เฉิงชิงเองก็ให้ความสนใจกับเกี้ยวขุนนางที่มาถึง
ในยามแรกนางนึกว่าเป็เ้าเมืองอวี๋
เมื่อผ้าม่านในเกี้ยวถูกเลิกขึ้น บุรุษที่ลงจากเกี้ยวกลับเป็คนแปลกหน้า... ไม่สิ เมื่อมองอย่างเต็มตาอีกครั้งกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างเห็นได้ชัด
สามารถพบได้ถึงเค้าหน้าที่คล้ายคลึงกันบนใบหน้าของเฉิงจือซู่และเฉิงกุย นี่คือคนของบ้านรอง
เป็อารองจอมเอาเปรียบเฉิงจือซวี่ ที่เป็ขุนนางอยู่ต่างถิ่นหรือเปล่านะ?
เขากลับมาหนานอี๋ั้แ่เมื่อไร
เฉิงจือซวี่กวาดสายตาจนพบเฉิงชิง
หากไม่ใช่ว่าได้เตรียมการเื่นี้มาก่อน เฉิงจือซวี่ก็ยังไม่อาจเชื่อได้จริงๆ ว่าเฉิงชิงคือบุตรชายของพี่ใหญ่เฉิงจือหย่วน
บิดาและบุตรชายแตกต่างกันเกินไปแล้ว
ยามเฉิงจือหย่วนยังหนุ่ม ไม่เพียงมีความสามารถโดดเด่น หน้าตาก็ไม่ธรรมดา เป็บุรุษรูปงามชื่อดังของหนานอี๋
เฉิงชิงไม่เหมือนเฉิงจือหย่วนแม้แต่น้อย ร่างกายเล็กแห้ง สีหน้าซีดเหลือง
แต่เมื่อมองอย่างละเอียด บิดาและบุตรชายสองคนนี้ก็ยังมีจุดที่เหมือนกัน เฉิงจือหย่วนถือเป็ผู้ที่โดดเด่นเหนือผู้อื่นในกลุ่มคน เฉิงชิงเองก็ไม่ต่างกัน
แม้ร่างกายจะไม่สูง รูปลักษณ์ไม่เจริญตา แต่ความเชื่อมั่นในตัวเองเช่นนั้น เหมือนกับเฉิงจือหย่วนยามหนุ่มราวกับพิมพ์เดียวกัน!
แววตาเฉิงจือซวี่มืดหม่น
เมื่อยี่สิบปีก่อน เมื่อเอ่ยถึงบ้านรองตระกูลเฉิง คนนอกล้วนชื่นชมแต่เฉิงจือหย่วน เขาและน้องสามไม่เพียงอายุห่างกัน ทั้งยังเป็บุตรชายของมารดาเลี้ยง ไหนเลยจะถูกผู้อื่นเห็นในสายตา
ยี่สิบปีหลังจากนั้นน่ะหรือ สุดท้ายแล้วก็ยังต้องพึ่งเขาดูแลครอบครัวของบ้านรอง
สายตาของเฉิงชิงและเฉิงจือซวี่ประสานกันกลางอากาศ
เฉิงจือซวี่เดินไปก้าวใหญ่ ตบบ่าของเฉิงชิงอย่างหนักต่อหน้าฝูงชน
“อารองกลับมาช้า ทำให้เ้าได้รับความอยุติธรรมแล้ว!”
หืม?!
นี่เป็การเคลื่อนไหวใหญ่โตอะไรกัน... อวี๋ซานมองแต่ไกลๆ อ้าปากค้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้หนึ่งฟอง
ฝีเท้าที่ก้าวไปข้างหน้าของเฉิงกุยก็หยุดลงเช่นกัน
ทั้งสองคนไม่รู้ถึงเจตนาในการมาของเฉิงจือซวี่จริงๆ
กลับเป็เฉิงชิงที่รับรู้น้ำหนักบนบ่าก็คิดชื่นชมเฉิงจือซวี่——ทุกคนล้วนรักหน้าตา ยอมทำเื่ที่มีหน้ามีตา สมแล้วที่เฉิงจือซวี่อยู่ในแวดวงขุนนาง จัดการเื่ราวได้เหนือชั้นกว่าอาสามเฉิงจือซู่จอมเอาเปรียบมากนัก
หลังจากกลับมายังหนานอี๋ นางก็ทำให้บ้านรองถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้มาโดยตลอด บัดนี้เฉิงจือซวี่้าให้นางชดใช้ทั้งหมดในคราเดียวสินะ?
