คนตาย
เสิ่นม่านตกตะลึง นางจัดแจงให้เด็กๆ อยู่้า จากนั้นค่อยสาวเท้าลงไปยังที่เกิดเหตุ
เหล่าคนงานถือจอบเสียมยืนตกตะลึงทำตัวไม่ถูก ความหวาดวิตกฉายผ่านสีหน้า คนหนึ่งใจกล้าะโลงไปดูตรงที่เกิดเหตุ ผืนดินที่เพิ่งถูกขุดเมื่อครู่มีร่างชายไร้นามสวมชุดสีฟ้านอนคว่ำอยู่ ไม่รู้ว่าตายมานานเพียงใด ศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็น
เขาพลิกร่างศพขึ้นมา ศพกลิ้งลงไปตามเนินเผยให้เห็นกองหินและหลุม ชายหนุ่มชะเง้อเข้าไปในหลุมนั้น พบว่าในนั้นมีงูคลานยั้วเยี้ยเต็มไปหมด!
“มีหนอนยาว! หนอนยาวยั้วเยี้ยเลย!”
ชายหนุ่มทนไม่ได้ เขาตื่นใและแหกปากะโ พร้อมกับคลานเกลือกกลิ้งกลับมา
หนอนยาว?
เสิ่นม่านเองก็เริ่มกระวนกระวายจึงเดินลงไปอีกหน่อย และเห็นงูยั้วเยี้ยกำลังแย่งกันเลื้อยออกนอกหลุม
งูมาจากไหนมากมายในฤดูหนาวเช่นนี้? นอกจากนี้ งูควรนอนจำศีลในฤดูหนาวไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงดูคล่องแคล่วเช่นนี้
ทั้งหมดนี้มันแปลกเกินไป!
การก่อสร้างไม่อาจดำเนินต่อ คนงานหลายคนที่ขี้ขลาดถึงกับหมดสติเพราะภาพที่ได้เห็น
เสิ่นม่านจนปัญญา จึงได้แต่เร่งไปแจ้งทางการ
คนของทางการมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว หลังขับไล่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ก็ให้ฝ่ายชันสูตรแบกศพไป
ชาวบ้านในตำบลเห็นฉากนี้กันไม่น้อย ต่างก็พากันซุบซิบนินทา
“นี่ไร้เหตุผลเกินไป สมัยก่อนไยจึงไม่เคยได้ยินว่ามีงูที่นี่? แล้วยังอยู่กับสถานที่ที่มีศพเช่นนี้อีก ลางร้ายจริงๆ”
“นั่นสิ ไฉนข้าจึงรู้สึกว่า์กำลังเตือนเสิ่นม่านเหนียงอยู่นะ? ได้ยินว่าที่ดินผืนนี้สกปรกมาช้านาน ในอดีตเคยมีโจรูเาลุกมาฆ่าปล้นชิงคนในบ้าน ไม่รู้ว่าฆ่าไปเท่าไร แรงอาฆาตรุนแรงนัก มีเพียงเสิ่นม่านเหนียงที่บุ่มบ่าม ถึงได้กล้าก่อสร้างที่นี่”
“ถูกต้อง ข้ายังได้ยินว่าเสิ่นม่านเหนียงอัปมงคลนัก หลังจากป่วยหนักครั้งนั้น นิสัยก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กลางดึกยังมีคนบอกว่าเห็นงูหลามในโอ่งเก็บข้าวสารในบ้านของนาง น่าใยิ่งนัก!”
“......”
คนทั้งหลายซุบซิบกันอย่างกับไฟลามทุ่ง จนคำเหล่านี้ลอยไปเข้าหูเด็กน้อยทั้งสามคน เสี่ยวตงกับน้องๆ จึงโต้ตอบกลับ
“พวกเ้าอย่าพูดเพ้อเจ้อ! หากบ้านข้ามีงูซ่อนอยู่ มีหรือพวกข้าจะไม่รู้? ขืนพวกเ้ายังพูดไร้สาระและใส่ร้ายป้ายสี ข้าจะสั่งสอนพวกเ้าเอง!”
เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขาเป็เด็กน้อย จึงไม่ได้ใส่ใจและพูดจารุนแรงกว่าเดิม
“อะไรกัน? อาของเ้าผิดปกติยังห้ามผู้อื่นเอ่ยถึงอีกหรือ? เหตุใดบ้านเ้าถึงได้อันธพาลเยี่ยงนี้? ผู้ใหญ่แบบไหนก็เลี้ยงเด็กออกมาแบบนั้นจริงๆ แต่ละคนช่างไร้การอบรมสั่งสอน”
“เ้าว่าใครมีปัญหา ใครไร้การอบรมสั่งสอน?” เสิ่นม่านปรากฏตัวด้านหลังคนเ่าั้ พวกเขาถึงกับสะดุ้งโหยง
คนที่พูดร้ายลับหลังผู้อื่นถูกจับได้ ใบหน้าย่อมจืดเจื่อน เมื่อไม่มีหน้าจะพูดต่อจึงค่อยๆ พากันหนีไป
เด็กๆ โมโหจนแก้มป่อง กำหมัดพร้อมตรงเข้าไปทุบคน แต่ถูกเสิ่นม่านดึงกลับมา
นางยิ้มไม่ออก “คนตัวเล็กอย่างพวกเ้า ยังคิดจะช่วยข้าแก้แค้นอีกหรือ?”
เสี่ยวตงปั้นหน้าบึ้งตึงและกล่าวอย่างโมโห “พวกเขาพูดให้ร้ายท่านอา!”
ต้าเป่าเองก็ด้วย แม้จะเด็กกว่าเขาสองปี แต่ก็ปกป้องมารดาไม่น้อยหน้าญาติผู้พี่
“ใช่ ท่านแม่ ท่านเป็คนดี เราไม่ยอมให้พวกเขาพูดให้ร้ายท่านลับหลัง!”
เสี่ยวหลานพยักหน้าและเอ่ยเสริม “ใช่แล้ว!”
เด็กน้อยทั้งสามนิสัยดุดัน
เสิ่นม่านยิ้ม เดิมทียังเป็กังวลเพราะเื่ที่เกิดขึ้น แต่อารมณ์เ่าั้มลายหายไปดั่งก้อนเมฆสลายตัว
นางดึงเด็กๆ เข้ามาและลุกขึ้น “เอาเถิด ข้ารู้ว่าพวกเ้ารู้สึกไม่ยุติธรรมแทนข้า แต่เราต้องใจกว้าง ไม่ถือสาคนเ่าั้ ไปกัน กลับบ้านเราดีกว่า”
เื่ในวันนี้ช่างแปลกประหลาด นางรู้สึกว่าเื่ราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น แต่ตอนนี้กลับไปก่อน ลองถามหนิงโม่ดูว่ามีกลยุทธ์อะไรมาช่วยจัดการปัญหาหรือไม่
หนิงโม่ได้ยินข่าวก็ใเช่นกัน “มีงู? และศพหรือ?”
เื่นี้ ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็เหมือนมีคนจงใจทำให้มันเกิดขึ้น เสิ่นม่านพยักหน้า ซึ่งความคิดเป็ไปในทิศทางเดียวกันเขา
“ข้าไปดูที่เกิดเหตุและเห็นด้านล่างนั้นเหมือนจะมีหลุม ร่างของศพขวางทับอยู่บนหลุมนั้น หลังจากถูกคนพลิกออก งูด้านในก็แย่งกันเลื้อยออกมาข้างนอก ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังขับไล่พวกมันจากด้านใน”
ดูเหมือนว่าหนิงโม่จะคิดอะไรบางอย่างได้และถามว่า “ตอนนี้ที่เกิดเหตุมีคนเฝ้าอยู่หรือไม่?”
