เมื่อฉู่เหลียนทำซิ่วท้อเสร็จ ก็จัดส่งให้สาวใช้ไปแจกจ่ายที่แต่ละเรือนในจวนจิ่งอันพร้อมกับเซตจิงปาเจี้ยน
ขนมหวานที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ ยังคงร้อนอยู่ ฉู่เหลียนเองก็เคยทานของพวกนี้มาแล้วในชาติก่อน จึงทานไปเพียงสองชิ้นที่มีไส้ที่ตนถูกใจเท่านั้น
อีกทางหนึ่ง บรรดาบ่าวไพร่ในเรือนซงเถาล้วนทานขนมอย่างมีความสุขพร้อมทั้งออกปากชื่นชมไปด้วย
ในตอนนี้ที่ได้ลองทานของหวานของฉู่เหลียนแล้ว ขนมของแม่ครัวโจวที่เคยโด่งดังนั้นกลับกลายเป็ของที่ทานไม่ได้ไปเสียแล้ว
พวกนางไม่เคยคิดเลยว่าของว่างจานเล็ก ๆ จะมีความแตกต่างกันได้ถึงขนาดนี้ ทั้งรูปร่างและรสชาติ ไส้ที่อยู่ภายในก็ล้วนแตกต่างกัน มีทั้งรสหวานและรสเค็ม! ์ หากฉู่เหลียนมิได้ทำขึ้นมา ตีให้ตายพวกนางย่อมไม่เชื่อว่าจะมีของว่างเลิศรสเช่นนี้อยู่บนโลก
จิงปาเจี้ยนนี้น่าตกตะลึงยิ่งกว่าซิ่วท้อเสียอีก
ฝูเยี่ยนชอบไส้อินทผาลัมเป็ที่สุด ทั้งกรอบนอกนุ่มใน ทั้งไส้ยังมีกลิ่นหอมของอินทผาลัม ช่างดึงดูดใจยิ่งนัก นางทานเยอะเสียจนแก้มป่องขึ้นคล้ายกระรอกที่ตุนอาหารไว้ในปาก
ขณะแบ่งขนมกันอยู่ ฉีเยี่ยนก็ยิ้ม ก่อนจะวางของว่างที่รูปร่างเหมือนดอกอิงที่มีไส้อินทผาลัมลงบนจานของฝูเยี่ยน
“เอ้านี่ เ้าแมวขี้ตะกละ แม้นายหญิงสามทำของว่างออกมาเยอะ แต่ก็มีเพียงพอแบ่งแค่พวกเราเท่านั้น นี่เป็รสอินทผาลัม หากเ้าชอบทาน เหตุใดไม่ถามสูตรจากนายหญิงเล่า? เช่นนี้คราวหน้าเ้าก็ทำเองได้แล้ว”
ฝูเยี่ยนที่กำลังเคี้ยวอยู่ตัวแข็งทื่อไป นางเบิกตาโพลงจ้องมองฉีเยี่ยนที่แจกจ่ายของหวานโดยไม่แยแสสายตาของนางแม้แต่น้อย และยังคงเป็เช่นนี้เสมอั้แ่ครั้งที่พวกนางยังอยู่จวนอิ้ง แม้นางและฉีเยี่ยนจะเริ่มปรนนิบัติรับใช้นายหญิงสามพร้อม ๆ กัน ทว่าด้วยเหตุบางประการ นายหญิงสามกลับชอบและไว้ใจฉีเยี่ยนที่สุด แน่นอนว่านางมิได้ชมชอบการต้องพ่ายแพ้ให้แก่ฉีเยี่ยน แต่ฉีเยี่ยนกลับคอยดูแลนางอยู่เสมอ มอบอาหารดี ๆ ที่เลือกขึ้นมาชิ้นแรกแก่นาง ยามนั้นพวกนางนั่งทานอินทผาลัมด้วยกัน ฉีเยี่ยนเองก็ชอบแต่กลับมอบให้แก่นางเป็พิเศษ
ฝูเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึกและก้มหน้าลง พยายามกดข่มความริษยานั้นลงลึกเข้าไปในใจ นางตัดสินใจซ่อนจดหมายที่คุณชายเซียวเขียนให้แก่นายหญิงสามไว้ก่อน อย่างน้อยในยามนี้นางก็จะยังไม่คิดที่จะมอบให้แก่ใคร อย่างไรก็ตามการได้ทานอาหารดี ๆ ของนายหญิงสามก็เป็เื่ดีอยู่แล้ว
ฉีเยี่ยนไม่ได้ระวังริ้วความคิดที่ขมวดยุ่งอยู่ในใจของฝูเยี่ยน นางยังยิ้มและวางของว่างรูปผลทับทิมสอดไส้เกลือและพริกไทยลงบนจานของเวิ่นฉิง
เวิ่นฉิงก้มหน้าลง ค่อย ๆ กัดของว่างเป็คำเล็ก ๆ ทีละน้อย ของว่างเหล่านี้ถูกปากนางยิ่งนัก ทั้งที่ปกติแล้วนางไม่ชอบทาน เพราะของว่างในเมืองนี้ล้วนแต่มีรสหวาน นี่จึงเป็ครั้งแรกที่ได้ทานของว่างรสพริกไทย ทว่ายิ่งชอบมากเท่าไร นางกลับยิ่งรู้สึกผิดที่ทำจดหมายหล่นหายไปเท่านั้น และยิ่งทำให้นางอึดอัดใจมากขึ้นทุกขณะ ทำให้ขนมตรงหน้าสูญเสียรสชาติแสนวิเศษไปเสียหมด
ขณะเดียวกัน ในจวนฮูหยินจิ่งอันป๋อ เมี่ยวเจินก็ยกของว่างทรงกลมคล้ายกลองขึ้นโต๊ะ
ฮูหยินจิ่งอันป๋อไม่ได้ทานอาหารที่เหมาะสมมาหลายวัน ทว่านางกลับสามารถทานของว่างที่ฉู่เหลียนทำได้ถึงสามชิ้น ย่อมทำให้สาวใช้คนสนิทอย่างเมี่ยวเจินดีใจที่สุด
“ฮูหยินเ้าคะ บ่าวสงสัยเหลือเกินว่านายหญิงสามได้ความคิดมากมายเช่นนี้มาจากที่ใดกัน!”
สีหน้าซีดเซียวของฮูหยินจิ่งอันป๋อค่อย ๆ ผันเปลี่ยนมีเืฝาดระเรื่อ ก่อนจะโบกมือส่งสัญญาณว่าอิ่มแล้ว “เด็กคนนั้น นางไม่น่าจะต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้ ข้าทานหมดนี้ไม่ไหวหรอก พวกเ้าก็เอาไปแบ่งกันเสีย? หากทิ้งไว้นานเกินไป พรุ่งนี้ของก็จะเสียแล้ว อา...ยามนี้ข้าก็ไม่มีอะไรจะให้นางเป็รางวัลเสียแล้ว…”
เมี่ยวเจินใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากให้แก่ฮูหยินจิ่งอันป๋อ “ฮูหยินกล่าวอะไรเ้าคะ? นายหญิงสามย่อมทำเพราะความกตัญญู หาใช่เพื่อรางวัลไม่ ท่านยังมิทราบเื่ที่นายหญิงสามได้รับภัตตาคารกุ้ยหลินจากเหล่าไท่จวินวันนี้หรือเ้าคะ? ยามท่านยังเยาว์นั้นเก่งเื่การจัดการร้านค้านัก เหตุใดพรุ่งนี้ยามนางมาคารวะ ท่านไม่ชี้แนะนางสักสองสามอย่างเล่าเ้าคะ?”