แม้สีหน้าของหานโหรวจะเย่อหยิ่งและเ็า แต่สิ่งที่นางกล่าวออกมากลับมีเหตุผลไม่น้อย ทั่วจักรวรรดิชิงหยาง ดินแดนใดบ้างที่มิใช่ของราชวงศ์?
เพื่อประจบประแจงหนิวหาว ชายชราจมูกงุ้มผู้นี้ถึงกับกล้าเอ่ยปากบอกว่าเมืองหลวงชั้นนอกของจักรวรรดิชิงหยางอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลหนิว ช่างไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดจริงๆ
หากคำพูดนี้รู้ไปถึงนักยุทธ์ของราชวงศ์ ตระกูลหนิวคงต้องถูกจัดการ และมีจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอน
“แม่นางผู้นี้ช่างมีความกล้าหาญเสียจริง ตอนที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมาเ้ามิได้ไตร่ตรองเลยหรืออย่างไร?”
หนิวหาวที่ยืนอยู่หน้าค่ายกลทะลุมิติมองไปที่หานโหรวแล้วกล่าวเสียงเบา ใบหน้าที่มีรอยยิ้มแฝงไปด้วยความไม่พอใจ
เมื่อหานโหรวเดินเข้าไปใกล้หยวนจุน เขาจึงเห็นว่าทั้งสองสวมชุดคลุมยุทธ์เหมือนกันทุกประการ เห็นได้ชัดว่านางทำเพื่อเ้าโง่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
ไม่เพียงแต่หนิวหาวเท่านั้นที่รู้เื่นี้ เพราะนักยุทธ์ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างจับจ้องไปที่หยวนจุนและหานโหรวด้วยเช่นกัน
“พอแล้วผู้เฒ่าชง พวกบ้านนอกบางคนคงไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปที่จักรวรรดิชิงหยาง เป็เื่ปกติที่จะไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ของตระกูลใหญ่ ในเมื่อพวกเขาอุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงเมืองหลวงชั้นนอก แน่นอนว่าคงมีใจมุ่งมั่นที่จะใช้ค่ายกลทะลุมิตินี้”
“ในเมื่อนักยุทธ์้าเข้าไปที่เมืองหลวงชั้นในเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกของโรงเรียนยุทธ์ทั้งสี่ เช่นนั้นผู้เฒ่าก็ส่งพวกเขาไปเถอะ”
หนิวหาวถอนสายตากลับไปหลังจากกล่าวประโยคนี้ และไม่ลืมที่จะกล่าวเพิ่มเติมด้วยความโกรธว่า “ถึงอย่างไรบางคนเข้าไปก็ไร้ประโยชน์ เมืองหลวงชั้นในของจักรวรรดิชิงหยางเต็มไปด้วยผู้ที่มีความสามารถ ผู้ที่ไม่มีความสามารถควรกลับไปทำไร่ไถนาเสียดีกว่า”
ผู้เฒ่าชงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาเห็นเพียงแสงสว่างวาบแวบหนึ่ง จากนั้นร่างของหนิวหาวและพวกจึงหายไปทันที
ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงถากถางประชดประชันที่ดังก้องอย่างต่อเนื่อง
เมื่อหนิวหาวกับพวกจากไปแล้ว สีหน้าของชายชราจมูกงุ้มจึงเปลี่ยนไปทันที เขาโบกมือให้กลุ่มคนแล้วะโออกมาว่า “หนึ่งล้านเหรียญทอง ผู้ใดให้น้อยกว่านี้ก็อย่าคิดที่จะเข้าไป!”
หยวนจุนและหานโหรวที่รู้สึกว่าหนึ่งล้านเป็ราคาที่สมเหตุสมผลจึงตกลง ซึ่งหลังจากที่จ่ายหนึ่งล้านเหรียญทองแล้ว พวกเขาจึงเข้าไปยืนในค่ายกลทะลุมิติร่วมกับนักยุทธ์กลุ่มที่สอง
“เป็อย่างไรบ้าง ข้าพอช่วยเ้าได้ใช่หรือไม่?”