แสดงความรักและเมตตาต่อนางท่ามกลางผู้คนมากมาย คนนอกย่อมสรรเสริญความใจกว้างของเฉิงจือซวี่เป็แน่
ชีวิตคนเราเปรียบเหมือนละครที่ล้วนต้องพึ่งพาการแสดง เฉิงชิงก้มหน้าลงแล้วเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ
นางขัดขืนมือของเฉิงจือซวี่แล้วก้าวถอยหลัง “หลานไม่กล้าไปเกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของท่านอารองหรอกขอรับ รอท่านพ่อที่จากไปชำระล้างมลทินแล้ว หลานจึงจะกล้าสนิทสนมกับท่านอารอง เชิญท่านอารองกลับไปเถิดขอรับ หลานย่อมแสดงฝีมืออย่างดีในการสอบระดับอำเภอแน่นอน ไม่ทำให้ท่านอารองผิดหวัง!”
มือของเฉิงจือซวี่แข็งทื่อเล็กน้อย
เขาไม่ได้ฝากความหวังให้เฉิงชิง กลับเป็ปฏิกิริยาตอบกลับของเฉิงชิงที่รวดเร็วยิ่งนัก
ยามจ้องหน้ากัน เฉิงจือซวี่มีความรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายมองความคิดทะลุปรุโปร่ง... จะเป็ไปได้อย่างไร เฉิงชิงยังอายุเท่าไรเอง!
เฉิงจือซวี่ยัง้าจะกล่าวอะไรต่อ เฉิงชิงก็ใช้แขนเสื้อเช็ดที่หัวตา
“รบกวนท่านทั้งสองส่งข้ากลับไปยังตรอกหยางหลิ่วเถิด เ้าเมืองอวี๋เชื่อมั่นในตัวข้าจึงได้อนุญาตให้ข้าเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ แต่ข้าไม่ควรเดินเล่นอยู่ด้านนอกมากนัก”
เ้าหน้าที่รู้ถึงสถานะของเฉิงจือซวี่แล้ว ท่านรองเฉิงแห่งบ้านรองตระกูลเฉิง สถานะเท่าเทียมกับเ้าเมืองอวี๋ หากเฉิงจือซวี่้ารั้งตัวเฉิงชิงไว้พูดคุย พวกเขาก็ได้แต่ทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น
ผู้ใดจะรู้ว่าเฉิงชิงมองข้ามความหวังดีของผู้อื่น
เป็เด็กน้อยที่ไม่รู้ความจริงๆ ขาของอารองหนาขนาดนี้แท้ๆ ยังไม่รู้จักกอดไว้อีก
เ้าหน้าที่หลั่งเหงื่อบนศีรษะ “ใต้เท้าเฉิง นี่——”
เฉิงจือซวี่ส่ายหน้าด้วยเบ้าตาแดงก่ำ
“ไม่เป็ไร เป็ข้าที่ใจร้อนเกินไป ไม่ควรมารบกวนการสอบระดับอำเภอของเฉิงชิง ช่างเถิด พวกเ้าไปส่งเขากลับตรอกหยางหลิ่วเถิด วันเวลาของพวกเราอาหลานหลังจากวันนี้ยังอีกยาวไกล”
เฉิงจือซวี่กำชับเฉิงชิงต่อหน้าผู้คนว่าอย่าใส่ใจไป ต้องเชื่อมั่นในราชสำนัก และต้องเชื่อมั่นในการกระทำของเฉิงจือหย่วน จะต้องมีวันที่ข้อเท็จจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้า ต้องสงบใจมาเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ ใช้ผลการสอบของการสอบเข้ารับราชการที่ดีมาปลอบโยนิญญาของเฉิงจือหย่วนที่อยู่บน์!
ผู้เป็อามีความรักและเมตตา ผู้เป็หลานเองก็รู้ความ กลุ่มผู้เข้าสอบล้วนกระซิบกระซาบกันในชั่วขณะหนึ่ง
“กล่าวกันว่าบ้านรองไม่สนใจครอบครัวเฉิงชิงโดยสิ้นเชิง บัดนี้มองดูแล้วเหมือนจะไม่เป็เช่นนั้น?”
