“อวัยวะภายในของนางและกระดูกหลายส่วนถูกทำลายจนสิ้น ต่อให้ช่วยได้ในตอนนี้นางก็คงอยู่ไม่พ้นเดือน ทำได้เพียงใช้สมุนไพรยื้อชีวิตไปเรื่อยๆ เท่านั้น อีกอย่างเราอยู่ในภารกิจที่เร่งด่วน จำเป็ต้องปล่อยนางไป เฮ่อ!! ช่างน่าเวทนานัก นางยังเด็กอยู่เลยกลับต้องมาพบกับชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนี้”
ชายหนุ่มรูปงามที่แต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว เส้นผมสีดำสนิทถูกรวบสูงและสวมกวานหยก เขาประคองร่างบางขึ้นอย่างทะนุถนอม แม้ร่างกายของนางจะเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แต่ถึงกระนั้นเขากลับกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่นึกรังเกียจ
ชายหนุ่มยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเืที่ใบหน้าของหลี่อันหนิงอย่างแ่เบา นางไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนั้แ่ที่มารดาจากไป หญิงสาวส่งยิ้มให้กับบุรุษตรงหน้าเพื่อเป็การขอบคุณ จากนั้นเขาจึงก้มลงกระซิบที่ข้างหูของนาง
“ข้าคือขุนนางที่ฮ่องเต้ส่งมา เด็กน้อยเ้ามีคำขออื่นใดหรือไม่”
หลี่อันหนิงได้ยินคำถามนั้นก็รู้แล้วว่าอีกไม่ช้าชีวิตของตนก็คงจะถูกพรากไป แต่ก็ยังดี อย่างน้อยนางสามารถเลือกที่จะตายด้วยน้ำมือของใครได้
เด็กสาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระซิบเอ่ยตอบกลับไป
“รบกวนช่วย!!...ฆ่า!!ข้า อย่าให้ข้าต้องเ็ป”
ชายหนุ่มลูบเส้นผมแห้งสากของหญิงสาวก่อนพยักหน้ารับ เพียงพริบตากริชคมกริบก็ถูกจ้วงแทงเข้าที่หัวใจของนางอย่างแม่นยำ ความเหน็บหนาวได้เข้ามาเยือนร่างของนาง ทว่าหัวใจของหลี่อันหนิงกลับรู้สึกอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิกำลังมาเยือน
“ขะ...ขอบคุณ”
น้ำตาเม็ดโตรินไหลออกมาจากดวงตาของนาง ชายหนุ่มมองั์ตาที่ไร้แววของเด็กสาวอย่างเหม่อลอย ทว่าในใจยังอดนึกไม่ได้ว่าดวงตาคู่นี้ช่างงดงามยิ่งนัก
ร่างของเด็กสาวซบอยู่กับอ้อมอกแสนอบอุ่นของชายหนุ่ม เวลานี้นางไม่มีความรู้สึกติดค้างใดใดกับโลกใบนี้อีกแล้ว และพร้อมจากไปอย่างสงบ
.
.
“เพล้ง!! ตุบ! นางเด็กบ้า!! แกกล้าดีอย่างไรถึงได้ทำชุดใหม่ของข้าขาดวิ่นเช่นนี้”
เฮือก!! เด็กสาวที่คิดว่าตนเองได้สิ้นใจไปแล้ว เวลานี้กลับได้ยินเสียงแหลมเสียดแก้วหูของอาเล็กที่ชอบรังแกตน
น้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดดังออกมาจากห้องส่วนตัวของหลี่เจียนเจียน ถ้วยชาเคลือบอย่างดีราคาหลายสิบตำลึงที่หนี่ม่านม่านพี่สะใภ้คนรองมอบให้เป็ของขวัญในวันครบรอบวันเกิดอายุสิบห้าของนาง ถูกปาไปยังหัวของหลี่อันหนิงอย่างแม่นยำ
ร่างเล็กแกร็นนอนคุดคู้อยู่ที่ข้างผนังห้อง มือผมบางยกขึ้นแตะไปที่หัวของตน เมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปียกแฉะและความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นใน่เวลานั้นคือ เจ็บ