หานโหรวถามเบาๆ ใบหน้าเ็าของนางเผยรอยยิ้มออกมาขณะที่มองหยวนจุน
หยวนจุนที่ััได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีถอนหายใจออกมา เขากล่าวเบาๆ ว่า “ยิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่ง”
ชายชราจมูกงุ้มกระแอมเบาๆ เขากวาดตามองคนทั้งสองด้วยสายตาที่มุ่งร้าย ก่อนที่มุมปากจะแสดงรอยยิ้มที่ร้ายกาจออกมา เมื่อค่ายกลทะลุมิติเริ่มทำงาน เขาจึงถ่ายพลังปราณดาราออกมาอย่างเงียบๆ
แม้พลังปราณนั้นจะไม่เป็อันตรายต่อนักยุทธ์ แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงจุดหมายของค่ายกลทะลุมิติได้ เพียงเพื่อจัดการหานโหรวและหยวนจุนที่ไม่ถูกชะตา เขาถึงกับเพิกเฉยความเป็ความตายของนักยุทธ์อีกหลายร้อยคน
เมื่อลมอันเย็นเยือกจากูเาปะทะเข้ากับร่างกาย นักยุทธ์หลายร้อยคนที่อยู่ในนั้นจึงรู้สึกสั่นสะท้าน ครั้นลืมตาขึ้น พวกเขาทั้งหมดก็อยู่ในป่าลึกแล้ว
ลมหนาวที่มาพร้อมกับเสียงของสัตว์อสูรในยามราตรี ทำให้นักยุทธ์เหล่านี้ถึงกับตื่นตระหนกในทันที
สถานที่ที่พวกเขาถูกค่ายกลทะลุมิติส่งมามิใช่เมืองหลวงชั้นในของจักรวรรดิชิงหยาง แต่เป็ป่าลึกที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร!
เมื่อหยวนจุนเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีเมฆดำปกคลุม เขาเห็นดวงจันทร์ปรากฏแสงสีแดงสลัวออกมา ซึ่งทำให้สถานที่แห่งนี้อ้างว้างและเยือกเย็นมากขึ้นกว่าเดิม
หานโหรวมองซ้ายมองขวาแล้วถามเสียงเบาว่า “เหตุใดถึงเป็เช่นนี้?”
“ตาเฒ่านั่นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแน่นอน”
“หากครั้งหน้าพบเขา ข้าจะจัดการเขาให้สาสม!”
หยวนจุนกลอกตาเมื่อได้ยินหานโหรวกล่าวเช่นนั้นกับตนเอง จากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังแกว่งไปมา พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าสั่นะเือย่างต่อเนื่องจนทำให้เขาเหมือนกับกำลังจะลอยขึ้นไป
“บรู๊ว”
เมื่อนักยุทธ์หลายร้อยคนได้ยินเสียงหมาป่าหอนอย่างต่อเนื่อง พวกเขาถึงกับหัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา
พื้นดินสั่นะเืระดับนี้ น่าจะเป็ฝูงสัตว์อสูรที่มีอย่างน้อยสองถึงสามร้อยตัว! ทั้งนี้ หากเป็สัตว์อสูรที่ต่างชนิดกัน พวกมันจะไม่อยู่รวมกันซึ่งทำให้สามารถจัดการได้ แต่ตอนนี้เป็สัตว์อสูรชนิดเดียวกันที่อยู่รวมกันเป็ฝูง เช่นนี้นั้นยากที่จะรับมือแล้ว
“ตึก ตึก ตึก”
หยวนจุนรู้สึกถึงฝีเท้าที่กำลังเข้ามาใกล้ ก่อนจะได้ยินเสียงกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ดังออกมา
ในคืนที่มืดมิดเช่นนี้ หยวนจุนััได้ถึงเงาดำ พวกมันเป็สัตว์อสูรระดับสอง ซึ่งเทียบได้กับนักยุทธ์ระดับดาราขั้นหก!
ดวงตานับร้อยที่อยู่รอบๆ เปล่งแสงสีแดงออกมาราวกับตะเกียงผีที่ล่องลอย ทำให้หัวใจของเขาถึงกับเต้นไม่เป็จังหวะ
“พวกนี้คือหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์! ทั้งยังมีจ่าฝูงของพวกมันอีกด้วย!”
