ครั้งก่อนที่กู้เจิงเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพระชายารัชทายาท นางก็เห็นแล้วว่าองค์หญิงสิบเอ็ดและเซี่ยิ่หรูมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นางจึงรู้ว่ากู้เหยาก็น่าจะสนิทสนมกับเซี่ยิ่หรูเช่นกัน
ขุนนางที่เดินผ่านเมื่อเห็นองค์หญิงสิบเอ็ดต่างก็เข้ามาทำความเคารพ แต่องค์หญิงสิบเอ็ดไม่สนใจนัก นางดึงกู้เจิงไปยังมุมหนึ่ง
“พี่ใหญ่กู้ เล่าให้พวกเราฟังถึงเื่อุทยานหลวงครั้งนั้นหน่อยว่าท่านช่วยพี่สะใภ้ห้าของข้าได้อย่างไร” องค์หญิงสิบเอ็ดถามด้วยความตื่นเต้น
กู้เจิงเห็นท่าทางอยากรู้ของทุกคนก็เหนื่อยใจ “มีอะไรน่าคุยด้วยหรือเพคะ?” เื่ที่เกิดขึ้นในวันนั้น นางไม่อยากนึกถึง อีกอย่างองค์หญิงสิบเอ็ดกับกู้เหยาต่างก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“พี่ใหญ่กู้ ท่านฆ่าคนร้ายไปสองคนจริงๆ หรือ?” เซี่ยิ่หรูมองกู้เจิงด้วยสีหน้าเลื่อมใส
เื่นี้ไม่ค่อยมีใครรู้ องค์หญิงสิบเอ็ดกับคุณหนูเซี่ยต้องรู้จากกู้เหยาแน่ นางเหลือบไปมองกู้เหยาก็เห็นนางแลบลิ้นปลิ้นตา เ้าเด็กคนนี้ปิดปากไม่มิดเอาเสียเลย นางยิ้มบางๆ “ใช่แล้วเพคะ เื่นี้ ขอให้องค์หญิงกับคุณหนูเซี่ยเก็บเป็ความลับด้วย”
“พวกเราต้องเก็บเป็ความลับอย่างแน่นอน” องค์หญิงสิบเอ็ดและเซี่ยหมินหรูกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่ใหญ่กู้ ทำไมท่านถึงได้กล้าหาญเช่นนี้?” ภาพของกู้เจิงที่เซี่ยิ่หรูคิด ดูเป็ผู้หญิงที่บอบบางกว่านางเสียอีก
“ที่จริงแล้วข้าไม่ได้กล้าหาญอะไรหรอก แต่คนที่ถูกรังแกคือน้องสาวของข้า ข้าก็ต้องช่วยเหลือ” เห็นกู้อิ๋งถูกรังแก นางจะไม่ช่วยไม่อย่างไร
กู้เหยายืนน้ำตารื้นอยู่เงียบๆ นางก้มหน้าลงสะกดอารมณ์ระหว่างที่กู้เจิงเล่า
“คารวะพระสนมซู พระชายาตวน” มีเสียงทักทายดังแว่วมา
พระสนมซูและพระชายาตวนเดินเข้ามาจากประตูกลมด้วยกัน ขุนนางและแขกผู้สูงศักดิ์ต่างทำโค้งคำนับ พระชายาตวนเมื่อเข้ามาในงานเลี้ยงก็มองหากู้เหยาในทันที นางเห็นกู้เหยายืนอยู่กับพี่ใหญ่ องค์หญิงใหญ่ และคุณหนูเซี่ย พระสนมซูเห็นท่าทางของพระชายาตวน จึงกล่าวเตือนขึ้นว่า “อิ๋งเอ๋อร์ ต่อไปอย่าอยู่ใกล้พี่ใหญ่ของเ้าให้มากนัก นางไม่ได้ดูน่าเข้าหาเหมือนภายนอกหรอก”
พระสนมซูรู้สึกไม่ดีต่อบุตรีอนุผู้นี้ นางจึงไม่อยากให้ลูกสะใภ้กับบุตรสาวคนเล็กของตระกูลกู้อยู่ใกล้กู้เจิงมากเกินไป
