วันที่ฝนโปรยปราย เสียงฝนกระทบกระจกบานใหญ่ในแมนชั่นกว้างใหญ่ของจางเหม่ยอิงก้องกังวานไปทั่วห้อง เธอเพียงแค่้าที่จะพักผ่อนอย่างสบายใจในเย็นวันอันแสนเงียบสงบ
จางเหม่ยอิงหันไปดูบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เธอกำลังต้มอยู่ในหม้อที่เดือดปุดพลางคิดถึงวันเก่าๆ
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝน จางเหม่ยอิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและพบว่าเป็อาจารย์หวังที่โทรมาหาเธอ จางเหม่ยอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย
“เหม่ยอิง อาจารย์มีเื่รบกวนเธอหน่อย” เสียงของอาจารย์หวังดูเหมือนจะเคร่งเครียดกว่าปกติ
"เกิดอะไรขึ้นคะอาจารย์"
“มีคดีฆาตกรรมที่ซับซ้อนเกิดขึ้นแถวชานเมืองน่ะ พวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่ แถมยังไม่พบเบาะแสที่สำคัญ ผมและพวกเขาเชื่อว่ามีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่จะไขคดีนี้ได้” อาจารย์หวังตอบด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความคาดหวัง “ได้โปรดมาช่วยที ผมไว้ใจเธอมากนะ เหม่ยอิง…”
จางเหม่ยอิงเงียบไปครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงไฟในเมืองที่เลือนรางภายอยู่ภายใต้สายฝน
เธอรู้ดีว่าความสามารถของตัวเองในการสืบสวนและสังเกตการณ์นั้นพิเศษและไม่เหมือนใคร แต่ก็ไม่แน่ใจว่าในตอนนี้เธอ้ากลับไปเจอคดีที่ซับซ้อนและน่าสลดแบบนี้อีกหรือไม่ พูดตรงๆ ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกเริ่มหมดไฟในการทำงาน เพียงแค่หิวและอยากจะนั่งกินบะหมี่ที่ต้มค้างไว้กลางทาง
“ได้ค่ะ หนูจะไปเดี๋ยวนี้” เหม่ยอิงตอบเสียงหนักแน่นหลังจากใช้เวลาตัดสินใจเพียงไม่กี่วินาที
“ขอบคุณมาก เหม่ยอิง ฉันรู้ว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง” อาจารย์หวังกล่าวด้วยเสียงโล่งใจ
หลังจากวางสาย เหม่ยอิงพ่นลมหายใจออกเบาๆ ก่อนจะดับเตาไฟฟ้าและหันไปหยิบเสื้อโค้ทกันฝนและไฟฉายพกพา เตรียมตัวออกไปเผชิญกับค่ำคืนอันเย็นเฉียบและเปียกชื้น
จางเหม่ยอิงเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ที่มากด้วยความสามารถและประสบการณ์ ด้วยความละเอียดอ่อนและความรอบคอบ เธอสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดที่คนอื่นมองข้ามได้ ซึ่งเป็ทักษะที่ช่วยให้เธอไขคดีที่ซับซ้อนที่สุดในหลายครั้ง
ไม่เพียงแค่ความชำนาญในเื่การวิเคราะห์หลักฐาน แต่ความเด็ดเดี่ยวและการตัดสินใจที่เฉียบขาดยังทำให้เธอกลายเป็บุคคลที่เพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาต่างต้องพึ่งพาอยู่เสมอ
เสียงฝนกระหน่ำไม่หยุดหย่อนในค่ำคืนที่มืดมิด ขณะที่จางเหม่ยอิงกุมพวงมาลัยแน่น ขับรถไปตามถนนที่เปียกชุ่ม ท่ามกลางความเงียบเหงา
อีกความลับหนึ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ จางเหม่ยอิงในวัย 30 นั้นแอบเก็บงำความรู้สึกที่มีต่ออาจารย์หวังมาเนิ่นนานั้แ่สมัยที่ยังเป็เพียงนักศึกษา ถึงแม้ว่าอาจารย์หวังนั้นจะอายุ 50 แล้ว แต่ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามราวกับดาราหนังของเขายังทำให้ผู้คนรอบตัวหลงใหลได้เสมอ
เขาเป็แรงบันดาลใจในหลายๆ ด้านของชีวิตจางเหม่ยอิง แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกนี้กลับกลายเป็รักที่ไม่สมหวัง ซึ่งไม่มีทางก้าวข้ามสถานะอาจารย์และศิษย์ได้จริง ๆ
“ทำไม... ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยนะ” เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แต่สายตายังคงมุ่งมั่น ไม่มีน้ำตาหยดใดไหลออกมา เพียงแต่ความเ็ปนั้นยังคงสะท้อนอยู่ในแววตาของเธอ
ถึงแม้จะรู้ดีว่าความรักนี้ไม่มีทางเป็ไปได้ จางเหม่ยอิงก็ยังคงเลือกที่จะเดินหน้าแอบรักอาจารย์หวังต่อไป ไม่ยอมปล่อยให้ความรักที่แสนขมขื่นนี้มาบั่นทอนความเข้มแข็งในตัวเธอแต่อย่างใด
ทันใดนั้น รถสะดุดที่จุดน้ำขังบนพื้นถนนที่ลื่นจากฝน เสียงยางเสียดสีกับถนนดังก้องอย่างน่าขนลุก รถเริ่มเสียการควบคุม จางเหม่ยอิงจับพวงมาลัยแน่น พยายามดึงรถให้กลับมาอยู่ในเส้นทาง แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป
"ไม่นะ!"
