เย่เฟิงขึ้นไปถึง้าสุดของบันไดเป็คนแรก ดังนั้นจึงกลายเป็อันดับที่หนึ่งของการประลองรอบที่สอง
หลังจากนั้นตู๋กูหลง นี่จ้านเทียน และเฉินอ้าวเทียนก็ขึ้นมาถึงบันไดขั้นที่ 81 แต่เมื่อยิ่งขึ้นสูง อำนาจฟ้าดินก็ยิ่งรุนแรง ดังนั้นพวกเขาจึงผลาญพลังอย่างหนัก เมื่อถึงบันไดขั้นที่ 81 ก็รีบฟื้นฟูพลังทันที
เว่ยจี้ตามมาเป็อันดับที่ 5 ก่อนหน้านี้เขาอยากทิ้งห่างเย่เฟิง แต่สุดท้ายสถานการณ์กลับพลิกผัน
เย่เฟิงกลายเป็อันดับที่ 1 ส่วนเขาเว่ยจี้กลับได้เป็อันดับที่ 5 ทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว กล่าวได้ว่าอยู่คนละชั้น
เว่ยจี้ไม่อาจยอมรับเื่นี้ได้ และคิดในใจว่าจะต้องสั่งสอนเย่เฟิงในการประลองรอบสุดท้าย
ผู้ได้รับอันดับที่ 6 เป็คนที่เกินความคาดหมายของเหล่าผู้คน คนนี้ไม่ใช่เซี่ยโหวิ ไม่ใช่จงเทาหรือลู่เจียง และก็ไม่ใช่จ้าวเฉินอ๋องเล็ก
แต่เป็อวิ๋นเจี๋ยผู้อยู่อันดับที่ 9 ในรายนามขั้นรวมชี่ คนผู้นี้สุขุมเยือกเย็น ไม่มีเื่ทะเลาะวิวาทกับใคร รักษาความเร็วสม่ำเสมอ และยังหยุดพักน้อยครั้ง
ในที่สุดอวิ๋นเจี๋ยก็แซงหน้าเซี่ยโหวิ จงเทา และคนอื่น ๆ จนได้รับอันดับที่ 6 เื่นี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเกินคาดมาก
แต่พวกเขาทราบว่า อันดับในรอบที่สองไม่สลักสำคัญอะไร การประลองรอบสุดท้ายจึงจะสำคัญที่สุด อาจเป็ไปได้ว่าหลาย ๆ คนในนี้ยังไม่เปิดเผยไพ่ตายของตนออกมา
ต่อจากอวิ๋นเจี๋ย ก็เป็เซี่ยโหวิ จงเทา ลู่เจียง นักดาบแขนเดียว จ้าวเฉิน และผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น
หลังจากนักดาบแขนเดียวโจมตีจ้าวเฉินในสองกระบวนท่า ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนอีกครั้ง และผู้ที่เข้าเป็สิบอันดับแรกได้ก็อยู่ในรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียนเกือบทุกคน
มีเพียงเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวที่เป็กรณีพิเศษ
ก่อนงานประลองจะเริ่ม เย่เฟิงเข้าไปแทนที่เฉินอ้าวิผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 10 ในรายนามขั้นรวมชี่ เพราะสามารถเอาชนะเขาได้ในหมัดเดียว
ส่วนนักดาบแขนเดียวไม่ได้อยู่ในรายนามเหล่านี้ กระทั่งมีน้อยคนที่รู้จักเขา ทว่าคนอย่างเขากลับเอาชนะจ้าวเฉินอันดับที่ 8 ในรายนามขั้นรวมชี่ ทั้งยังได้เป็สิบอันดับแรก
นี่ทำให้ผู้คนในที่แห่งนั้น รวมถึงผู้าุโระดับสูงบางคนของสำนักยุทธ์ต่างก็เริ่มสนใจชายแขนเดียวผู้นี้
นอกจากคนเหล่านี้แล้ว เซี่ยเชียนชิวและหนานกงหลิงซวงก็ตามขึ้นมาได้สำเร็จ
แต่เมื่อเทียบกับฉินเยียนหราน เซี่ยเชียนชิวกลับไม่โชคดีเช่นนั้น ทั้งยังผลาญพลังไปไม่น้อยกว่าจะถึง้าสุด