“คำพูดของเสด็จแม่ลูกจะจำไว้เพคะ ลูกเพียงแค่จะทักทายพี่ใหญ่ตามปกติ” กู้อิ๋งตอบอย่างเชื่อฟัง แต่ในใจกลับแย้งว่า หากคนในครอบครัวไม่สนิทกันแล้วจะสนิทกับใครได้? นอกจากนี้ยิ่งท่านอ๋องกับพี่เขยใหญ่สนิทกัน นางกับพี่ใหญ่ก็ยิ่งต้องใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น
พระสนมซูพอใจมากที่ลูกสะใภ้เชื่อฟัง นางเดินไปทางโต๊ะงานเลี้ยงโดยมีนางกำนัลเดินตามไปเป็กลุ่ม หลังจากกู้อิ๋งน้อมส่งพระสนมซูถึงได้เดินไปหาองค์หญิงสิบเอ็ดกับคนที่เหลือ
“พวกเ้ากำลังคุยเื่อะไรกัน?” กู้อิ๋งถามขึ้น
“ไม่มีอะไร แค่คุยเล่นกันเฉยๆ” กู้เหยาหัวเราะคิกคัก แต่เซี่ยิ่หรูกลับพูดความจริง“พวกเรากำลังถามพี่ใหญ่กู้ว่าวันงานอุทยานหลวงคืนนั้นช่วยพระชายาตวนมาได้ยังไงเพคะ”
กู้เหยาอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว พี่สาวของนางเสียลูกไปเพราะเื่นั้น เื่นี้ไม่มีใครรู้เพราะได้ท่านแม่กำชับไว้ว่าอย่าพูดถึงเื่คืนนั้นให้กู้อิ๋งได้ยินอีก ดูนางสิก่อเื่อีกแล้ว นางเห็นสีหน้าของกู้อิ๋งสลดลง
กู้เจิงถอนหายใจเงียบๆ นางเห็นท่าทางของกู้อิ๋งจึงพูดกับทุกคนว่า “วันนี้ยังไม่เหมาะที่จะคุยกัน คราวหน้าถ้ามีโอกาสข้าจะเล่าให้พวกเ้าฟังเอง”
องค์หญิงสิบเอ็ดกำลังจะถามเหตุผล แต่กู้เหยากลับะโขัดขึ้นเสียก่อน “พี่เขยใหญ่ พี่เขยสาม พี่รอง พวกท่านมาแล้วหรือ?”
กู้เจิงหมุนตัวไปก็เห็นเสิ่นเยี่ยน น้องรอง และตวนอ๋องเดินมาด้วยกัน ชุดขุนนางบนตัวเสิ่นเยี่ยนถูกเปลี่ยนเป็ชุดผ้าแพรหรูหรา
หลังจากทุกคนทักทายกันแล้ว กู้เจิงก็มายืนอยู่ข้างๆ สามี
เมื่อเสิ่นเยี่ยนเดินเข้ามาในงาน สายตาก็จับจ้องไปที่กู้เจิงทันที ท่ามกลางชุดหรูหราสีสันสดใสมากมาย แต่สายตาเขากลับหาภรรยาในชุดผ้าไหมเรียบๆ เจอ ผิวขาวสะอาดตาและรอยยิ้มอันหวานล้ำ สามารถสะกดสายตาของเขาไว้ได้
“ร่างกายของเ้าเพิ่งจะดีขึ้น ทำไมออกมายืนนานๆ เช่นนี้” ตวนอ๋องก้มหน้ามองใบหน้าขาวซีดของกู้อิ๋ง เขาเป็ห่วงสุขภาพของนางนัก เขาหวังว่าสุขภาพของภรรยาจะดีขึ้นเร็วๆ บุตรชายของเขาจะต้องกลับมาให้ได้
กู้อิ๋งแววตาทอประกายสั่นไหว ท่านอ๋องเป็ห่วงนางงั้นหรือ? ทันใดนั้นหัวใจรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา นางพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “หม่อมฉันจะดูแลตัวเองให้ดีเพคะ”
“ฝ่าาเสด็จ--” เสียงขันทีดังขึ้นนอกประตูจันทร์เสี้ยวที่อยู่ไม่ไกล
สายตาของทุกคนมองไปยังประตูจันทร์เสี้ยว เงาร่างสีเหลืองอร่ามเดินเข้ามา ด้านหลังเขามีขุนนางหลายคนเดินตามมา
