แม้เฟิ่งเฉี่ยนจะซ่อนตัวล่องหนได้ แต่บังเอิญว่านางอยู่ในสถานการณ์ที่ฝนตกหนัก น้ำฝนตกลงมาบนร่างของนาง ย่อมต้องปรากฏให้เห็นพิรุธ หากไม่มองอย่างละเอียดอาจไม่พบเห็น แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าน้ำฝนบริเวณรอบๆ กายนางจะแตกต่างจากที่อื่น ท่ามกลางสายฝนมีร่องรอยของคนๆ หนึ่งปรากฏอยู่ และจุดอ่อนนี้เองที่เปิดโปงนาง!
โจวหมัวมัวตวาดลั่น “นางอยู่ที่นั่น! รีบล้อมเอาไว้!”
ทันใดนั้น กระบี่หลายเล่มพุ่งเข้าหาเฟิ่งเฉี่ยน!
เฟิ่งเฉี่ยนรีบหลบหลีกโดยไว น้ำฝนจึงเคลื่อนไหวตามร่างของนาง นางไม่อาจหลบซ่อนได้อีกต่อไป!
“แย่แล้ว!”
เมื่อตระหนักได้ในเื่นี้ กล้ามเนื้อบนร่างกายของเฟิ่งเฉี่ยนเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง มือซ้ายของนางถือกระทะหรูอี้ มือขวาถือจวักพันชั่ง ไม่มีวิธีใด เพียงแค่สู้จนตายเท่านั้น!
ทว่า ต่อให้นางสู้จนตายก็ต้องมีกลยุทธ์และวิธีการ เฟิ่งเฉี่ยนจึงเริ่มลงมือกับพลับนิ่มเป็คนแรก นางโจมตี จี้เฟย ที่ความสามารถอ่อนด้อยที่สุด!
มือสังหารที่มีความสามารถโดดเด่น จะเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการหาจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองและคู่ต่อสู้!
นางลงมือกับ จี้เฟย เป็คนแรก ประการแรก นักฆ่าทั้งหมดเขาฝีมืออ่อนด้อยที่สุดและประสบการณ์น้อยที่สุด อีกทั้งสติปัญญาไม่ฉลาดนัก รับมือได้อย่างง่ายดาย ประการที่สอง เขามีความสัมพันธ์กับโจวหมัวมัวแตกต่างจากคนอื่นๆ รวมไปถึงยอดฝีมือทั้งหมดและโจวหมัวมัวย่อมจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเขา ขอเพียงนางควบคุมจี้เฟยเอาไว้ในมือได้ คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าต่อกรกับนางเต็มกำลัง ที่นาง้าก็คือโล่ป้องกันที่มีชีวิตและพึ่งพาได้!
ในฐานะมือสังหารระดับยอดฝีมือ ใช้โล่ที่เป็มนุษย์มาปกป้องตนเอง เป็เื่น่าอับอายเื่หนึ่ง แต่สำหรับเฟิ่งเฉี่ยนในเวลานี้กลับทำได้เพียงเท่านี้ ใครใช้ให้นางสู้คนอื่นไม่ได้เล่า
“พลังทำลายล้าง!”
ราวกับนางแทบจะไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงอันใดเลย เฟิ่งเฉี่ยนจับตัวจี้เฟยไว้ได้ โจวหมัวมัวรีบสั่งการนักฆ่าทั้งหมดทันที “อย่าทำให้เขาาเ็!”
ดูท่าแล้วโจวหมัวมัวน่าจะรักและเอ็นดูหลานชายคนนี้ของนางอย่างจริงใจ ริมฝีปากเฟิ่งเฉี่ยนยกยิ้มบางๆ นางรู้ว่านางวางเดิมพันได้ถูกต้อง ทว่าการจับจี้เฟยมาเป็โล่กำบังนั้นเป็เพียงก้าวแรก การหนีออกไปจากที่นี่เป็ก้าวที่สอง เพราะนางรู้ดีว่า เวลาของยันต์ล่องหนใกล้จะหมดลงแล้ว
นางคว้าต้นคอด้านหลังของจี้เฟย แล้วผลักเขาลงไปในบ่อน้ำโบราณ!
“ขอโทษด้วยนะ!”
