เจียงไฉไปหมู่บ้านเค่าซานยังไม่กลับ หลินหวั่นชิววานให้ยายสวีช่วยเรียกรถม้าให้แล้ว รถม้าจอดรออยู่ด้านนอก รอพาเด็กหนุ่มจากสถานศึกษาเหล่านี้ไปส่ง
ผ่านไปอีกสองวัน เด็กเหล่านี้เริ่มระบายสีได้โดยไม่ต้องให้นางบอกได้แล้ว
มีผู้ชนะลำดับที่สองและสามแล้วเช่นกัน ชุดผ้าฝ้ายที่เป็รางวัลแจกจ่ายออกไปหมด มีแค่คนเดียวที่ไม่ได้รับ แต่หลินหวั่นชิวมอบตัวเลือกให้เขา เขาจะรับชุดผ้าฝ้ายก็ได้แต่จะโดนหักค่าชุดออกจากค่าจ้างในอนาคต
เด็กคนนี้เลือกรับชุดผ้าฝ้ายให้ท่านพ่อท่านแม่คนละชุด ตัวเขาไม่เอา เขามองว่าแค่นี้เถ้าแก่หลินก็ใจกว้างมากพอแล้ว เขาไม่กล้าได้คืบจะเอาศอก
เขาเลือกเองว่าจะไม่รับชุดผ้าฝ้าย หลินหวั่นชิวเองก็ไม่ได้เสนอว่าจะให้ นางเป็แค่คนนอก ไม่กล้าก้าวก่ายเกินไป
แต่ถ้าเด็กคนนี้ไม่สามารถอยู่รอดในฤดูหนาวได้จริงๆ นางจะลงมืออยู่ดี
หลินหวั่นชิวมองว่าวันหน้านางต้องย้ายกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านจึงมอบหมายงานให้เจียงหงหนิง ให้เขาเป็คนตรวจรับหนังสือภาพ ดูมาตรฐานตามสินค้าที่ขาย มีข้อแตกต่างได้แต่ห้ามเยอะเกินไป
หลินหวั่นชิวอธิบายให้เจียงหงหนิงฟังอย่างละเอียด นำหนังสือภาพที่พวกไต้หงเฟยระบายสีเสร็จแล้วออกมาเทียบให้ดู
เจียงหงหนิงตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้ช่วยงานหลินหวั่นชิว
อย่างไรเสียเขาก็กำลังฝึกระบายสีเช่นกัน อันที่จริงเขาเรียนรู้ไวมาก แต่เขามองว่าตัวเองมีชุดผ้าฝ้ายอยู่แล้วจึงจงใจลดความเร็วให้ตัวเองเสร็จเป็คนสุดท้าย
อธิบายให้เจียงหงหนิงฟังเสร็จ รอให้เจียงหงหย่วนกลับมา นางให้เจียงหงหย่วนยกเงินมาให้เจียงหงหนิงสองหีบ
เป็เงินที่ไว้จ่ายให้เด็กเ่าั้ในวันเดียวกันกับที่รับสินค้า
จัดการทุกอย่างเสร็จ นางผลิตหนังสือภาพซ้ำจากบนเสียนอวี๋ ถึงเวลาแล้วของพวกนี้ต้องปะปนส่งให้ตู้ซิวจู๋
จากนั้นหลินหวั่นชิวเริ่มใช้เวลาว่างมาครุ่นคิดถึงหนังสือภาพแบบอื่นๆ
นางวางแผนไว้ว่าจะออกตำราอาหารเดือนละสองเล่ม หนังสือนิทานภาพสำหรับเด็กหนึ่งชุด
เนื่องจาก่นี้งานค่อนข้างเยอะ แผนการที่จะเขียนนิยายจึงถูกพักไป
แต่ตอนนี้มีรายได้จากอันอี้จวี นางไม่ได้ร้อนใจมาก โลภเกินไปเคี้ยวไม่หมด อีกอย่าง แม้จะต้องหาเงินแต่ก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตด้วย
“คุณชาย สองสามวันมานี้เจียงหงหย่วนงานยุ่งมากขอรับ เหมือนว่ากำลังวางแผน…” ภายในห้องหนังสือ ถงเฉียนรายงานข้อมูลที่เขาค้นพบ่สองสามวันมานี้ให้ตู้ซิวจู๋ฟัง
“เหมือนว่า?” ตู้ซิวจู๋ขมวดคิ้ว
เห็นชัดว่าไม่พอใจกับวิธีพูดของถงเฉียน
“เขาระมัดระวังและรอบคอบมาก แม้แต่ข้าน้อยก็…เกือบถูกเขาเจอตัวหลายครั้ง ข้าน้อยไม่กล้าเข้าใกล้เขามากเกินไปขอรับ” ถงเฉียนเองก็ลำบากใจ เจียงหงหย่วนคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ มนุษย์ที่ไหนจะความรู้สึกไวขนาดนั้น…
“เช่นนั้นเ้าจงย้ายกลับมา ไม่ต้องแอบตามแล้ว” ตู้ซิวจู๋พูด
ถงเฉียนดีใจ
ในที่สุดก็จะได้ทำงานเป็จริงเป็จัง
“ไปช่วยหานซิงทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จ จัดการให้เรียบร้อย เสร็จก่อนปีใหม่มีรางวัล!”