นี่ถือเป็การพิสูจน์ท่าทีที่ตู๋กูหลงมีต่อนางแล้วมิใช่หรือ? นางรู้สึกว่าั้แ่เย่เฟิงก่อเื่ที่เขตเวทีประลองทดสอบของตระกูลตู๋กูเมื่อคราวก่อน ท่าทีของตู๋กูหลงที่มีต่อนางก็เปลี่ยนไป ไม่อบอุ่นเฉกเช่นเมื่อก่อน
แต่สิ่งที่เซี่ยเชียนชิวไม่คาดคิดคือ เ้าสวะนั่นขึ้นไปถึง้าสุดได้เป็คนแรกและกลายเป็อันดับที่ 1 โดยที่ไม่ใช่ตู๋กูหลงคู่หมั้นของนาง
หนานกงหลิงซวงได้อันดับ 30 กว่า จึงไม่น่าสนใจเท่าไร ภายใต้แรงกดดันจากอำนาจฟ้าดินที่ทรงพลังเช่นนั้น หนานกงหลิงซวงก้าวเดินได้ยากลำบากยิ่ง
อันดับ 30 กว่าไม่โดดเด่นจริง ๆ และดูเหมือนว่าหนานกงหลิงซวงในเวลานี้จะไม่เฉิดฉายเฉกเช่นในอดีต
หากไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงก็มีน้อยคนที่จะจำหนานกงหลิงซวงผู้ปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียว เพราะเื่นี้ถึงกับทำให้ทางสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเลื่อนเวลารับศิษย์ใหม่ก่อนกำหนด เพื่อรับหนานกงหลิงซวงโดยเฉพาะ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า หนานกงหลิงซวงจะทำให้ความคาดหวังของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่มีต่อนางลดน้อยลงเรื่อย ๆ
ส่วนเย่เฟิงที่เข้าสำนักยุทธ์มาพร้อมกับนาง บัดนี้ดูเหมือนว่า หนานกงหลิงซวงและเย่เฟิงจะอยู่คนละชั้นกัน
แต่ที่น่าขันกว่านั้นคือ ในอดีตหนานกงหลิงซวงดูถูกเย่เฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า หาว่าเย่เฟิงเป็คนไร้ค่า
เริ่มแรกเย่เฟิงเสียสละหลิงหยวนดั้งเดิมเพื่อช่วยหนานกงหลิงซวงในการปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียว แต่หลังจากนั้นนางก็ถอนหมั้นกับเย่เฟิง
พอเอ่ยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็เื่น่าตลกขบขันยิ่งนัก
สองชั่วยามผ่านไป การประลองรอบที่สองก็ได้สิ้นสุดลง สุดท้ายผู้ที่ขึ้นไปถึง้าสุดมีไม่ถึง 50 คน มีเพียง 48 คนเท่านั้น ซึ่งห่างจาก 100 คนที่กำหนดไว้ในตอนแรกมาก
เย่เฟิงตื่นขึ้นมา หลังจากเดินขึ้นบันได 81 ขั้น เย่เฟิงรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเหมือนแกร่งขึ้นกว่าเดิมและก้าวหน้าไปไม่น้อย ที่สำคัญกว่านั้นคือจากการข้ามผ่านอำนาจฟ้าดินของบันได ทำให้อำนาจฟ้าดินของเขาบรรลุขั้นผันแปร
นับจากนี้ไปหากเย่เฟิงพบเจอคนที่อ่อนแอกว่า เขาไม่จำเป็ต้องลงมือ เพียงแค่ปลดปล่อยอำนาจฟ้าดินก็สามารถกำราบฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว
แต่หากปะทะกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เพียงอาศัยความรู้ของเย่เฟิงที่มีต่ออำนาจฟ้าดิน เย่เฟิงจะเป็ฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเย่เฟิงตื่นขึ้นมา จู่ ๆ สายตาหลายคู่มองมาที่เย่เฟิงและไม่ปกปิดจิตสังหารแม้แต่นิดเดียว