เสิ่นม่านตอบว่า “ตอนเช้าที่เกิดเื่ มีคนจากทางการมาจัดการตรึงพื้นที่ไว้แล้ว ทว่าพอตกกลางคืนน่าจะไม่มีคนเฝ้า หรือคืนนี้เราควรไปดูที่เขตก่อสร้างดี?”
หนิงโม่ก็มีความตั้งใจนี้เช่นกัน ทั้งสองจึงเห็นพ้องต้องกัน
กลางคืน เสิ่นม่านเปลี่ยนเป็ชุดสีเข้มเกือบดำ ส่วนหนิงโม่กับเยี่ยนชีสวมชุดดำ ทั้งสามออกจากบ้านไปด้วยกัน
สองคนนั้นมีวิชาตัวเบาทว่าเสิ่นม่านไม่มี นางจึงได้แต่บังคับเกวียนของผู้ใหญ่บ้านตามไปด้านหลัง
จนเมื่อนางมาถึงตำบล หนิงโม่กับเยี่ยนชีก็มาถึงได้สักพักแล้ว
เยี่ยนชีไม่ได้อยู่ที่นั่น หนิงโม่ให้เขาไปเฝ้าที่เขตก่อสร้างก่อน เขากังวลว่าจะมีคนไปทำลายสถานที่เกิดเหตุ
ความกังวลของเขาไม่ได้ไร้เหตุผล ตอนที่ทั้งสองเพิ่งไปถึงเขตก่อสร้าง เยี่ยนชีก็ได้จับชายชุดดำสองคนไว้
สองคนนั้นถูกเยี่ยนชีจับมัดไว้แ่า ไม่รู้ว่าถูกทุบจนหมดสติหรืออย่างไร ตอนนี้พวกเขานอนบนพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง
ทันทีที่เขาเห็นเ้านาย เยี่ยนชีมาต้อนรับและกระซิบ
“เ้า… เสี่ยวหนิงคาดการณ์ได้ไม่ผิดเลย! ข้ามาถึงก็เห็นสองคนนี้กำลังทำลับๆ ล่อๆ ตรงหน้าหลุมนั้น เหมือนกำลังจะเอาอะไรจากในหลุม ข้าจึงทำให้พวกเขาหมดสติและค้นของจากกระเป๋าของทั้งสองคน”
เขาหยิบถุงผ้าใบเล็กออกมาและเผยให้หนิงโม่ดู เสิ่นม่านเองก็ยื่นศีรษะเข้ามาดู เห็นเพียงแป้งสีเหลืองถูกโรยอยู่บนดิน กลิ่นฉุนโชยขึ้นจมูก
หนิงโม่หันจมูกไปอีกด้านและเอ่ยอย่างเยือกเย็น “มันคือกำมะถัน”
หืม?
หนิงโม่กล่าวต่อว่า “งูกลัวกำมะถันมากที่สุด”
ด้วยข้อสรุปนี้ หนิงโม่ให้เยี่ยนชีะโลงไปในหลุมเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน
หลังจากนั้นไม่นาน เยี่ยนชีก็กลับมาและพูดว่า “มันเป็หลุมที่ปิดสนิทไม่มีร่องรอยของสัตว์ที่ทำหลุม ทางเข้าออกมีเพียงทางที่เราเห็น เมื่อครู่ข้าพบกำมะถันที่อยู่ก้นหลุม ของที่ค้นจากตัวพวกเขาน่าจะเป็ของที่ขุดมาจากในหลุม”
เบาะแสเหล่านี้แสดงให้เห็นอะไรน่ะหรือ? มันแสดงให้เห็นว่างูเ่าั้ถูกใครบางคนจงใจมาปล่อยไว้อย่างชัดเจน!
การปล่อยงูไว้ในหลุมและเอาศพมาขวางปากหลุมไว้ การกระทำที่อุกอาจเช่นนี้ ตกลงว่าทำเพื่ออะไรกัน?
เสิ่นม่านกระจ่างแล้ว ขณะที่กำลังโมโหก็ชำเลืองไปเห็นเงาคนจากกองหญ้าด้านข้างเขตก่อสร้าง
“ใคร?”
-----