กู้เจิงอยู่ไกลจากประตูจันทร์เสี้ยว จึงมองเห็นใบหน้าของฮ่องเต้ไม่ชัด แต่นางมองเห็นแม่ทัพเซี่ยเทพาผู้นั้น เพราะเงาร่างของเขากับเสิ่นเยี่ยนคล้ายกัน
“ิ่หรู เป็ท่านพ่อเ้านี่” องค์หญิงสิบเอ็ดเขย่าแขนของเซี่ยิ่หรูอย่างตื่นเต้น "ข้าว่า เ้ากับเซี่ยฉางชิงไม่เหมือนพ่อผู้เป็เทพาของเ้าเลย พวกเ้าล้วนหน้าตาเหมือนฮูหยินเซี่ย”
เซี่ยิ่หรูไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของนางมีแต่ความเ็า “องค์หญิง ข้าขอตัวไปหาท่านแม่ก่อนนะเพคะ” เมื่อกล่าวจบนางก็หันหลังเดินจากไป แม้แต่ตวนอ๋องนางก็ลืมทำความเคารพ
“ิ่หรูเป็อะไรไปหรือ?” กู้เหยามองแผ่นหลังของเซี่ยิ่หรูที่เดินจากไปอย่างแปลกใจ
“นางพูดถึงพ่อนางแล้วก็เป็แบบนั้น ข้าจะกลับไปหาเสด็จแม่แล้ว เหยาเอ๋อร์ คืนนี้เ้าค้างอยู่ในวังเป็เพื่อนข้าเถอะ” องค์หญิงสิบเอ็ดจับมือกู้เหยาไว้แล้วเอ่ยถามอย่างคาดหวัง “เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับฮูหยินกู้ให้ ดีหรือไม่?”
“ได้สิ” กู้เหยาเห็นดีด้วย
ทุกคนน้อมส่งองค์หญิงสิบเอ็ดจากไปอย่างนอบน้อม
“ฝ่าาและแม่ทัพเซี่ยมาแล้ว งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น พวกเราก็ควรไปหาท่านพ่อท่านแม่เหมือนกัน” กู้เจิ้งชินพูดกับกู้เหยา
คนรอบข้างทยอยนั่งลง ตำแหน่งของอ๋องตวนกับเสิ่นเยี่ยนอยู่คนละที่ ยามเสิ่นเยี่ยนจูงมือกู้เจิงเข้าไปในงาน หางตาของนางก็เหลือบไปมองท่านอ๋องอย่างจงใจ แต่ว่าตลอดงานเขาไม่ได้ชายตามามองนางเลยแม้แต่แวบเดียว เขาดูเป็ห่วงกู้อิ๋งเป็พิเศษ กู้เจิงรู้สึกโล่งใจนัก นี่สิถึงเป็สิ่งที่ท่านอ๋องตวนควรจะเป็
ด้วยตำแหน่งฐานะของเสิ่นเยี่ยน ที่นั่งของพวกเขาจึงอยู่ห่างจากท่านพ่อกับนายหญิงเว่ยซื่อ พวกเขาเลยขอเปลี่ยนที่นั่งกับคนที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งสองครอบครัวจึงได้ย้ายมานั่งใกล้ๆ กัน
เมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้น ฮ่องเต้ก็ทำการคารวะสุรา ทุกคนต่างลุกขึ้นทำตามพิธี
หลังจากเสร็จพิธี ก็เปิดงานให้กินอาหารกันอย่างอิสระ ตอนนี้เป็่ที่ครึกครื้นที่สุด มีขุนนางบางส่วนลุกไปคารวะสุรากับแม่ทัพเซี่ย
“ท่านแม่ พวกท่านดูท่าทางท่านแม่ทัพเซี่ยกับฮูหยินเซี่ยสิ แปลกมากทั้งสองคนไม่คุยกันสักคำเลย” กู้เหยากระซิบกระซาบกับมารดา
“เ้าตาดีนักเชียว? ไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็น?” นายหญิงเว่ยซื่อมองความอยากรู้อยากเห็นบนหน้าบุตรสาวคนเล็ก