ดวงตาของเด็กสาวเบิกโพลงสีหน้าตกตะลึง นางยังไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดสิ่งใดขึ้นกับตน
ทว่าความทรงจำสุดท้ายคือร่างของนางอยู่ภายใต้อ้อมแขนของท่านขุนนาง เมื่อนึกขึ้นได้หลี่อันหนิงก็รีบลูบคลำไปที่ร่างกายของตน ไม่มี! ไม่มีเลย! ไม่มีกริชเล่มนั้น
หลี่เจียนเจียนเห็นหลานสาวที่ไม่ต่างจากทาสในเรือนแสดงท่าทางประหลาดและไม่สนใจในคำพูดของตน ความโกรธเกรี้ยวที่มีก่อนหน้านี้ยิ่งกระพือขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
“นางเด็กสารเลว! แกกล้าไม่สนใจคำพูดของข้าหรือ เช่นนั้นก็อย่าอยู่เลย”
ร่างสูงกว่ายกเท้าถีบไปยังเด็กสาวที่นั่งทำสีหน้างงงันอยู่ที่พื้น หลี่อันหนิงราวกับได้ยินสัญญาณบางอย่าง นางรีบะโหลบทำให้หลี่เจียนเจียนเสียหลังล้มหน้าทิ่มผนังเสียงดังสนั่น
“ปั้ง!! กรี๊ด!! เ้า! เ้า! นางเด็กบ้า กล้าดีอย่างไรถึงหลบข้า ดีวันนี้ข้าหลี่เจียนเจียนจะตีเ้าให้ตาย”
เด็กสาวผู้ที่ยังไม่รู้ว่าควรจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร ก่อนจะถูกผู้เป็อาตีด้วยไม้เกาหลัง ร่างเล็กราวกับลูกสัตว์ก็พุ่งมาจากหน้าประตูห้องที่เปิดอยู่ ชนเข้าด้านหลังหลี่เจียนเจียนจนหัวคะมำ
หลี่อันหนิงมองเห็นเด็กน้อยในชุดเก่าขาดที่แสนคุ้นเคย ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ั์ตากลมโตกะพริบถี่ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ
เด็กสาวยกมือขึ้นขยี้ดวงตาของตนหลายครั้ง ทว่าภาพตรงหน้าก็ยังคงแจ่มชัดเช่นเดิม
“จะ...เ้า!!ซะ...ซางเป่า เ้าคือซางเป่า น้องสาวของข้า”
แววตาของเด็กสาวสั่นไหวสะท้อนความเ็ปลึกล้ำ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลยเมื่อน้องสาวถูกพรากไปโดยคนแปลกหน้า
หลี่อันหนิงยังคงจดจำสายตาหวาดกลัวของเด็กน้อยในวันนั้น ที่มองมายังตนเพื่อขอความช่วยเหลือได้อย่างชัดเจน
นางพุ่งเข้าไปกอดร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนปล่อยโฮออกมาเสียงดัง
แม้แต่หลี่เจียนเจียนที่ล้มอยู่ยังแสดงสีหน้างงงัน หญิงสาวััร่างเล็กของน้องสาวแ่เบา เมื่อพบว่ามันอบอุ่นราวกับมีชีวิตจริงๆ ทำให้นางรู้แล้วว่าตนเองมิได้กำลังฝันไป
นางย้อนเวลากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ฮื่ออออ!!! ซางเป่าน้องน้อยของข้า ซางเป่า!! ซางเป่า!! พี่ขอโทษ ขอโทษที่อ่อนแอ ขอโทษที่ช่วยเหลืออะไรเ้าไม่ได้เลย”
ดวงตาร้าวรานแฝงไว้ด้วยความเศร้าโศกอย่างลึกซึ้งมองไปยังร่างเล็กของน้องสาว เมื่อเห็นหลี่ซางเป่าแสดงสีหน้างุนงงนางจึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและพยายามกลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดความสามารถ
“ซางเป่าของพี่เ้ากลับมาแล้ว”
“ใช่แล้วข้าคือซางเป่า ท่านคิดว่าข้าเป็ใครเล่าพี่สาวคนโง่ ข้าอยู่ที่นี่ตลอดมิได้ไปที่ใดเสียหน่อย”
หลี่อันหนิงมองไปยังน้องสาวของตนที่ตัวเล็กยิ่งกว่าเด็กสี่ขวบ ทำให้นางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