นางหมุนกายหลบหนีไปขณะเดียวกันที่นางปล่อยมือ
ด้านหลังมีเสียงตกน้ำดัง ตุ๋มมม ยังมีเสียงร้องะโด้วยความใของโจวหมัวมัว
“จี้เฟย!”
“เร็วเข้า รีบลากตัวเขาขึ้นมาเร็วเข้า!”
“เฟิ่งเฉี่ยนสมควรตาย ข้าจะฆ่าเ้า!”
ฉวยโอกาสที่คนอื่นๆ กำลังช่วยลากตัวจี้เฟยขึ้นมาจากบ่อน้ำ ธนูดอกหนึ่งถูกน้าวขึ้นแล่ง โจวหมัวมัวเล็งเป้าหมายไปที่เงาร่างคนท่ามกลางสายฝน
ทันใดนั้น เสียง ฟุ่บบบ ดังขึ้น ลูกธนูถูกปล่อยออกจากแล่ง
ทว่าที่น่าแปลกคือ ทั้งๆ ที่เห็นเงาร่างของคนเป็เป้าหมายและทิศทางที่แน่นอน นาทีถัดมาเงาร่างนั้นกลับเปลี่ยนไปอีกทิศทางหนึ่ง!
ฝีเท้าของเฟิ่งเฉี่ยนน่าประหลาดอย่างยิ่ง!
ราวกับฝีเท้าของภูตผี ทำให้คนไม่อาจแน่ใจได้!
ธนูดอกนี้ จึงยิงถูกความว่างเปล่า!
โจวหมัวมัวยิ่งมีโทสะ นางหยิบลูกธนูออกมาทีเดียวสามดอก น้าวธนูขึ้นแล่งยิงออกไปพร้อมๆ กัน--
ฟุบบ! ฟุบบ! ฟุบบ!
ธนูสามดอกถูกยิงออกไปพร้อมๆ กัน และออกไปในทิศทางที่แตกต่างกัน!
ธนูทั้งสามดอกยิงถูกความว่างเปล่าอีกครั้ง!
ส่วนเงาร่างของคนยิ่งห่างออกไปไกล ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก นางมองอะไรไม่ชัดเจนอีกแล้ว
“สมควรตาย!”
นางหยิบลูกธนูที่เหลือทั้งหมดขึ้นมายิง ฟุบบบๆๆ...เพื่อบันดาลโทสะ!
เวลาของยันต์ล่องหนหมดลงแล้ว!
ร่างของเฟิ่งเฉี่ยนปรากฎขึ้นท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ นี่เป็การเปิดโอกาสให้กับโจวหมัวมัวอย่างมิต้องสงสัย นางน้าวธนูขึ้นแล่ง และเล็งเป้าหมายอย่างแม่นยำ--
ฟุบบ!
ธนูดอกหนึ่งแหวกม่านน้ำฝนแต่ละชั้นเข้ามา มันอาบด้วยกลิ่นอายสังหารอันเข้มข้น ยิงเข้าสู่แผ่นหลังของเฟิ่งเฉี่ยน!
หากธนูดอกนี้ยิงเข้าเป้า เฟิ่งเฉี่ยนต้องตายแน่นอน!
ราวกับเฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเสียงของพญามัจจุราชที่กำลังจะกลืนกินนาง นางไม่มีทางเลือกอื่น ทางเลือกเพียงทางเดียวก็คือวิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต!
วินาทีระหว่างความเป็ความตาย พลันมีร่างของคนๆ หนึ่งเหินกายลงมาจากเบื้องบน เงาร่างองอาจกล้าหาญสีเหลืองสว่างนั้นถือร่มกระดาษน้ำมันสีเขียว ปรากฏขึ้นด้านหลังเฟิ่งเฉี่ยน แขนเสื้อกว้างของเขาสะบัดออก น้ำฝนราวกับถูกสลัดออกไปเป็คลื่นน้ำ ราวกับดอกไม้ที่กำลังบานท่ามกลางราตรีเพื่อกลืนกินธนูดอกนั้นลงไปในดอกตูมของมัน จากนั้น เขาสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ธนูดอกนั้นพุ่งกลับไปยังทิศทางเดิมอีกครั้ง!
ได้ยินเสียงที่แหวกอากาศออกไปราวกับเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้อง พลังนั้นมิอาจต้านทานได้!