“ใต้เท้าเฉิงท่านนี้เป็ขุนนางอยู่ต่างถิ่น ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้อยู่หนานอี๋”
“เฉิงชิงเองก็ไม่ได้น่าสงสารอย่างที่ข้าจินตนาการไว้..”
อารมณ์ของเหล่าสหายร่วมเรียนยุ่งเหยิงเล็กน้อย
ล้วนกล่าวกันว่าบ้านรองตระกูลเฉิงไม่ชอบครอบครัวเฉิงชิง แต่นั่นก็เป็เื่ก่อนหน้าที่ใต้เท้าเฉิงจะกลับมา
เมื่อมองท่าทีในวันนี้ของใต้เท้าเฉิง หลังจากนี้เฉิงชิงก็มีคนให้พึ่งพิงแล้ว
พวกเขาจะสงสารเฉิงชิงไปทำไม ควรหยิบกระจกมาส่องตนเอง มีตระกูลที่อยู่เื้ัแบบเฉิงชิง มีอาที่เป็ขุนนางด้วยหรือ!
เฉิงชิงไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าจะเกิดเช่นนี้ขึ้น มุมมองที่ผู้อื่นมีต่อนางเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
เฉิงจือซวี่ช่างมีความสามารถโดยแท้
ฮูหยินผู้เฒ่าจูและเฉิงจือซู่รวมกันก็ยังไม่เก่งกาจเท่าเฉิงจือซวี่เพียงผู้เดียว
ลับหลังผู้คน ความชื่นชมแบบเด็กๆ บนใบหน้าของเฉิงชิงหายเกลี้ยง... ฮึ ฟ้าใหญ่แผ่นดินกว้าง การสอบระดับอำเภอใหญ่ที่สุด ผู้ใดก็อย่างได้คิดมาส่งกระทบต่อการสอบของนาง
ด้านนอกกลุ่มคน เมื่อได้เห็นเฉิงชิงเสียเปรียบ อวี๋ซานก็หัวเราะออกเสียง
“บิดาเ้าเก่งกาจกว่าบิดาข้านัก!”
เฉิงชิงรังเกียจคนบ้านรองตระกูลเฉิงอย่างมาก แต่เฉิงจือซวี่ลดตัวลงมาแสดงความห่วงใย เฉิงชิงก็ไร้หนทางจะปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นจะเป็การไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
ไม่ง่ายเลยกว่าเฉิงชิงจะสร้างภาพลักษณ์ภายในอำเภอได้ ไหนเลยจะกล่าวว่าล้มแล้วก็ล้มเลย อดทนไว้ แต่ไม่อัดอั้นตันใจหรือ?
อวี๋ซานผู้ประสบเื่นี้้าจะรู้จักเฉิงจือซวี่มาก ์ได้ทำให้ความฝันของอวี๋ซานบรรลุอย่างแท้จริง เฉิงจือซวี่เลิกม่านในเกี้ยว เรียกเฉิงกุยและอวี๋ซานให้หยุด
เฉิงจือซวี่มีท่าทีเป็มิตรต่ออวี๋ซาน
“ข้ากล่าวไว้นานแล้วว่า้าไปคารวะบิดาเ้า แต่ยังไม่ทันไปก็ต้องออกเดินทางต่อแล้ว เ้าและเฉิงกุยเองก็ต้องทำตัวเป็เด็กดี ได้ยินว่าเ้าและเฉิงชิงเกิดเื่เข้าใจผิดกัน นอกจากนี้ยังได้รับความอยุติธรรมอยู่หลายวัน รอเฉิงชิงสอบระดับอำเภอเสร็จแล้ว เ้าก็สามารถกลับไปยังสถานศึกษาได้แล้ว!”