“ขอรับ คุณชาย!” ถงเฉียนขานรับด้วยความยินดีแล้วถอยออกไป
หลังจากถงเฉียนออกไป ตู้ซิวจู๋เคาะนิ้วเรียวยาวลงบนโต๊ะ “เจียงหงหย่วน…เจียงหงหย่วน…ถึงกับทำให้ถงเฉียนโดนบีบให้ยอมแพ้ได้…เ้าใช่นายพรานธรรมดาจริงหรือ? ขึ้นเขาช่วยชีวิตหลิวเฉียงกับหวงจ้งซาน… ยืมเส้นสายหวงจ้งซานเข้ามาทำงานในบ่อน จากนั้น…เหลียงหู่ถวายไพ่นกกระจอกให้เจียงิ ต่อมาถูกองค์หญิงใหญ่เจียงหย่านำไปถวายแด่ไทเฮา เป็ที่พอพระทัยของฮองเฮาทันที…”
เหลียงหู่ไม่ได้ละโมบในผลงาน เื่ที่เจียงหงหย่วนเป็คนถวายไพ่นกกระจอกอยู่ในรายงานขององค์หญิงใหญ่ เช่นนั้นต้องอยู่ในรายงานที่กราบทูลฮ่องเต้ด้วยเช่นกัน
ฮ่องเต้รู้ว่าตู้ซิวจู๋อยู่อำเภอเฉา ส่งราชโองการลับมาให้เขาตรวจสอบเจียงหงหย่วน
ฮ่องเต้รู้สึกสนใจในบุรุษที่คิดค้นไพ่นกกระจอก ตู้ซิวจู๋จึงส่งข้อมูลที่ตัวเองสืบค้นมาได้กับภาพของเจียงหงหย่วนเข้าวัง
ตู้ซิวจู๋ยังรู้ข้อมูลที่คนนอกหลายคนไม่รู้ ว่าที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานรางวัลให้องค์หญิงใหญ่เป็เพราะั้แ่มีไพ่นกกระจอก การต่อสู้ในวังหลังก็น้อยลงมาก หูฮ่องเต้สงบลงเยอะ
มีเสียงกระทบกันของไพ่นกกระจอกให้ได้ยินทั่วทั้งวัน ความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าสนมกลมเกลียว
“ทังหยวน!”
ตู้ซิวจู๋ครุ่นคิดในห้องหนังสืออยู่นานก่อนที่จะร้องเรียนทังหยวนเสียงดัง
“ขอรับคุณชาย…”
“ไปบ้านเจียง เชิญเถ้าแก่หลินมาเจอที่โรงน้ำชาชิงเฟิง”
“ขอรับ!” ทังหยวนขานรับ บ่นในใจว่าคุณชายพวกเขาหมดหนทางเยียวยาแล้ว สามีเถ้าแก่หลินแค่ไม่อยู่บ้าน เขาก็รีบจะไปเจอภรรยาผู้อื่นให้ได้
หลังทังหยวนออกไป ตู้ซิวจู๋กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เปิดตู้ลังเลอยู่นานว่าจะใส่ชุดไหนดี
สาวใช้ที่เตรียมช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้านข้างมองตู้ซิวจู๋ด้วยสายตาแปลกๆ วันนี้คุณชายเป็กระไรไป?