โจวหมัวมัวที่อยู่ไกลออกไป เห็นเงาร่างสีเหลืองสว่างนั้นถึงกับลนลานไปชั่วขณะ เมื่อเห็นธนูดอกนั้นพุ่งเข้ามาหานาง นางหมุนกายรีบหนี “ถอนกำลัง รีบถอนกำลัง--”
ฉึกก!
นางหลบธนูอันแหลมคมดอกนั้นไม่พ้น ธนูปักลงบนหัวไหล่ของนางและทะลุออกไป เ็ปเสียจนนางต้องขบฟันแน่น แต่นางไม่ลืมที่จะหนี “ถอนกำลัง! พาจี้เฟยไปด้วย ถอนกำลังทันที!”
เงาร่างสีเหลืองสว่างนั้นส่งสัญญาณมือ น้ำเสียงนั้นเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง “สังหาร ให้หมด!”
ท่ามกลางสายฝน องครักษ์เกราะเหล็กสิบกว่าคนกรูกันเข้ามาจากสองข้างถนนอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยและไล่ตามไปสังหารนักฆ่าชุดดำเ่าั้!
เฟิ่งเฉี่ยนพลันััได้ว่ารังสีสังหารได้มลายหายสูญไปแล้ว นางหันกลับไปมองเห็นเงาร่างสีเหลืองสว่างอันคุ้นตาถือร่มกระดาษคันหนึ่ง ยืนอยู่กลางสายฝนอย่างมั่นคง และประจวบเหมาะกับที่เขามองมาทางนางพอดี...
ความรู้สึกตึงเครียดในใจผ่อนคลายลง ผนวกกับร่างกายที่อยู่ท่ามกลางสายฝนมาเป็เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ถูกฝนชะล้างจนเปียกชุ่มอีกครั้ง เปลือกตาของนางหนักขึ้นเรื่อยๆ ภาพเบื้องหน้ากลายเป็เงาซ้อนกันหลายๆ ชั้น!
นางเห็นเงาร่างสีเหลืองสว่างรางๆ นั้นค่อยๆ เดินฝ่าสายฝนเข้ามาหานางทีละก้าวๆ...
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ดูเหมือนจะอันตรธานหายไป เหลือเพียงเงาร่างสูงใหญ่ของเขาเท่านั้น
ร่างของนางโอนไปเอนมา ล้มลงไปด้านหน้า...
เขาทิ้งร่มกระดาษน้ำมันในมือทิ้งไป เหินกายเข้ามาหานางราวกับพยัคฆ์หนุ่ม!
หยดน้ำฝนกระสานซ่านเซ็นราวกับดอกไม้ที่กระจายตัวออกไป!
ร่มกระดาษน้ำมันตกลงมาท่ามกลางคลื่นลมและสายฝน!
นี่เป็ภาพฝนตกที่งดงามที่สุดที่เฟิ่งเฉี่ยนเคยพบเห็นในชีวิตนี้!!
ท่ามกลางความรู้สึกสะลึมสะลือ เฟิ่งเฉี่ยนราวกับได้ยินเสียงคนพูดข้างหูนาง “ร่างกายของเหนียงเหนียงถูกความเย็นเข้าแทรก ดังนั้นจึงทำให้หมดสติ กระหม่อมได้เขียนเทียบโอสถให้เหนียงเหนียงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดื่มโอสถนี้แล้วบรรทมสักคืนหนึ่ง พักผ่อนอีกสองวันก็ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เสียงทุ้มหนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้น “ถอยออกไปเถิด!”
เสียงเมื่อสักครู่ดังขึ้นอีกว่า “ทูลฝ่าา ระหว่างที่เหนียงเหนียงไม่ได้สติอาจจะรู้สึกหนาวสั่น ต้องระมัดระวังให้นางอบอุ่นอยู่เสมอพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากเสียงฝีเท้าดังขึ้นพักหนึ่ง รอบๆ กายเงียบสงบลง
จากนั้นเฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้ มีคนเปิดผ้าห่มออกและนอนลงข้างกายนาง...
ยังไม่ทันได้รอให้นางตั้งสติได้ มือใหญ่ๆ ข้างหนึ่งก็โอบร่างของนางเข้ามา ทำให้ร่างของนางตกอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นและทรงพลัง!
