยิบสมุนไพรตามสูตรบำรุงกำลังวังชาอย่างถูกต้อง ทั้งสมุนไพรบำรุงร่างกายชั้นดี ยังมีรากไม้มีประโยชน์สำหรับปรับสมดุลร่างกาย ก่อนออกไปพูดจากับเหล่าทหาร
“ทิ้งเื่หัวใจ ไปเกณฑ์ทหาร ปกป้องบ้านเมือง!”
------------------
[1] สารต้านออกซิเดชัน ยับยั้งอนุมูลอิสระ
[2] โซเดียมซิเตรท วัตถุเจือปนอาหาร
[3] กลีเซอริน ของเหลวในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวปัจจุบัน ใช้เป็ที่แพร่หลาย
[4] เงินตำลึงจีน : เงินหยวนเป่า หรือสำเนียงแต้จิ๋วว่า “ง้วนป้อ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้