“ดูเหมือนจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนะ”
จื่ออีกล่าวเสียงแ่เบาแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป ซึ่งทำให้หลินฮ่าวเจี๋ยประหลาดใจขณะมองจื่ออีที่กำลังเขินอาย
“หากคุณหนูจื่ออีไม่ชอบหรือสงสัยในคำพูดของข้า ข้าก็สามารถให้ที่พักแก่เ้าทั้งหมดได้ แม้ข้าจะต้องนอนข้างนอกก็ตาม” หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าว
“คุณชายไม่จำเป็ต้องทำเช่นนั้น ข้ายอมรับข้อเสนอแรกของท่าน”
จื่ออีรีบกล่าวขึ้นมาทันควัน ทำให้จื่อหลิงและหลินเฟิงต่างประหลาดใจ แต่หลินฮ่าวเจี๋ยกลับยิ้มและกล่าวว่า “คุณหนูจื่ออีพูดมาขนาดนี้แล้วก็ถือว่าเป็อันตกลง”
“หากจื่ออีรบกวน คุณชายหลินโปรดบอกข้า” จื่ออีกล่าวขณะก้มหัวลงด้วยความเขินอาย
“รบกวนอะไรกัน นี่เป็ประสงค์ของข้าเอง” หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวขณะยิ้ม
“ท่านพี่จื่ออี ทำไมท่านถึงยอมพักค้างคืนในห้องของคนแปลกหน้ากัน?” จื่อหลิงกล่าวถามเสียงเบาขณะจับมือจื่ออี
“จื่อหลิง คุณชายหลินเป็ถึงชายหนุ่มอัจฉริยะ ใยเ้าคิดว่าเขาไม่น่าเชื่อถือ? ถ้างั้นก็ไปพร้อมกับข้าสิ!” จื่ออีกล่าว
“ช่างโง่เขลานัก!”
ได้มีเสียงเยือกเย็นดังขึ้น ทำให้พวกเขาต่างประหลาดใจ เมื่อมองตามต้นเสียงไป ก็เห็นหลินเฟิงอยู่อยู่ข้างหลัง
ในขณะนั้นหลินเฟิงก็มองหลินฮ่าวเจี๋ยพลางกล่าวว่า “ตอนอยู่ที่เชิงเขา เ้าบอกว่าหากข้าอยู่กับพวกนางในกระท่อมตอนฝนตก อาจทำให้ชื่อเสียงของนางต้องแปดเปื้อน แต่ตอนนี้เ้ากลับเชิญพวกนางทั้งสองไปพักกับเ้า หรือว่าเ้าคิดจะทำมิดีมิร้ายกับพวกนาง? หรือนี่คือเป้าหมายที่ชายหนุ่มอัจฉริยะพึงกระทำ?”
หลินฮ่าวเจี๋ยประหลาดใจขณะมองหลินเฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็กล่าวว่า “หรือเ้าคิดว่า เ้าสามารถเทียบกับข้าได้?”
“ไร้สาระ” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า “หากมีสถานะทางสังคมสูงก็สามารถสร้างเื่ให้หญิงสาวเข้าใจผิดได้งั้นสินะ”
“หึ!” หลินฮ่าวเจี๋ยส่งเสียงในลำคอ แล้วมองไปทางจื่ออีก่อนกล่าวว่า “คุณหนูจื่ออี หากเป็เช่นนี้ท่านสามารถลืมข้อเสนอของข้าได้ ข้าก็ขอตัวล่ะ”
กล่าวจบหลินฮ่าวเจี๋ยก็หันหลังและกำลังจะเดินออกไป
“คุณชายหลิน ช้าก่อน” จื่ออีะโขณะวิ่งตามหลังเขา จากนั้นนางก็กล่าวว่า “แน่นอนว่าข้าไม่เห็นด้วยกับเขา!”
จื่ออีหันไปมองหลินเฟิงด้วยสายตาเ็า แล้วกล่าวกับจื่อหลิงว่า “จื่อหลิง เ้าจะไปกับข้าไหม?”
“ข้าไม่ไป” จื่อหลิงกล่าวพลางส่ายหัว
“ก็ได้ งั้นเ้าก็ระวังใครบางคนด้วยก็แล้วกัน” จื่ออีกล่าวแล้วเดินตามหลินฮ่าวเจี๋ยไป
หลินเฟิงมองส่งแผ่นหลังของจื่ออีจนลับสายตาขณะส่ายหัวอย่างท้อแท้ เขาพร่ำเตือนหญิงสาวจนไม่รู้จะทำอย่างไร แต่จื่ออียังคงดื้อรั้นทำให้หลินเฟิงจนปัญญา เขาสัญญากับจื่อหนานไว้แล้วว่าลูกสาวของเขาจะปลอดภัยจนกว่าจะไปถึงตระกูลจื่อ
“ทำไมเ้าถึงไม่ตามไปด้วยล่ะ?”
