“ฉัน ฉัน...” หยิ่นยวี๋โม่พยายามจะพูดบางอย่างเธอรู้ว่าตอนนี้คงถึงเวลาที่เธอต้องไปแล้ว นี่เป็การกระทำของคนโง่ แต่หากเธอคิดจะสู้ล่ะ? เธอจะมีความกล้าขนาดนั้นไหม?
มู่อี้หานเห็นท่าทางของเธอเหมือน้าพูดบางอย่าง“โม่โม่ ยวี๋ซินกลับมาแล้วนะ คุณกลัวรึเปล่า?”
เขาเข้าไปนั่งข้างเธอกอดเธอไว้ในอ้อมอก เหมือนดั่งคนรักกัน หยิ่นยวี๋โม่ไม่ชินกับสิ่งที่เขาทำและอยากจะผละออกไปเขาคิดจะทำอะไรกันแน่? ความจริงเขามีใจหรือไม่มี? ตอนนี้ยวี๋ซินกลับมาแล้ว อดีตคู่หมั้นของเขา อีกแค่นิดเดียวหยิ่นยวี๋ซินจะได้เป็ภรรยาของเขาแล้ว
“ฉันไม่กลัว” หยิ่นยวี๋โม่ส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่ตอนนี้เธอกลัวและกระวนกระวายใจแทบบ้า คนที่ควรจะกลับมาในตอนนี้กลับมาแล้ว
“ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว ยังไงตอนนี้คุณก็เป็คุณนายมู่นะ” มู่อี้หานพยายามเตือนสติเธอ
เขาไม่รู้ว่ายวี๋ซินกลับมาั้แ่เมื่อไรไม่ใช่ว่าหล่อนหนีไปกับชายอื่นแล้วหรือ? แค่เวลาไม่ถึงครึ่งปีดี หล่อนก็กลับมาแล้ว? เขาคิดไปเองว่าใน่เวลาไม่กี่ปีนี้ หล่อนคงไม่กลับมาแล้ว
คุณนายมู่ เธอคือคุณนายมู่
หยิ่นยวี๋โม่ต้องใช้ความกล้ามหาศาลเพื่อรักษาความสงบเยือกเย็น และพูดกับตัวเองเป็หมื่นครั้งในใจ
แต่เพียงไม่นานประตูห้องทำงานของท่านประธานก็ถูกเปิดออก โดยมีโจวลี่ฉีพายวี๋ซินเข้ามา
“ท่านประธาน คุณหนูรองมาแล้วค่ะ” โจวลี่ฉีมองหยิ่นยวี๋โม่ ทั้งคู่สบตากันพอดี บางทีโจวลี่ฉีคงมองว่าหยิ่นยวี๋ซินคือคุณนายมู่ที่แท้จริงส่วนหยิ่นยวี๋โม่ก็แค่คนที่อยากสลับตัวเป็เ้าสาวจนตัวสั่น
หยิ่นยวี๋ซินใส่กระโปรงสั้นสีแดงกุหลาบเสื้อคลุมสีครีม ถุงน่องสีดำสุดยั่วยวน รองเท้าส้นสูงสี่นิ้ว รูปร่างเย้ายวนและใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องสำอางสีฉูดฉาด
“อี้หาน” หยิ่นยวี๋ซินไม่สนใจหยิ่นยวี๋โม่ที่อยู่ข้างเขาเลยหล่อนเดินไปซบอกของมู่อี้หาน เขาไม่ได้ผลักหล่อนออก แต่กลับดึงหล่อนเข้ามากอด
“ในที่สุดเธอก็กลับมาสักทีนะ” น้ำเสียงที่ราบเรียบของเขา ดูเหมือนเป็การยินดีต้อนรับหล่อนกลับมาหยิ่นยวี๋โม่ลุกขึ้นจากโซฟา เธอนิ่งไป สุดท้ายเธอกลายเป็ส่วนเกิน
“อี้หาน ฉันกลับมาแล้วนะคุณดีใจไหมที่ฉันกลับมา?” หยิ่นยวี๋ซินมองเขาหลังจากที่ไม่เจอกันนานมู่อี้หานนับวันยิ่งมีเสน่ห์ เสื้อเชิ้ตสีดำ และกระดุมคริสทัลเม็ดนั้น กระดุมเม็ดสามเม็ดบนจากคอเสื้อที่ไม่ได้กลัดมันยิ่งทำให้เขาเซ็กซี่และน่าหลงไหล
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?” มู่อี้หานยกยิ้มขึ้น
หยิ่นยวี๋ซินได้ยินคำพูดของเขาเธอยิ้มกว้างและความออดอ้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้นบนใบหน้าของเธอ “อี้หาน ฉันขอกลับไปอยู่คฤหาสน์เดียวกับคุณได้ไหม? คุณก็รู้ ว่าพ่อฉันไปอยู่อเมริกาแล้วฉันไม่อยากอยู่คฤหาสน์เดิมคนเดียว มันวังเวงยังไงไม่รู้”
มู่อี้หานมองหยิ่นยวี๋โม่เขารู้ว่าหยิ่นยวี๋โม่ไม่มีทางปฏิเสธ เพียงแต่เขาอยากได้ยินคำตอบจากปากของหยิ่นยวี๋โม่
“พี่คะ ให้ฉันไปอยู่ด้วยไม่ได้เหรอ? ถ้าการที่ฉันไปอยู่ที่คฤหาสน์ของพี่จะทำให้พี่กับอี้หานต้องไม่สบายใจ ฉันไม่ไปก็ได้นะ” หยิ่นยวี๋ซินทำหน้าตาน่าสงสารเหมือนหมดหนทาง การกลับมาของหล่อนครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องอยู่คฤหาสน์เดียวกับมู่อี้หานให้ได้ ไม่เช่นนั้นหล่อนจะกลับมาทำไม?