บิดาของผู้อื่นย่อมดีเป็ธรรมดา ทั้งที่เป็เ้าเมืองเหมือนกัน ถ้อยคำของเฉิงจือซวี่ช่างน่าฟังเกินไปแล้ว
อวี๋ซานดีใจ “หลานเองก็อยากกลับไปสถานศึกษาเร็วหน่อยขอรับ”
เฉิงกุยคิดจะเอ่ยคำแต่ก็ยั้งไว้ เฉิงจือซวี่เรียกให้เขาขึ้นมาบนเกี้ยว บิดาและบุตรทั้งสองกลับบ้านด้วยกัน
เฉิงจือซวี่ปิดตาผ่อนคลายตลอดทาง ยามใกล้ถึงประตูบ้านก็พลันลืมตาขึ้นมา
“เ้าทำถูกแล้วที่รับรองเฉิงชิง พ่อไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการของท่านย่าและอาสามของเ้า แม้เฉิงชิงจะมีความฉลาดเพียงใด แต่ก็เป็คนตัวเล็กกำลังน้อยไม่อาจเปลี่ยนแปลงเื่ราวโดยรวมได้ ท่านย่าของเ้าไม่จำเป็ต้องทำเื่ราวให้ไม่น่าดูถึงขนาดนั้นเลยสักนิด... ชื่อเสียงนั้นสำคัญมาก คู่ควรที่เ้าจะใช้ทั้งชีวิตดูแลจัดการ”
ชื่อเสียงต้องพึ่งอะไรจึงจะได้มาหรือ?
คนโง่เป็ผู้สนับสนุนให้คนฉลาด คาดไม่ถึงว่าเมื่อคนฉลาดเปิดเผยตัวออกมาล้วนยินยอมจะมองคนโง่เสียหน่อย
เฉิงจือซวี่ชมว่าเฉิงชิงมีความฉลาดอยู่หลายส่วน ชมเล่ห์เหลี่ยมในการควบคุมความเห็นฝูงชนที่อีกฝ่ายใช้หลังจากกลับมายังหนานอี๋
การเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่โดยมิทันตั้งตัว เป็การเร่งให้คนเป็ผู้ใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับเฉิงชิงแล้ว เฉิงกุยที่อายุมากกว่าสามปียังอ่อนเยาว์และไม่โตเป็ผู้ใหญ่เกินไปแล้ว ภายในใจเฉิงจือซวี่วางแผนไว้แล้ว หากปีหน้าในการสอบระดับมณฑล เฉิงกุยสามารถสอบผ่านเป็จวี่เหริน เขาก็จะพาบุตรชายไปยังเมืองที่รับตำแหน่งเพื่อสั่งสอน
เมื่อเห็นเฉิงกุยนิ่งเงียบ เฉิงจือซวี่จึงค่อยๆ กล่าว
“เ้าคิดว่าพ่อไปที่นอกสนามสอบ เพียงเพราะ้าแสดงความห่วงใยอันลึกซึ้งของอาหลานกับเ้าเด็กเวรเฉิงชิงนั่นเท่านั้นหรือ? พ่อแค่้าให้เ้าดูแล้วศึกษาให้มากขึ้น!”
“ท่านทราบ——”
“พ่อรู้ดี ั้แ่เฉิงชิงกลับมาหนานอี๋ เ้าก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับเขาในทุกทาง เฉิงกุย เ้าคือบุตรชายของข้า ข้าฝากความหวังไว้กับเ้ามาก ความพากเพียรในหลายปีนี้ก็เพื่อให้เ้ายิ่งมีอนาคตที่ดีขึ้น เฉิงชิงจะเอาอะไรมาเทียบกับเ้าได้? ถึงแม้เขาจะฉลาดอยู่บ้าง อนาคตก็เป็ได้แค่คนธรรมดา แต่เ้าไม่เหมือนกัน บัดนี้พ่อสามารถเป็ถึงเ้าเมืองขั้นสี่แล้ว เ้าก็ควรมีเป้าหมายที่สูงยิ่งขึ้น ให้ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋เคารพเ้า กลายเป็ขุนนางชั้นสูง—— เฉิงชิงล้วนไม่คู่ควรจะเป็คู่ต่อสู้ของเ้า!”
เืร้อนระอุไหลจากส้นเท้าของเฉิงกุยมาถึงกลางศีรษะ เป็ขุนนางชั้นสูงหรือ? ที่แท้บิดาก็มีความหวังต่อเขาสูงขนาดนี้
——แต่เหตุใดบิดาจึงมีความเชื่อมั่นถึงขนาดนี้ ในอนาคตเฉิงชิงจะเป็เพียงคนธรรมดาหรือ?
เฉิงกุยเอ่ยถามต่อ เฉิงจือซวี่ยิ้มอย่างเปี่ยมความหมาย
“ต้องให้พ่ออธิบายทุกเื่หรือ? เ้าใช้สมองคิดดูสิ!”