เย่เฟิงกวาดตามองคนเหล่านี้ด้วยท่าทีเฉยชา เขาไม่สนใจ ผู้ใด้าฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าคนผู้นั้น ในความคิดของเย่เฟิง ทุกอย่างล้วนเรียบง่าย
ทุกคนเดินลงจากบันไดและไปรวมตัวที่ใจกลางลานประลอง ซึ่งที่นั่นมีเวทีประลองขนาดใหญ่ถูกสร้างไว้แล้ว มันมีขนาดใหญ่จนบรรจุคนได้หลายคน
อีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาก็เป็เช่นนี้ สองเวทีประลองตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางลานประลอง
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างตาเป็ประกายด้วยความตื่นเต้น ลำดับต่อไปจึงจะเป็การประลองที่แท้จริง
โลกแห่งการบ่มเพาะ การต่อสู้คือปัจจัยหลักของทุก ๆ อย่าง ผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้นั้นก็ได้เป็าา
ดังนั้นการประลองรอบสุดท้ายจึงเป็การต่อสู้ เป็การวัดพลังอย่างแท้จริง และการจัดอันดับในรอบนี้จะเป็การจัดอันดับที่แท้จริงของงานประลองสำนักยุทธ์ในครั้งนี้
ในขณะเดียวกันผู้ได้สิบอันดับแรกจะได้สลักชื่อลงบนแท่นศิลาเทียนเสวียน ไว้ให้ผู้คนชื่นชมและสรรเสริญ
เพราะเหตุนี้การต่อสู้ในการประลองรอบสุดท้ายจึงเป็ที่สนใจของทุก ๆ คนเป็พิเศษ เหล่าผู้คนต่างคาดหวังและตื่นเต้นที่จะได้ดูการประลองนี้
ขณะนั้นเฉินเซี่ยงเทียนที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ลุกขึ้นยืนช้า ๆ สายตากวาดมองเหล่าคนที่ผ่านเข้ารอบ แล้วกล่าวว่า “พวกเ้าคือผู้โดดเด่นที่ผ่านการประลองสองรอบแรก มีฝีมือเก่งที่สุดในบรรดาศิษย์ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน พวกเ้าจะได้รับการอบรมสั่งสอนจากสำนักยุทธ์เป็อย่างดี และจะได้เป็ตัวแทนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่ว่าผู้เก่งกาจก็มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ ดังนั้นจะถูกคัดแยกในการประลองรอบสุดท้ายนี้ คะแนนของพวกเ้าจะเป็ตัวตัดสินการจัดอันดับสุดท้าย ส่วนผู้ได้สิบอันดับแรกจะได้สลักชื่อลงบนแท่นศิลาเทียนเสวียน และเพลิดเพลินไปกับชื่อเสียงเกียรติยศ!”
เสียงอันเกรงขามของเฉินเซี่ยงเทียนดังกังวานไปทั่วลานประลอง ทำให้ผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายต่างตาทอประกายคมกริบ
พวกเขาต่างมีจิตใจมุ่งมั่นและ้าทำให้ดีที่สุดในการประลองรอบสุดท้ายนี้ เพื่อที่ตัวเองจะได้เป็หนึ่งในสิบอันดับแรก
แต่ผู้คนส่วนใหญ่รู้ดีว่า สิบอันดับแรกเป็เื่ยากที่จะได้มา เพราะว่าผู้ผ่านเข้ารอบล้วนเป็อัจฉริยะมากพร์ ดังนั้นจึงเป็เื่ยากที่จะชิงอันดับมาจากพวกเขาได้