หลังจากพวกเขาไปแล้ว หลินเฟิงก็หันไปถามจื่อหลิง
“บางทีเ้าอาจพูดถูกก็ได้ สิ่งที่พวกข้าเห็นอาจไม่ใช่ความจริง หลินฮ่าวเจี๋ยแม้จะหล่อเหลาและแข็งแกร่ง แต่ข้าคิดว่าเขาเป็คนหลอกลวง”
จื่อหลิงกล่าวขณะทอดสายตามองออกไปไกล
“งั้นเ้าจะไม่ฟังคำพูดของพี่สาวเ้าที่ว่า ‘ให้ระวังใครบางคน’ สินะ?” หลินเฟิงถามหญิงสาวพลางยิ้มน้อยๆ ส่วนหลินฮ่าวเจี๋ยที่เดินห่างไปสักพักเพียงหันกลับมามองหลินเฟิงหัวเราะด้วยสายตาเ้าเล่ห์เท่านั้น
จื่อหลิงหันไปมองหลินเฟิง นางหัวเราะและกล่าวว่า “ใครบางคนอาจเป็คนดีก็ได้ ตอนอยู่กระท่อมเ้าก็มีโอกาส แล้วเ้าจะรอให้พวกข้าไปถึงตระกูลจื่อทำไม?”
หลินเฟิงประหลาดใจกับรอยยิ้มบริสุทธิ์และอ่อนโยนของนาง คนเราบางครั้งก็ไม่ได้เป็เหมือนที่แสดงออก จากภายนอกนางมีบุคลิกที่เยือกเย็นและสุขุม ซึ่งซ่อนความรู้สึกที่อ่อนโยนและไร้เดียงสาของนางเอาไว้ รอยยิ้มของนางในยามนี้ดูน่าอัศจรรย์มาก
แม้จะเป็เื่ที่คาดเดาได้ง่าย แต่จื่ออีกลับดูไม่ออกและยินดีหลงไปในกับดัก
“แต่เ้าอย่าได้เข้าใจผิดไปล่ะ แม้เ้าจะไม่ได้อ่อนแอ แต่จื่อหลิงผู้นี้จะยอมแต่งงานกับนักดาบที่แข็งแกร่งเท่านั้น ข้าไม่เคยสนใจคนอย่างเ้าเลยแม้แต่น้อย”
จื่อหลิงกล่าวกลั้วหัวเราะ แล้วนางก็เริ่มเดินออกไปเพื่อหาสถานที่พักผ่อน
“นักดาบ?”
หลินเฟิงพึมพำ เขายิ้มขณะส่ายหัว จากนั้นเขาก็เดินตามนางไป
…
บริเวณนอกตำหนักตระกูลจื่อ มีใครบางคนกำลังเคาะประตู
“เข้ามา”
จื่ออีกล่าวจากด้านในห้อง ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก เป็หลินฮ่าวเจี๋ยที่ยืนอยู่หน้าประตู
“คุณหนูจื่ออี ข้าเข้าไปได้หรือไม่?” หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวขณะอยู่นอกห้อง
“แน่นอนสิ เชิญคุณชายหลินเข้ามาเถิด” เมื่อได้ยินคำถามดังนั้น จื่ออีก็ตอบกลับไปโดยไม่คิด
ท่ามกลางแสงไฟสลัว หลินฮ่าวเจี๋ยกำลังจ้องมองจื่ออี เขาเห็นว่าเสื้อผ้าที่นางสวมอยู่ยังไม่แห้ง มันจึงยังแนบกายของนางอยู่เช่นนั้น เมื่อได้เห็นร่างที่เย้ายวนของหญิงสาวตรงหน้าแล้ว ในใจเขาพลันเกิดความปรารถนาในตัณหาราคะทันที
“จื่ออี เ้าช่างงดงามเหลือเกิน”
หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวอย่างอ่อนโยน
จื่ออีหลุบสายตาลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แล้วเสียงเล็กๆ ก็ออกจากปากของนาง “งดงามตรงไหนกัน!”
“งดงามั้แ่หัวจรดเท้าเชียวล่ะ!” หลินฮ่าวเจี๋ยจงใจตีความหมายคำว่า ‘งดงามตรงไหนกัน’ ผิด จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “จื่ออี เพียงแวบแรกที่เห็นเ้าในกระท่อมนั่น ข้าก็รู้สึกถูกชะตากับเ้ามาก และไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้”
จื่ออียังคงก้มหัวและเงียบ ทว่าใบหน้ากำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ
“จื่ออี ทำไมเ้าถึงไม่พูดล่ะ หรือเ้าคิดว่าหลินฮ่าวเจี๋ยผู้นี้เป็คนเหลาะแหละ? หากเป็เช่นนั้น ข้าก็จะออกไปทันที”
หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวอีกครั้ง จื่ออีจึงรีบเงยหน้าขึ้นขณะส่ายหัวไม่หยุด แต่ในขณะนั้นหลินฮ่าวเจี๋ยก็เดินไปหานางอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นใกล้กันมาก
“จื่ออี!”
แววตาของหลินฮ่าวเจี๋ยเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและน้ำเสียงก็นุ่มนวลเหมือนกับสายน้ำ
“หืม!”