หยิ่นยวี๋โม่พยักหน้า“ได้อยู่แล้ว คฤหาสน์มีห้องตั้งเยอะตั้งแยะ”
“พี่เนี่ยเป็คนดีจริงๆ” หยิ่นยวี๋ซินหันมาสวมกอดหยิ่นยวี๋โม่ รอยยิ้มบนใบหน้าของหยิ่นยวี๋โม่ดูตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างเพราะเธอกับหยิ่นยวี๋ซินไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของทั้งคู่เปลี่ยนไปจนดีขึ้นขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร? ดีถึงขนาดที่กอดกันได้ เพราะการปรากฏตัวของหยิ่นยวี๋ซินมู่อี้หานจึงออกจากห้องทำงานไปก่อน เพื่อเตรียมตัวพาหล่อนกลับคฤหาสน์
“ยวี๋ซิน เธอไม่มีกระเป๋ามาเลยเหรอ?” มู่อี้หานไม่เห็นข้าวของเครื่องใช้ของหล่อน นอกจากกระเป๋าถือในมือข้าวของก็ไม่ได้เอามา แม้แต่เสื้อผ้าสักชิ้นก็ไม่มีติดตัว
หยิ่นยวี๋ซินคว้าแขนมู่อี้หานอย่างสนิทสนมหล่อนค่อยๆ โน้มตัวลงซบไหล่ของเขา “อี้หาน คุณพาฉันไป ช็อปปิ้งเสื้อผ้าก่อนได้ไหมคะ? กลับมาคราวนี้มันฉุกละหุกจนฉันไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”
“ได้สิ!” มู่อี้หานเห็นด้วย
“ท่านประธานครับ” คนขับรถซึ่งเตรียมรถมาจอดรอไว้หน้าทางเข้าบริษัทเมื่อเห็นมู่อี้หานออกมาจึงยื่นกุญแจรถให้เขาทันที
“อืม” มู่อี้หานรับกุญแจรถ หยิ่นยวี๋ซินซึ่งอยู่ข้างเขาเปิดประตูด้านข้างคนขับและขึ้นรถไป หยิ่นยวี๋โม่ยืนนิ่ง เธอต้องไปด้วยหรือ? แต่ถ้าเธอไม่นั่งรถไปกับเขา เธอก็กลับบ้านไม่ได้
“พี่คะ ทำไมไม่ขึ้นมาล่ะคะ? พี่ไม่อยากไปช็อปเสื้อผ้ากับฉันเหรอ?” หยิ่นยวี๋ซินทำท่าทางหมือนไม่รู้ไม่ชี้มองหยิ่นยวี๋โม่
“พี่คะ? อุ้ยฉันควรจะนั่งข้างหลังสินะเนี่ย” หล่อนทำท่าทางเหมือนจะเปิดประตู
“ไม่ต้องแล้วล่ะ” หยิ่นยวี๋โม่เปิดประตูรถและนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง บนรถมีบรรยากาศที่คุกรุ่นอยู่บ้าง หยิ่นยวี๋โม่มองไปนอกหน้าต่างวิวนอกหน้าต่างผ่านตาเธอไปอย่างรวดเร็วราวกับลอย มู่อี้หานและหยิ่นยวี๋ซินดูจะมีเื่คุยกันมากมายั้แ่อยู่บนรถจนถึงร้านขายเสื้อผ้า ทั้งมู่อี้หานและหยิ่นยวี๋ซินเอาแต่คุยกันไม่หยุดส่วนหยิ่นยวี๋โม่ได้แต่เงียบ