เมื่อก่อนนี้คุณชายเลือกชุดแบบขอไปทีก็ออกจากบ้านแล้วไม่ใช่หรือ?
โดนผีเข้าหรือไม่?
ขณะที่กำลังจินตนาการไปเรื่อย ตู้ซิวจู๋ก็ชี้ไปทางเสื้อคลุมสีขาวเงินและกางแขนออก เหล่าสาวใช้พากันช่วยถอดเสื้อผ้าแต่งตัวให้เขา…
เมื่อสาวใช้แต่งตัวให้เสร็จ ตู้ซิวจู๋หมุนตัวดูหน้ากระจกแล้วยังไม่พอใจ มองไปทางชุดสีแดงอีกตัว
หานซิงเคยชมว่าเขาผิวขาวหน้าตาดี ใส่เสื้อผ้าสีสดแล้วราศีจับเหมือนเซียน
ตอนนั้นเขาอัดหานซิงไปหนึ่งยก
แต่ตอนนี้ เขากลับชี้ไปทางเสื้อชุดนั้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เหล่าสาวใช้ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาอย่างเป็ขั้นเป็ตอนอีกครั้ง เปลี่ยนให้เขาใส่กวานหยก[1] ผ้าคลุมขนเตียวขาว[2] จากนั้นมอบเตาเครื่องเคลือบอังความร้อนใส่มือเขา
ต้องยอมรับว่าตู้ซิวจู๋แต่งตัวแบบนี้แล้วดูหล่อเหลาขึ้นไปอีกระดับ หากออกไปเดินในท้องถนนต้องดึงดูดสายตาเขินอายของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่นับไม่ถ้วนเป็แน่
ต้องใช่แน่!
ตู้ซิวจู๋เดินออกจากห้องด้วยความพึงใจพอ เหล่าสาวใช้พากันโล่งอก เก็บกองเสื้อผ้าที่เขาเปลี่ยนให้เข้าที่
หลินหวั่นชิวมาถึงโรงน้ำชาชิงเฟิงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ตู้ซิวจู๋ช่วยชีวิตนาง บวกกับทั้งคู่มีความสัมพันธ์แบบร่วมธุรกิจกัน ดังนั้นถ้าตู้ซิวจู๋้าพบนาง ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องมาดูว่ามีเื่กระไร
พนักงานในโรงน้ำชาเห็นว่าหลินหวั่นชิวถูกทังหยวนพามาก็เดินนำนางไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง
ทั้งชั้นสองเงียบสงบ ทุกห้องถูกตู้ซิวจู๋เหมาไว้หมดแล้ว
เมื่อประตูห้องเปิดออก หลินหวั่นชิวต้องตะลึงงันเมื่อเห็นบุรุษผู้เป็ดังหยกนั่งอยู่ด้านใน
บุรุษสามารถประณีตงดงามขนาดนี้ได้ด้วยหรือ…
เชิงอรรถ
[1] กวาน(冠) สิ่งที่ชนชั้นสูงชาวจีนในสมัยโบราณใช้สวมครอบบนศีรษะ เพื่อเป็เครื่องบอกระดับประดับพระยศพระเกียรติ แม้ว่า "กวาน" จะใช้เป็เครื่องสวมประดับบนศีรษะเหมือนกัน แต่ก็มีความต่างกับหมวก เพราะอันที่จริงแล้ว "กวาน" เปรียบได้กับรัดเกล้าที่จะสวมครอบรัดมวยผม แต่หมวกจะสวมครอบผมบนศีรษะทั้งหมด นอกจากนี้ยังถือเป็สัญลักษณ์บอกสถานะ เพราะจำกัดเฉพาะชนชั้นสูงมียศถาบรรดาศักดิ์เท่านั้น ลำดับชั้นต่างกัน รูปแบบของ "กวาน" ก็ต่างกันไป และจะใช้ใส่ออกงานได้แต่เฉพาะในพิธีการสำคัญเท่านั้น อาทิ ได้รับแต่งตั้งเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
[2] เตียว(貂) หมายถึง ตัวมิงค์