หลิงเซียวเอียงคอดู เห็นกระดาษหนังวัวในมือเขา
กระดาษหนังวัวนี่คุ้นตามาก เหมือนกับแผนที่ขุมหยกิญญาขาดๆ แผ่นนั้น
โหยวเสี่ยวโม่คลี่ออกดู ้ามีวาดแผนที่ไว้ แต่เส้นทางไม่ได้ละเอียดมาก และไม่ได้ชี้ชัดว่าไปที่แห่งใด แผนที่แผ่นนี้เจอในถุงเก็บของของเยี่ยตัน
ตอนนี้เอง หลิงเซียวก็เขี่ยกองของสกปรกแล้วหยิบกระดาษหนังวัวขึ้นมาอีกแผ่น เหมือนกับในมือเขาเปี๊ยบ หากจะพูดถึงว่ามีตรงไหนที่ต่างกัน คงจะเป็ขนาดเล็กใหญ่
แผ่นที่เขาถือไว้ใหญ่ประมาณสองฝ่ามือ แต่ที่หลิงเซียวถือไว้ใหญ่เท่ากระดาษเอสี่ แผนที่บนนั้นถูกวาดไว้อย่างละเอียดครบถ้วน ตรงกลางภาพมีสัญลักษณ์คล้ายกับราชวัง เส้นทางเกือบครึ่งบนนั้นระบุเส้นทางที่ชี้ไปยังราชวัง
เมื่อเทียบทั้งสองแผ่นแล้ว ชัดเจนว่าแผนที่ที่หลิงเซียวถือดีกว่าเยอะ โหยวเสี่ยวโม่รีบวางแผนที่ของตัวเองทิ้งไปอีกทาง แล้วเขยิบไปดูแผนที่นั้นกับหลิงเซียว
“ศิษย์พี่หลิง ในแดน์วิมานมีที่แบบนี้ด้วยเหรอ?” โหยวเสี่ยวโม่เอ่ยถามอย่างสงสัย
“แดน์วิมานแต่เดิมมีเ้าของอยู่ มีราชวังก็ไม่เห็นจะแปลก”
หลิงเซียวกางแผนที่ออกบนพื้น ดูแบบนี้ ถึงรู้ว่าแผนที่แผ่นนี้สมบูรณ์มาก จุดที่พวกเขาผ่านมาล้วนอยู่ในแผนที่ และยังมีอีกมากที่พวกเขายังไม่ได้ไป
เผ่าปีศาจเตรียมการได้รอบคอบเช่นนี้ ดูทีคงมุ่งเป้าหมายที่แดน์วิมานมานานแล้ว หรือบางทีพวกเขาอาจจะเตรียมการเพื่อจัดการกับศิษย์สำนักใหญ่ทั้งหลาย ดังนั้นจึงตระเตรียมของพวกนี้ไว้ เพราะถึงยังไงหญ้าเซียนมากมายพวกนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับพวกมันอยู่แล้ว มีเพียงสัตว์ปีศาจที่พอใช้งานได้
โหยวเสี่ยวโม่เปรียบเทียบ เห็นว่าแผนที่ของเยี่ยตันแม้จะเล็กไปหน่อย แต่เส้นทางในนั้นมีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือราชวัง
“ศิษย์พี่หลิง ข้าคิดว่าจุดหมายของพวกเขาล้วนตรงไปที่ราชวัง สำนักชิงเฉิงก็มี สำนักเทียนซินก็น่าจะมีใช่มั้ย?” โหยวเสี่ยวโม่วิเคราะห์ดูแล้ว จู่ๆ ก็เอ่ยถามหลิงเซียว
แต่หลิงเซียวไม่ได้รับแผนที่เช่นนี้มา อีกอย่างทิศทางที่ผู้าุโสือให้พวกเขาไปก็ตรงข้ามกับทางที่ไปราชวัง ราวกับว่าหมายให้เขาอยู่ให้ห่างจากราชวังมากที่สุด ต้องมีอะไรแน่ๆ
หลิงเซียวกระตุกปาก “เื่สำคัญเช่นนี้ทังฝานไม่ยอมบอกกับข้า เห็นทีเขาคงตั้งใจปิดบังข้าแน่ แต่เอาเถอะ พวกเราลองไปที่นั่นดู ดูสิว่าราชวังนั้นมีความลับอะไรกันแน่ ถึงขั้นทำให้ทุกฝ่ายสนใจมุ่งเป้าหมายที่มัน”
โหยวเสี่ยวโม่รีบพยักหน้าอย่างมีความสุข
เขาก็อยากไปดู แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนนัก
ที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้คือขุมหยกิญญา จากตรงนี้ไปต้องใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งวัน อีกทั้งระหว่างทางอาจพบเจอสัตว์ปีศาจหรือหญ้าเซียน การขุดก็ต้องใช้เวลา ถึงที่นั่นคงเกินกว่าหนึ่งวันด้วยซ้ำ