เหมือนโลกทั้งใบมีเพียงพวกเขาสองคนและส่วนเกินอีกหนึ่ง ยิ่งเป็แบบนี้ยิ่งทำให้อึดอัด สถานการณ์ตอนนี้ เมื่อหยิ่นยวี๋โม่ขึ้นมาบนรถเธอก็พบว่าตนไม่ควรอยู่ในรถคันนี้ เมื่อรถจอด หยิ่นยวี๋โม่ยังคงนิ่ง
“พี่คะ พี่ไม่ลงจากรถเหรอ? หรือพี่ไม่อยากไปซื้อเสื้อผ้ากับฉัน?” หยิ่นยวี๋ซินจึงเคาะกระจกรถเรียก
“พี่ไม่ลงดีกว่า” เมื่อหยิ่นยวี๋โม่ได้สติเธอเห็นมู่อี้หานและหยิ่นยวี๋ซินลงจากรถแล้ว
“ได้ยังไงล่ะ? พี่ต้องลงไปช่วยฉันเลือกหน่อยสิ นะ” หยิ่นยวี๋ซินเปิดประตูรถออก หล่อนพยายามพาหยิ่นยวี๋โม่ลงจากรถด้วยความสนิทสนมจะไม่ไปก็คงจะไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อเ้าของร้านเห็นมู่อี้หานและพวกเธอเข้ามาก็พากันมาต้อนรับเมื่อเห็นหยิ่นยวี๋โม่ ก็รีบกล่าวทักทายทันที
“คุณหนูหยิ่น คุณมาแล้ว” คุณหนูหยิ่น? มู่อี้หานขมวดคิ้วแน่น เธอมาที่นี่แต่สถานะของเธอยังเป็คุณหนูหยิ่นและดูเหมือนว่าเธอไม่อยากเป็คุณนายมู่แม้แต่น้อย
หยิ่นยวี๋ซินไม่สนใจเื่พวกนี้หล่อนตรงเข้าไปลากมู่อี้หาน “อี้หานคุณช่วยฉันดูหน่อยสิ ว่าชุดนี้ดีหรือเปล่า? เอ๊ะ หรือชุดนี้ดี?” หล่อนหยิบเสื้อผ้ามาสองสามชุด เพื่อให้มู่อี้หานช่วยเธอเลือก
“ถ้าชอบก็ไปลองดูสิ” โดยปกติมู่อี้หานไม่มีความคิดเห็นในเื่แบบนี้อยู่แล้ว
เมื่อได้ยินมู่อี้หานพูดแบบนั้นหยิ่นยวี๋ซินยิ่งไม่ต้องกังวลใจ เพราะด้วยสถานะคุณหนูรองของตระกูลหยิ่น ไม่ว่าอย่างไรก็ซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ได้ทั้งร้านหยิ่นยวี๋โม่นั่งอยู่บนโซฟา เธอไม่ได้สนใจเสื้อผ้าพวกนี้แม้แต่นิด ระหว่างที่มู่อี้หานถูกหยิ่นยวี๋ซินลากไปดูเสื้อผ้าเขาก็ไม่ได้มีเวลามาสนใจเธออีก
จู่ๆประตูของร้านเสื้อผ้าถูกเปิดออก คนที่เดินเข้ามาคือเหลิงจิ่งชวนและฟางยวี๋ชิว
“คุณเหลิ่ง”
“พี่ชิว ช่วยบอกเ้าของร้านทีว่าชุดที่ฉันจะแก้ต้องแก้ตรงไหนบ้าง” เหลิงจิ่งชวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบครั้งนี้ไปทำงานต่างประเทศอยู่นาน พอกลับมา ยังต้องเอาชุดพวกนี้มาซ่อมเพราะต้องไปงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้ต่อ
หยิ่นยวี๋โม่ได้ยินเสียงคุ้นๆจึงหันหน้าไปดู
“คุณเหลิ่ง”
“เป็เธออีกแล้วเหรอเนี่ย! พวกเรายังบังเอิญเจอกันเหมือนเดิมเลยนะ” เหลิงจิ่งชวนยิ้มและนั่งลงข้างเธอ