เมื่อกลุ่มนักยุทธ์ได้ยินเสียงหอบกระหายของฝูงหมาป่าที่ดุร้ายก็ใจสั่น ในหมู่พวกเขาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีแต่หานโหรว ซึ่งมีระดับพลังยุทธ์เพียงแค่วงแหวนเล็กขั้นเจ็ดเท่านั้น
หานโหรวไม่สนใจหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ธรรมดาอยู่แล้ว แต่เป็จ่าฝูงหมาป่าต่างหากที่อยู่ในสายตาของนาง มันเป็สัตว์อสูรระดับสามที่แท้จริง ซึ่งเหนือกว่าระดับวงแหวนเล็กขั้นเจ็ดเป็อย่างมาก!
“นี่คือหายนะชัดๆ ยังไม่ทันได้เห็นประตูโรงเรียนยุทธ์ทั้งสี่แห่งก็ต้องกลายเป็มื้อเย็นของสัตว์อสูรเสียแล้ว!”
“แม่นาง ในเมื่อพลังยุทธ์ของเ้าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา เช่นนั้นก็ไปจัดการจ่าฝูงหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์เถอะ ส่วนหมาป่าที่เหลือพวกเราจะหาวิธีเอง ไม่แน่ว่าเราอาจมีชีวิตรอดกลับไปก็เป็ได้”
เมื่อทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดนี้ หาวโหรวจึงแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาทันที นางแอบอยู่ด้านหลังหยวนจุนแล้วกล่าวว่า “หยวนจุน ข้าควรทำอย่างไรดี!?”
“จะทำสิ่งใดได้อีก ตามข้ามา!”
เมื่อหยวนจุนกล่าวออกไปเช่นนั้น นอกจากหานโหรวที่พยักหน้าหนักแน่นแล้ว นักยุทธ์ที่เหลืออีกร้อยกว่าคนก็แสดงสีหน้าไม่มั่นใจออกมาทันที
“น้องชาย ตอนนี้ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย เ้าเลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!”
“รีบทำตามที่ข้าบอก ให้แม่นางผู้นั้นช่วยพวกเราฆ่าจ่าฝูงหมาป่าเสีย มิเช่นนั้นเราทุกคนได้ไปอยู่ในท้องของหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์แน่!”
คนผู้นั้นกล่าวออกมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ครั้นเห็นดวงตาสีแดงของจ่าฝูงหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ เขาก็กลัวจนตัวสั่นทันที
“อยากหนีรอดก็ตามข้ามา แต่ถ้า้าหาหนทางอื่นๆ ก็ตามใจ!”
เมื่อหยวนจุนกระทืบเท้า ปราณดาราจึงแผ่กระจายรอบตัวเขาทันที แม้พลังยุทธ์ระดับหกจะมิใช่ระดับสูง แต่คลื่นปราณดาราที่เขาแผ่ออกมานั้นกลับทรงพลังเป็อย่างมาก
เมื่อหมาป่าอสูรคลั่งจันทร์ที่อยู่ใกล้ๆ ััได้ถึงคลื่นพลังที่แผ่ออกมา พวกมันจึงค่อยๆ ถอยหลังไป
“วงแหวนใหญ่ขั้นหก! นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีวงแหวนใหญ่ขั้นหก! น้องชายผู้นี้สามารถซ่อนพลังปราณดาราภายในได้หรือนี่!?”
ยิ่งนักยุทธ์พวกนี้เข้าใกล้หยวนจุนมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งััได้ถึงปราณดาราอันทรงพลังและบริสุทธิ์ที่แตกต่างจากผู้อื่นได้มากเท่านั้น ซึ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจเป็อย่างมาก
แม้ไม่รู้ว่าหยวนจุนจะพาพวกเขาออกไปจากป่าทึบนี้ได้หรือไม่ แต่การที่มีผู้นำย่อมดีกว่าไม่ทำสิ่งใดเลย เพราะอย่างน้อยก็ทำให้พวกเขายังพอมีโอกาสรอด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้