หนานกงอวี่เดินตามขั้นตอนเคล็ดวิชาท่าร่างทันที โดยมีเย่เฟิงคอยชี้แนะ แม้ย่างก้าวนี้จะไม่ใช่เคล็ดวิชาท่าร่างระดับสุดยอด แต่ก็เป็ย่างก้าวที่เรียบง่ายและเข้าใจได้
ภายใต้การชี้แนะของเย่เฟิง หนานกงอวี่ก็เริ่มหลบหลีกการโจมตีของเฉียนเปียวได้อย่างไม่เปลืองแรงด้วยย่างก้าวนั้น
“เหตุใดจู่ ๆ หนานกงอวี่ถึงสำแดงย่างก้าวนี้? แล้วเหตุใดเขาไม่ใช้ก่อนหน้านี้?” ผู้คนเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนานกงอวี่ต่างก็คิดในใจเช่นนี้
“ถ้าเ้าจะหนีอย่างเดียว งั้นก็ไปตายซะเถอะ!” เฉียนเปียวกล่าวเสียงเย็นขณะมองหนานกงอวี่ด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นเฉียนเปียวผสานมือควบแน่นพลังหยวน ก่อนจะวาดฝ่ามือ พลันปรากฏหอกหลายเล่มที่กลางอากาศจนบดบังดวงอาทิตย์และปิดทางหนีทีไล่ของหนานกงอวี่
“ฟิ้ว ๆ ๆ!”
หอกนับไม่ถ้วนฝ่าห้วงอากาศดุจสายฝนที่กระหน่ำโจมตีไปยังหนานกงอวี่
“สวะ ดูซิว่าเ้าจะรับการโจมตีนี้ได้หรือไม่?” เฉียนเปียวกล่าวขึ้น จู่ ๆ ปราณแหลมคมรายล้อมร่างเขา ซึ่งเขาเรียนรู้อำนาจหอกเช่นเดียวกับเย่เฟิง เพียงแต่เพิ่งอยู่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ทว่าการโจมตีนี้สำหรับหนานกงอวี่ที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9 มันคือหายนะที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้
เมื่อหนานกงอวี่เห็นหอกอั้นน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้ามาหาตัวเองด้วยความเร็วสูงก็เผยสีหน้าย่ำแย่ แม้ตอนนี้เขาจะสำแดงฝ่ามือสะท้านนภา แต่ก็ดูเหมือนไม่มีทางต่อต้านหอกของเฉียนเปียวได้
“จบแล้ว หนานกงอวี่รอดจากการโจมตีของเฉียนเปียวมาได้นานขนาดนี้ก็น่าทึ่งมากแล้ว แต่จะนับประสาอะไรกับชิงชัยชนะสุดท้าย ช่างเพ้อฝันสิ้นดี!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเห็นเฉียนเปียวใช้พลังแห่งอำนาจก็กล่าวเช่นนั้น การโจมตีเช่นนี้ทรงพลังเกินไป แม้จะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้หลาย ๆ คนยังหลบหนีได้ยาก แล้วนับประสาอะไรกับหนานกงอวี่ที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9
ลู่เหยาเห็นฉากนี้ก็หน้าซีดเผือด หัวใจเต้นแรง การโจมตีนี้คือการโจมตีปลิดชีวิต ศิษย์พี่ของนางจะหลบหนีได้หรือ?
ด้านลู่หว่าน เฉียนหง และลู่เชาต่างเผยรอยยิ้มเย็นเยือก พวกเขาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหนานกงอวี่ถูกหอกทะลวงร่างจนตาย
หนานกงอวี่เผยสีหน้าหมดหวัง เมื่อได้เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ หนานกงอวี่ก็ยอมรับว่าตนไม่มีทางหนีรอดเป็แน่
แต่ขณะนั้นกลับมีลำแสงหนึ่งพุ่งเข้าที่ใจกลางคิ้วของหนานกงอวี่ด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ลำแสงนี้เคลื่อนที่เร็วจนตาเปล่ามองไม่เห็น ทันใดนั้นหนานกงอวี่รู้สึกว่าพลังจิตของตนแกร่งขึ้นหลายร้อยเท่าราวกับว่าเห็นทุกสรรพสิ่งอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
สิ่งที่ไม่เห็นก่อนหน้านี้กลับเห็นชัดขึ้น เช่นเดียวกับหอกนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้ามาหาเขา ตอนนี้ไม่เพียงแต่ความเร็วของพวกมันช้าลงไม่น้อย แต่ยังเห็นวิถีเคลื่อนไหวของหอกทุกเล่มได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันหนานกงอวี่รู้สึกว่าสมองของตนใหญ่ขึ้นกว่าเก่าจนสามารถวิเคราะห์ทุกอย่างเป็เส้นตรง
เมื่อเขารู้วิถีเคลื่อนไหวของหอกเ่าั้ก็สามารถหลบหลีกได้ง่ายดาย โดยใช้ย่างก้าวที่เย่เฟิงสอนเขา
“ฟิ้ว ๆ ๆ!”
หอกพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง แต่หนานกงอวี่ราวกับภูตผีที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ และไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่อหอกเ่าั้
“วูบ!” หนานกงอวี่หลบหลีกหอกอย่างต่อเนื่อง ไม่นานเขาไปเยือนที่เบื้องหน้าของเฉียนเปียว
เฉียนเปียวชะงักไปชั่วขณะ แม้แต่เขาก็ยังดูไม่ออกว่าหนานกงอวี่มาปรากฏตัวที่ด้านหน้าเขาได้อย่างไร แต่ตอนที่เขาเตรียมจะโจมตีหนานกงอวี่ เขากลับเห็นฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังสะท้านนภาจู่โจมเข้ามา
ฝ่ามือนี้ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่ากลัว และไม่เหมือนคนอย่างหนานกงอวี่ที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9 จะสำแดงพลังมือนี้ออกมาได้
“ฝ่ามือสะท้านนภา!”
ขณะเดียวกันผู้คนได้ยินหนานกงอวี่แผดเสียงะโ ก่อนจะมีฝ่ามือใหญ่ปรากฏในสายตาของเฉียนเปียว ครั้งนี้ทำเฉียนเปียวตื่นตระหนกและอดถอยหลังไปไม่ได้ เพราะเขารับรู้ได้ถึงพลังอันทรงอานุภาพของฝ่ามือนี้
“ปัง!” แต่เฉียนเปียวยังคงช้าไป ฝ่ามือสะท้านนภานั้นอัดกระแทกเข้าที่หน้าอกของเฉียนเปียวเต็ม ๆ ทันใดนั้นพลังสะท้านนภาแปรเปลี่ยนเป็พลังทำลายล้าง และปีนป่ายไปทั่วร่างเฉียนเปียว
เฉียนเปียวต้องส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน ก่อนร่างจะกระเด็นออกไป หน้าอกของเขายุบลงเล็กน้อย และอาเจียนเืออกมาไม่หยุดจนใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ
“อะไรน่ะ?” ทุกคนในที่แห่งนั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่างก็ตื่นใ และรู้สึกว่าทุกอย่างตรงนั้นเหมือนไม่ใช่ความจริง มีหลายคนถึงกับขยี้ตาตัวเองหมายขจัดภาพลวงตาออกไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร เฉียนเปียวก็ยังคงนอนกองอยู่ที่พื้น และอาเจียนเืออกมาไม่หยุด
“แพ้... เฉียนเปียวแพ้แล้ว ซ้ำยังถูกหนานกงอวี่ซัดกระเด็นจนได้รับาเ็สาหัส ทำให้หนานกงอวี่ได้เป็ผู้ชนะคนสุดท้าย!” ครู่ต่อมามีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ก่อนจะทำให้ผู้คนได้สติขึ้นมา
“เฉียนเปียวแพ้แล้ว เป็ไปได้ยังไง? พลังโจมตีที่เฉียนเปียวใช้เมื่อครู่เห็นชัด ๆ ว่าคร่าชีวิตหนานกงอวี่ได้ แต่เหตุใดคนที่แพ้ถึงเป็เฉียนเปียวไปได้? มันช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวเสริม
“ได้ยังไงกัน? สวะนี่ชนะเฉียนเปียว นี่ไม่น่าจะเกิดขึ้นถึงจะถูกสิ!” เฉียนหงกล่าวด้วยสีหน้าดูไม่ได้ ลู่หว่านก็เช่นกัน
ลู่เหยาระบายยิ้มด้วยรอยยิ้มงดงามเป็พิเศษ ดวงตาคู่นั้นของนางก็ยังสั่นไหวเล็กน้อย ศิษย์พี่นางชนะแล้ว เขาเอาชนะเฉียนเปียวและกลายเป็ผู้ชนะคนสุดท้าย นางรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป นับจากนี้ไปจะไม่มีผู้ใดดูถูกศิษย์พี่ของนางอีก ศิษย์พี่ของนางสุดยอดที่สุด
นาทีนี้ทุกคนต่างมองหนานกงอวี่ด้วยความเคารพนับถือ ชายผู้นี้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 9 แต่เอาชนะเฉียนเปียวที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 ทุกอย่างนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นจริงแล้ว
ลู่ตงตาเผยประกายคมกริบ นี่เป็ครั้งแรกของลู่ตงที่เริ่มสำรวจหนานกงอวี่อย่างจริง ๆ จัง ๆ พร้อมกับสีหน้าที่ตื่นใไม่แพ้ผู้อื่น
“ตบะขั้นยุทธ์แท้ก็แค่นี้แหละ กล้าดียังไงมาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า?”