ส่วนคนอื่นๆ สถานการณ์คงไม่ต่างจากพวกเขา อีกทั้งพวกเขาอาจไม่มีแผนที่ละเอียดแบบนี้
จากนั้นหลิงเซียวกับโหยวเสี่ยวโม่ก็ช่วยกันเลือกไปมาจนได้สิ่งของที่พอใช้ได้แบ่งแยกกองกันไว้
เคล็ดวิชามีทั้งหมดแปดเล่ม เนื่องจากเป็ของสำนักเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็เคล็ดวิชาเดียวกันหมด แต่ที่โชคดีคือ คัมภีร์ของซิงสืออีนั้นเป็เคล็ดวิชาขั้นกลางชั้นสูง น่าจะเป็วิชาของลูกศิษย์สายตรงของพรรคซิงหลัว แต่เนื่องจากเคล็ดวิชาออกไปทางเหี้ยมโหด หรือที่คนพูดกันว่าวิชานอกรีต ดังนั้นจึงทำได้แค่เก็บไว้เป็ของสะสมหรือไม่ก็ขายไป
ท้ายที่สุดคือหญ้าเซียน สำนักใหญ่ช่างต่างกันจริง พื้นเพค่อนข้างแ่า อีกอย่างพรรคพวกซิงสืออีระหว่างทางก็พบหญ้าเซียนดีๆ มา มีหลายต้นที่โหยวเสี่ยวโม่ยังไม่มีพอดี ทั้งคุณภาพไม่เลวด้วย เสียดายเพียงถุงเก็บของพวกเขาไม่มีหญ้าเซียนขั้นเจ็ดแม้แต่ต้นเดียว
จวบจนพวกเขาเก็บของเสร็จ หนึ่งชั่วยามพอดีไม่ขาดไม่เกิน
โหยวเสี่ยวโม่จัดการเก็บถุงเก็บของทุกอันเข้าไว้ในอันเดียว จากนั้นยื่นให้หลิงเซียว
หลิงเซียวหรี่ตามองถุงเก็บของ มือโบกสะบัดทีหนึ่ง ถุงเก็บของใบนั้นก็ถูกโยนออกไป แรงมือไม่เบา เห็นได้ด้วยตาว่าถุงเก็บของปลิวไปกลางอากาศ แต่เพียงพักเดียว ฉับพลันก็หายไปจากสายตา ไม่รู้เขาโยนไปไหน
“แปลกจังเลย เ้าลูกบอลใหญ่ทำไมยังไม่มาอีก?”
โหยวเสี่ยวโม่เห็นถุงเก็บของหายวับไป ถึงพึ่งนึกได้ว่าถึงเวลานัดหมายแล้ว
“ไม่แน่มันอาจจะกำลังเล่นสนุกอยู่” หลิงเซียวเหมือนคิดอะไรออก เผยรอยยิ้มออกมา
“เล่น?” โหยวเสี่ยวโม่ไม่เข้าใจ
“หมาป่าเืสีขาวขึ้นชื่อเื่ชื่นชอบการต่อสู้ อีกทั้งการต่อสู้เป็วิธีฝึกฝนเพิ่มพลังที่เร็วที่สุด ไม่ง่ายที่เ้าจะปล่อยมันไป มันก็ต้อง ‘เล่น’ ให้คุ้มก่อนกลับมาสิ” หลิงเซียวกอดอก พูดท่าทีสบาย
“...” โหยวเสี่ยวโม่
ที่แท้คำว่าเล่นของเขาก็คือการต่อสู้ เขารู้อยู่แล้วว่าหมาป่าเืสีขาวหลงใหลการต่อสู้ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันสามารถเลื่อนขั้นพลังจากการต่อสู้ได้ด้วย
โหยวเสี่ยวโม่เอ่ยถามอย่างหมดกำลังใจ “งั้นท่านคิดว่ามันจะกลับมาเมื่อไหร่?”
หลิงเซียวคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขำขัน “หากว่ามันสนุกจนถึงที่สุดแล้ว ไม่แน่อาจนึกถึงเื่นัดหมายกับเ้าขึ้นมาก็ได้”
โหยวเสี่ยวโม่จุกทันใด พลันนึกคำถามขึ้นได้ “ในเมื่อท่านรู้อยู่แล้ว ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ?”
“ทำไมต้องพูดด้วย?” หลิงเซียวมองเขาอย่างประหลาดใจ “เ้าลูกบอลใหญ่ของเ้าควรได้ฝึกฝนตัวเองซะบ้าง แดน์วิมานเป็โอกาสที่เหมาะสมแล้วไม่ใช่รึ? หากไม่ได้ฝึกนานเกิน อีกหน่อยมันจะอ่อนแอกว่าสัตว์ปีศาจขั้นแปดตัวอื่นๆ ได้ เ้าทนเห็นหมาป่าเืสีขาวตัวใหญ่กลายเป็เด็กไม่เอาถ่านได้งั้นรึ?”