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ข้างหูได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงอันทรงพลังและไม่คุ้นเคย!
ยังมีกลิ่นกายอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะของเขา
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน นางอยากลืมตาแต่กลับลืมตาไม่ขึ้น
เป็เซวียนหยวนเช่อใช่หรือไม่ เขา้าทำอะไร
ยามนี้เสียงของเขาพลันดังขึ้นข้างหูนางราวกับเขากำลังพูดกับตนเอง “ล้วนเป็ความผิดของเจิ้น น่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เ้ากลับวังหลวงอย่างปลอดภัย ควรจะไปรับเ้าแต่แรก...”
หัวใจของเฟิ่งเฉี่ยนสั่นสะท้าน และเต้นรัวเร็ว
“เจิ้นเกือบจะเสียเ้าไปแล้ว!”
แขนของเขาบีบเข้ามารัดร่างของนางเข้าหาตัวเอง
เฟิ่งเฉี่ยนไม่กล้าเชื่อว่าเซวียนหยวนเช่อจะอ่อนโยนและอบอุ่นเช่นนี้ เซวียนหยวนเช่อที่ตกอยู่ในห้วงความรักลึกซึ้งเช่นนี้ เป็เื่จริงหรือ
ไม่ นางกำลังอยู่ในความฝันแน่นอน!
ต้องเป็เพราะนางตัวร้อน ปวดหัว จึงรู้สึกเพ้อเจ้อ
แต่ความฝันเช่นนี้เป็ฝันดี นางยินดีที่จะฝันเช่นนี้อีกสักครั้ง!
นางซุกร่างของตนเข้าหาอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นของเขา พร้อมกับพูดพึมพำ “เซวียนหยวเช่อ ข้ารู้ว่าข้ากำลังฝันอยู่ ข้ารู้ด้วยว่า ข้าไม่ควรโลภมาก แต่ข้าเหนื่อยแล้วจริงๆ ข้าอยากจะพึ่งพิงท่านในความฝันสักครู่ เพียงครู่เดียว ครู่เดียวก็พอ!”
ร่างของเซวียนหยวนเช่อแข็งค้าง เขาก้มหน้าลงมองนาง มองนางที่ปลดปราการการป้องกันตัวลงทั้งหมด พึ่งพิงเขา เชื่อในตัวเขา ทว่ายังคงมีเหตุผลและมีความเข้มแข็งอยู่อีกสามส่วน นางที่เป็เช่นนี้ทำให้เขาปวดใจเหลือเกิน
เขายื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของนางเบาๆ พร้อมกับเสียงนุ่มละมุนละไมดุจสายน้ำที่ดังขึ้น “ขอเพียงเ้ายินดี เ้าสามารถพึ่งพิงเจิ้นได้ตลอดเวลา! ไม่ว่าจะเป็ที่ไหนเมื่อใด ไม่ว่าจะนานเท่าใด...”
นี่เป็คำสัญญาที่เขามีต่อนาง หลังจากที่เขาแน่ใจในตัวเองแล้ว เขากำลังยอมรับความรู้สึกในใจของตนเป็ครั้งแรก
ระยะเวลาหลายวันที่ได้อยู่ร่วมกันนี้ เขาหลบเลี่ยงความรู้สึกในใจของตนเองมาโดยตลอด ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ายอมรับความจริง แต่วันนี้เมื่อเห็นนางที่อ่อนแออยู่ท่ามกลางสายฝน ความรู้สึกที่กำลังจะสูญเสียนั้นแรงกล้าและะเิออกมา!
สูญเสียไปแล้วจึงรู้สึกเ็ป!
วินาทีนั้น เขาแน่ใจยิ่งกว่าว่าเขาไม่อาจสูญเสียนาง!
“เฉียนเฉี่ยน ไม่ต้องกลัว! มีเจิ้นอยู่ ก็มีเ้าอยู่”
เป็คำบอกรักที่งดงามเพียงใดกัน!
ริมฝีปากเฟิ่งเฉี่ยนโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม นางซุกกายหาอิริยาบถที่สบายที่สุด แนบใบหน้ากับแผ่นอกของเขา นอนหลับฝันดี และอยู่ในความฝันอันงดงามต่อไป...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้