ใบหน้าของจื่ออีเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ขณะจ้องมองหลินฮ่าวเจี๋ยด้วยสายตาที่ถูกบดบังด้วยห้วงอารมณ์แห่งความรักไม่สิ้นสุด
นางไม่คิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ อย่างไรก็ตามหลินฮ่าวเจี๋ยก็ช่างหล่อเหลา ไม่ว่าจะเป็หน้าตา ชาติตระกูลหรือพร์แล้ว ทุกอย่างล้วนยอดเยี่ยมทั้งหมด แต่เขากลับพึงใจนายที่เป็เพียงบุตรสาวบุญธรรมแห่งหมู่บ้านจื่อเหวย สำหรับจื่ออีแล้ว นางเพรียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนและตอนนี้นางก็มีความรู้สึกลึกซึ้งกับหลินฮ่าวเจี๋ย ดังนั้นนางจึงไม่ปฏิเสธเขาแม้จะรู้จักกันได้ไม่นานก็ตาม
“เ้ายินดีที่จะเป็ผู้หญิงของข้าหรือไม่?”
หลินฮ่าวเจี๋ยกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะก้าวเข้าหาจื่ออี
ตอนนี้หัวใจของจื่ออีกำลังเต้นระรัวและใบหน้าก็ยิ่งขึ้นสีแดงระเรื่อ เพราะจู่ๆ ความสุขที่ล้นมากมาประดังเข้าหานาง
“อื้ม!”
จื่ออีกล่าวขณะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงสองมือแกร่งที่โอบกอดนาง ทันใดนั้นหลินฮ่าวเจี๋ยก็จูบไปที่ริมฝีปากของนางอย่างเร่าร้อน
จื่ออีรู้สึกว่าร่างกายของนางกำลังแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่า นางรู้สึกได้ถึงความเร่าร้อนของหลินฮ่าวเจี๋ย จากนั้นนางก็กอดก่ายลำตัวของหลินฮ่าวเจี๋ยขณะจูบกลับไปอย่างดุเดือด
มือของหลินฮ่าวเจี๋ยกำลังลูบคลำไปทั่วร่างของจื่ออี เลื่อนขึ้นเลื่อนลงอย่างนุ่มนวล จนทำให้จื่ออีครางต้องขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้
ร่างของทั้งสองล้มลงไปบนเตียงและเริ่มถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ ผ่านไปไม่นานได้มีเสียงของความเร่าร้อนครางดังไปทั่วห้อง จนร่างของพวกเขาแนบชิดอิงกายราวกับเป็คนคนเดียวกัน พวกเขากอดรัดกันอย่างดุเดือดเช่นนั้นกลางห้องพักแสนหรูหรา...
…
รุ่งอรุณมาเยือนในวันถัดมา ตระกูลจื่อก็เริ่มวุ่นวายขึ้นถนัดตา เพราะวันนี้เป็วันแต่งงานของจื่อโฉงผู้เป็นายน้อยแห่งตระกูลจื่อ
ขณะนั้นได้มีร่างเงาสองร่างกำลังนั่งอยู่บนขอบหน้าผา ขณะมองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ขึ้นมาช้าๆ
“งดงามเหลือเกิน!”
จื่อหลิงประหลาดใจกับทัศนียภาพอันงดงามตรงหน้า มันเป็สีแดงที่เร่าร้อนเหนือทะเลเมฆ
“ช่างสวยงดงามยิ่งนัก”
หลินเฟิงกล่าวขึ้นมา ในโลกก่อนเขาปรารถนาที่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่กลับไม่มีโอกาสได้เห็นสักครั้ง ทว่าในโลกใบนี้ในที่สุดเขาความปรารถนาของเขาก็เป็จริงไปอีกเื่
นอกจากนี้ขณะที่เขากำลังหลอมรวมเข้ากับโลก การรับรู้ของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าจื่อหลิง ทำให้เขาเห็นทัศนียภาพนี้งดงามกว่านาง
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้มาดูพระอาทิตย์ขึ้นกับเ้าเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่เ้าไม่ใช่คนที่ข้าใฝ่ฝัน”
จื่อหลิงกล่าวขณะหัวเราะคิก จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “กลับกันเถอะ ท่านพ่อบอกว่าภรรยาของจื่อโฉงเป็หญิงสาวที่งดงามที่สุดในภูมิภาคนี้ วันนี้ข้าจะต้องเห็นให้ได้ว่าเป็ไปตามข่าวลือหรือไม่”
หลินเฟิงลุกขึ้นยืนและแสดงสีหน้าแปลกๆ เขาก็อยากเห็นเช่นกัน ไม่ใช่เพราะเขาอยากรู้ว่างดงามสมคำล่ำลือหรือไม่ แต่เขาแค่อยากรู้ว่าเป็ต้วนซินเยี่ยจริงหรือเปล่า
หากเป็ต้วนซินเยี่ยล่ะก็ แล้วนางไปตกลงใจแต่งงานกับจื่อโฉงได้อย่างไร หรือข่าวลือที่ว่านางถูกบีบบังคับให้แต่งงานจะเป็ความจริง หากเป็เช่นนั้นแล้ว หลินเฟิงจะทำอะไรได้…