“พวกเขาเป็สามีภรรยากัน และไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว ทำไมพวกเขาถึงไม่คุยกันสักนิดเลยล่ะเ้าคะ?” กู้เหยาถามด้วยความสงสัย
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เ้าควรจะสนใจ” กู้หงหย่งถลึงตาใส่บุตรสาวคนเล็ก
กู้เจิงเองก็สนใจกับแม่ทัพเซี่ยและฮูหยินเซี่ยเช่นกัน และนางก็คิดว่าไม่เพียงแต่กู้เหยากับนางเท่านั้นที่งสัย ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนให้ความสนใจกับทุกการกระทำของตระกูลเทพา กู้เหยาพูดไม่ผิดสักนิด แม้แต่เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยกับคุณหนูเซี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ ฮูหยินเซี่ยก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับบิดาของพวกเขาเลย นึกถึงท่าทางเ็าของเซี่ยิ่หรูยามองค์หญิงสิบเอ็ดพูดถึงบิดาของนาง ดูท่าระหว่างสามแม่ลูกกับเทพาเซี่ยจะมีสิ่งที่ทำให้มองหน้ากันไม่ติด
กู้เหยาเอียงตัว ยื่นมือผ่านกู้เจิ้งชินที่อยู่ตรงกลางไปดึงแขนเสื้อของกู้เจิง เมื่อกู้เจิงมองนางก็ชี้ไปยังท้ายทอยของกู้เจิ้งชิน แล้วใช้สายตาส่งสัญญาณให้หนิงซิ่วอิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
กู้เจิงสังเกตเห็นน้องรองมองหนิงซิ่วอิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมาตั้งนานแล้ว วันนี้หนิงซิ่วอิงสวมชุดเซียนพริ้วไสวสีแดงสดลายดอกท้อ ขับเน้นให้ดูงดงามราวกับบุปผา เพียงแต่นางดูเป็ทุกข์ขมขื่นนัก และไม่ได้สนใจน้องรอง
“เจิ้งชิน” กู้หงหย่งสังเกตเห็นความผิดปกติของบุตรชาย จึงเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “อย่าให้ถูกใครหัวเราะเยาะล่ะ”
ใบหน้าของกู้เจิ้งชินซีดขาว เขารีบถอนสายตากลับมา
“คิดอะไรอยู่หรือ?” เสิ่นเยี่ยนเห็นภรรยาเอาแต่มองคุณหนูหนิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จึงถามเสียงเบา
กู้เจิงพูดเสียงต่ำ “หากน้องรองกับคุณหนูหนิงมีใจชอบกันจริง ก็น่าจะกล้าสานต่อความสัมพันธ์ไปด้วยกันได้ แต่พวกเขากลับนิ่งกันทั้งคู่”
“ข้าจะสานต่อความสัมพันธ์ไปกับเ้าโดยไม่คิดเปลี่ยนใจแน่นอน” เสิ่นเยี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตาที่มองกู้เจิงนั้นกลับอ่อนโยนนัก
กู้เจิงหน้าแดง จู่ๆ บุรุษผู้นี้ก็เอ่ยถ้อยคำหวานซึ้งออกมา
“เจิ้งชิน เสิ่นเยี่ยน พวกเราก็ควรไปดื่มคารวะสุรากันได้แล้ว” กู้หงหย่งยกจอกเหล้าขึ้นพูดกับบุตรชายและเสิ่นเยี่ยน
“ขอรับ” พวกเขาต่างรับคำ