วันนี้เป็วันที่นางถูกหลี่เจียนเจียนตีจนต้องนอนซมเพราะเผลอทำชุดใหม่ที่ต้องใส่ไปดูตัวของนางขาด ทว่าหลี่ซางเป่าที่เข้ามาช่วยนางผู้เป็พี่สาวอย่างกล้าหาญ ทำให้สองพี่น้องถูกตีจนช้ำไปทั้งตัวและถูกสั่งให้อดอาหารอยู่หลายวัน
เอ๊ะ!! เมื่อสักครู่ซางเป่าพูดหรือ นางพูดได้แล้วหรือ
หลี่อันหนิงจ้องเด็กน้อยตรงหน้าเพื่อรอฟังว่านางจะพูดสิ่งใดขึ้นมาอีก ทว่ากลับเป็เสียงของหลี่เจียนเจียนที่ดังขึ้นภายในหัวของนาง
“พวกตัวไร้ค่าเ้ากล้าเมินข้าหรือ คอยดูซิว่าข้าจะจัดการกับพวกเ้าอย่างไร”
หลี่เจียนเจียนคว้าไม้เกาหลังที่วางอยู่ไม่ไกล หวังตีสองพี่น้องทีเผลอ
แต่หลี่อันหนิงกลับว่องไวกว่า นางรีบคว้าร่างของหลี่ซางเป่าอุ้มวิ่งหายออกจากห้องไป เด็กสาวเร่งฝีเท้าออกจากเรือนตระกูลหลี่ตรงไปยังเรือนของแม่เฒ่าจวงทันที
ร่างผอมบางหอบหายใจถี่ก่อนจะวางหลี่ซางเป่าลง
“เราอยู่ที่นี่ก่อนสักพัก รอให้หลี่เจียนเจียนหายโกรธแล้วค่อยกลับไป”
“นางคงจะหายโกรธหรอก ข้าว่านางจะโมโหมากยิ่งกว่าเดิมที่ท่านพาข้าวิ่งหนีมาเช่นนี้”
เอ๊ะ!! อีกแล้ว ข้าได้ยินเป่าเอ๋อพูดอีกแล้ว เด็กสาวนั่งยองๆ จับหัวไหล่ที่มีแต่กระดูกของน้องสาวหันเข้าหาตน แล้วใช้สายตาสำรวจนางด้วยท่าทางรู้สึกฉงน
“ซางเป๋าน้อย น้องพูดได้ั้แ่เมื่อใด”
“ข้าพูดเมื่อใดกันท่านยังสติดีอยู่หรือไม่”
ดวงตาเด็กสาวเบิกโพลง เมื่อไม่เห็นน้องสาวขยับปาก ทว่าตนเองกลับได้ยินเสียงของนาง
นอกจากเสียงของหลี่ซางเป่าแล้วภายในหัวของหลี่อันหนิงยังมีเสียงของคนในหมู่บ้านที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
เด็กสาวยกมือขึ้นกุมหัวตนเอาไว้ ใบหน้าผอมที่มีแต่กระดูกของนางเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป
แม่เฒ่าจวงผู้ที่เดินออกมาดูสองพี่น้องหลังจากได้ยินเสียงสนทนาที่หน้าเรือน เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กสาวอาบย้อมไปด้วยเืหญิงชราก็แสดงสีหน้าใออกมา
“เกิดอะไรขึ้น!! อันหนิงเ้าเป็อะไร อาซิงรีบไปตามท่านหมอเร็วเข้า”
“มะ..ไม่!! ข้าไม่เป็อันใดเ้าค่ะท่านย่าจวง”
เด็กสาวยกมือขึ้นห้ามแม่เฒ่าจวงเอาไว้ เืที่ไหลออกจากาแบัดนี้เริ่มแห้งติดใบหน้าบ้างแล้ว นางยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดลวกๆ ก่อนส่งยิ้มให้หญิงชราเพื่อบอกว่าตนไม่เป็อะไร
ไม่จำเป็ต้องไต่ถามแล้วว่าก่อนหน้านี้เกิดสิ่งใดขึ้นกับพวกนางพี่น้อง แค่ดูก็รู้ว่าต้องถูกคนบ้านหลี่ทำร้ายมาแน่นอน
“อันหนิงแต่หัวของเ้า...”
“ข้าไม่เป็อะไรจริงๆ เ้าค่ะ”
หลี่อันหนิงส่ายหน้า นางค่อยๆ ควบคุมการได้ยินที่เกิดขึ้นภายในหัวของตนอย่างช้าๆ จนกระทั่งมีเพียงเสียงความคิดของแม่เฒ่าจวง จวงอี้ซิงผู้เป็หลานชายและหลี่ซางเป่าเท่านั้นที่นางได้ยิน
เด็กสาวรู้สึกทึ่งกับความสามารถที่แปลกใหม่นี้ยิ่งนัก
“ขอบคุณที่เป็ห่วงพี่นะ”
หลี่อันหนิงส่งยิ้มอบอุ่นไปให้น้องสาว ใบหน้าซีดเซียวของนางมองไปยังแม่เฒ่าจวงก่อนที่สติทั้งหมดจะดับวูบไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้