โหยวเสี่ยวโม่คิดตามทันที เื่แบบนี้ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเห็นได้ทั่วไป หลายครั้งที่เห็นในทีวีที่มีเื่แบบนี้บ้าง
พลันขนลุก หากเ้าลูกบอลใหญ่กลายเป็แบบนั้น คงเป็การฆ่าตัวเอง แต่เขาก็สงสัยอยู่ดี ทำไมหลิงเซียวถึงนึกคำนี้ออกได้?
โหยวเสี่ยวโม่แอบชำเลืองมองหลิงเซียว อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีอะไร พูดเพียงว่า “เอาเถอะ รอมันอีกสักชั่วยาม”
และแล้วพวกเขาก็รออยู่หนึ่งชั่วยามจริงๆ
ระหว่างนั้น โหยวเสี่ยวโม่ชะเง้อมองหาหลายครั้ง จนผ่านไปครบหนึ่งชั่วยาม เขาเริ่มชะเง้อคอมองไปรอบนอกอย่างร้อนรนอีกครั้ง ในที่สุดก็เห็นเงาสัตว์ปีศาจ แต่ไม่ใช่เ้าลูกบอลขนสีขาว หากแต่เป็เ้าลูกบอลที่เต็มไปด้วยเืไหลย้อย
โหยวเสี่ยวโม่ชะงัก รีบวิ่งออกไป “เ้าบอลใหญ่ ทำไมเ้ากลายเป็แบบนี้?”
เ้าบอลใหญ่ราวกับรู้ว่าตัวเองผิดก้ครางหงิง จากนั้นหันหัวไปอีกทางอย่างรู้สึกผิด ไม่กล้ามองเขา และไม่กล้าเข้าใกล้
โหยวเสี่ยวโม่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขา กลิ่นคาวเืแรงเกินไป จนเกือบเวียนหัว
หลิงเซียวเดินมาจากข้างหลัง ใบหน้าดีใจจ้องมองเ้าบอลใหญ่ เอ่ยอย่างชื่นชม “ไม่เลวๆ ออกไปหนเดียว เข่นฆ่าได้มากมายขนาดนี้ พูดถึงมือใหม่แล้ว เ้าทำได้ดีมาก แต่ก็แย่หน่อยตรงที่เปื้อนเลอะไปทั้งตัว แล้วยังาเ็อีก!”
“เ้าบอลใหญ่าเ็?” โหยวเสี่ยวโม่ตื่นใ คราวนี้ไม่สนใจกลิ่นคาวเืใดๆ รีบเดินไปตรวจตัวมันอย่างละเอียดทั้งบนล่าง สุดท้ายก็เห็นาแใหญ่ตรงขาขวาหลังของมัน
เมื่อเห็นแผลนี้ โหยวเสี่ยวโม่ทนไม่ไหวหายใจดังเฮือก
าแนี้จะใหญ่เกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าได้มาได้อย่างไร าแเปิดกว้าง ไม่เล็กเลย ลึกประมาณสี่เิเ จนเห็นกระดูกขาวด้านใน เืไหลออกมาเรื่อยๆ แต่หากไม่ดูให้ละเอียดก็ไม่เห็น ใครใช้ให้มันมีแต่เืเต็มตัวไปหมด หากไม่สังเกตคงละเลยไปแน่
โหยวเสี่ยวโม่ตื่นตระหนก จะพามันเข้าห้วงมิติเสียให้ได้
ทันใดหลิงเซียวก็กดไหล่เขาไว้ “เดี๋ยวก่อน มีคนมา”
พูดจบ อีกฟากไม่ไกลก็มีเสียงแหลมดังขึ้น ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็เสียงกระบี่เหินฝ่าลมมา จำนวนคนไม่น้อย มีเสียงคนโหวกเหวกโวยวายปนมาด้วย
โหยวเสี่ยวโม่ที่ใกล้จะบรรลุขั้นเป็นักหลอมโอสถขั้นสี่แล้ว ดังนั้นการรับรู้ของเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ไกลออกไปเขาได้ยินคนพวกนั้นกำลังคุยกัน ส่วนมากพูดว่า ‘มันหนีไปทางนั้นแล้ว’ ‘รีบตาม อย่าให้มันหนีไปได้’ แม้จะไม่ได้พูดว่า ‘มัน’ ในที่นี้คือใคร แต่โหยวเสี่ยวโม่ก็เดาได้ว่าน่าจะพูดถึงเ้าบอลใหญ่
ไม่นานนัก คนกลุ่มนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
คนกลุ่มนั้นค่อยๆ ร่อนลงจากฟ้ามาทีละคน เสียงดังเกรียวกราว เหมือนกลัวว่าไม่มีคนรู้ว่ากำลังมา ชายชุดแดงหญิงชุดเขียว ดูท่าจะมีที่มาไม่เบา
โหยวเสี่ยวโม่จ้องมอง จนเกือบตาถลนออกมา
คนด้านหน้าไม่กี่คนนั้น เป็คนที่เขารู้จักทั้งนั้น คนพวกนี้คือกลุ่มเหลยจวี้ที่ควรไปยังทิศตะวันตก แต่ไม่รู้ทำไมถึงมาทางนี้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้