การเอาชนะเฉียนเปียวทำให้ความมั่นใจของหนานกงอวี่เพิ่มขึ้น ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นกับเฉียนเปียว พร้อมระบายโทสะที่อยู่ในใจออกมาทั้งหมด
“เ้าทำได้ยังไง เหตุใดพลังที่เ้าปล่อยออกมาจึงแกร่งกล้าเยี่ยงนั้น?” เฉียนเปียวเอ่ยถามด้วยสีหน้าย่ำแย่ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ในใจของเฉียนเปียวเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เ้ามีสิทธิ์รู้ด้วยหรือ?” หนานกงอวี่กล่าวเสียงเย็นโดยที่ไม่สนใจเฉียนเปียว การที่พลังจิตของเขาะเิศักยภาพใน่วิกฤต ทำให้หนานกงอวี่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทว่าหลังจากเขาเอาชนะเฉียนเปียว พลังจิตอันแกร่งกล้านั้นก็หายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน ช่างน่ามหัศจรรย์เป็อย่างมาก
ความเป็จริงแล้วหนานกงอวี่ไม่รู้ว่าเย่เฟิงเป็คนช่วยเขาในยามวิกฤต
ในสถานการณ์เร่งด่วน เย่เฟิงจำต้องให้ราชันมารชื่อเทียนออกโรง โดยใช้พลังหยวนห่อหุ้มจิตสำนึกของราชันมารชื่อเทียนและส่งไปยังสมองของหนานกงอวี่ แม้การมีอยู่ของราชันมารชื่อเทียนจะเป็เพียงจิตสำนึก แต่ชาติก่อนเขาก็เป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาามาร จิตสำนึกย่อมแก่กล้า เมื่อมีความช่วยเหลือจากเขา พลังจิตของหนานกงอวี่จึงะเิศักยภาพทุกด้านออกมาในพริบตา หาไม่แล้วหนานกงอวี่คงไม่มีทางรอดชีวิตจากการโจมตีของเฉียนเปียว และเอาชนะเฉียนเปียวไปได้อย่างหวุดหวิดเช่นนี้หรอก
หนานกงอวี่หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่สนใจเฉียนเปียว แต่ทันทีที่เขาหมุนตัว พลันมีแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเฉียนเปียว เขาขยับแขนที่อยู่ในแขนเสื้ออย่างรวดเร็วพร้อมปรากฏแสงวาบ ตามมาด้วยเสียงดังฟิ้ว กริชเล่มหนึ่งกลายเป็ลำแสงที่พุ่งไปยังตำแหน่งหัวใจของหนานกงอวี่
“ชั่วช้า!” เย่เฟิงเห็นฉากนี้ก็ตาเผยประกายเย็นเยียบ จู่ ๆ อัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือ ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตี ตามมาด้วยเสียงดังปัง ฝ่ามือเข้าปะทะกับกริชของเฉียนเปียว กริชกระเด็นออกไป แต่ฝ่ามือกลับไปเยือนศีรษะของเฉียนเปียวจนศีรษะแตกะเิในพริบตา ส่วนร่างก็นอนจมกองเื
“นี่...”
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตื่นใ ทุกอย่างเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้หลาย ๆ คนมองเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เฉียนเปียวก็ตกตายแล้ว
“เฉียนเปียวพยายามใช้กริชลอบฆ่าหนานกงอวี่ สหายของหนานกงอวี่จึงลงมือฆ่าเฉียนเปียว ไม่คิดเลยว่าชายผู้นี้จะลงมือได้ว่องไวถึงเพียงนี้!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น
“สารเลว กล้าดียังไงมาฆ่าคนที่นี่ ดูท่าเ้าไม่อยากอยู่แล้วสินะ!”
เฉียนหงเห็นเฉียนเปียวตายกะทันหันก็เผยหน้าเขียว นาทีต่อมาเฉียนหงะโขึ้นฟ้า ก่อนจะร่อนลงที่เบื้องหน้าของเย่เฟิง พร้อมกับวาดฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างเข้าโจมตีเย่เฟิง หมายปลิดชีวิตเย่เฟิงในการโจมตีนี้
“ไปให้พ้น!” เย่เฟิงยิ้มเยาะมุมปาก เขายืนนิ่งไม่ไหวติง และวาดฝ่ามือธรรมดาเข้าโจมตีอีกฝ่ายทันที
“ตูม!!!”
เมื่อสองฝ่ามือเข้าปะทะกัน คลื่นทำลายล้างแผ่กระจาย นาทีต่อมาเฉียนหงส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างกระเด็นออกไปกระแทกกับผนังที่อยู่ใกล้ ๆ จนอาเจียนเืออกมาไม่หยุด กระดูกในกายแตกหักหลายจุด ร่างล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เขากลายเป็คนไร้ค่าในหนึ่งการโจมตี
“แกร่งมาก!”
ผู้คนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่างก็ตาเบิกกว้างด้วยความใ หัวใจก็ยังเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง หนำซ้ำฉากนี้ยังน่าใยิ่งกว่าฉากที่หนานกงอวี่เอาชนะเฉียนเปียวเสียอีก
“ท่านพี่!”
ลู่หว่านหน้าขาวซีด ก่อนจะวิ่งไปหาเฉียนหงด้วยความร้อนใจ ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาตแค้น
ลู่ตง ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลลู่ รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองชิงโจวต่างลุกพรวดจากที่นั่ง พร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวเข้ากดดันเย่เฟิง