จางเหม่ยอิงร้องเสียงดังลั่นก่อนที่รถจะเหวี่ยงแรงอีกครั้ง ไปกระแทกกับขอบถนน ร่างของเธอถูกเหวี่ยงไปตามแรง รถพลิกคว่ำหลายตลบก่อนที่จะหยุดนิ่งบนถนนเปียก ภายในรถกลับกลายเป็ความเงียบงันที่มืดมิด เสียงฝนยังคงตกกระทบรถเป็จังหวะอันเศร้าสร้อย
ใน่เวลาสุดท้ายก่อนที่ทุกสิ่งจะดับลง ภาพของอาจารย์หวังแวบเข้ามาในความคิดของเธอ ใบหน้าของเขายิ้มให้เธอราวกับอยู่ใกล้ๆ...
อาจารย์หวังยืนรออย่างใจจดใจจ่อ ฝนยังคงตกปรอย ๆ รอบตัว ความเงียบชวนให้เกิดความหวัง แต่เมื่อนานเข้าจางเหม่ยอิงก็ยังไม่ปรากฏตัว จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงของผู้แจ้งข่าวทำให้โลกทั้งใบของอาจารย์หวังถล่มลง
“อะไรนะ… เหม่ยอิง…”
เขาพึมพำด้วยเสียงสั่น ขาอ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น ราวกับหัวใจถูกฉีกทิ้ง น้ำตาหยดลงจากดวงตาที่เคยสงบนิ่ง เขาไม่อาจเชื่อว่าหญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยความเข้มแข็งและมีชีวิตชีวาจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ขณะที่อาจารย์หวังนั่งทรุดอยู่กับพื้น ความคิดต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุดยั้ง เขาพยายามประคองสติแต่ทว่าไม่อาจทำได้ หัวใจเขาเหมือนถูกขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับบทเรียนที่ชีวิตบังคับให้ต้องทบทวน
“ทำไมถึงต้องเป็เธอ... ทำไมต้องเป็เหม่ยอิง?”
เขาครุ่นคิดอย่างเศร้าสร้อย ความทรงจำที่พวกเขาเคยมีร่วมกันตอนเธอยังเป็นักศึกษาไหลย้อนกลับมา เขาจำได้ทุก่เวลา รอยยิ้มของเธอ ความมุ่งมั่นในสายตา เสียงหัวเราะที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น แม้ทุกครั้งเขาจะเก็บความรู้สึกไว้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขารู้ดีว่าในฐานะอาจารย์และลูกศิษย์ ความรักของพวกเขาไม่สามารถเป็จริงได้ แต่เขาก็อดหวังไม่ได้ หวังว่าคงมีสักวันที่เขาจะได้บอกความในใจนั้น
"ถ้าเรามีโอกาสอีกสักครั้ง..." เขาคิด คำถามที่ไม่มีคำตอบวนเวียนอยู่ในจิตใจ เขาหันมองท้องฟ้า สายฝนยังคงโปรยปรายดั่งน้ำตาจากสรวง์ เขาภาวนาขอให้ฟ้าเปิดโอกาสให้พวกเขาได้พบกันในชาติภพหน้า แม้จะรู้ดีว่าคำภาวนานี้อาจไม่มีวันเป็จริง แต่ในห้วงลึกของหัวใจ เขายังคงยึดมั่นในความหวังที่ไม่มีวันจางหาย
ในหัวใจที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความรักที่ไม่อาจเอ่ยออก อาจารย์หวังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าท่ามกลางฝนที่ยังโปรยปราย “หากมีชาติภพหน้าจริง… หรือชาติใดก็ตาม ขอให้เราได้มีโอกาสรักกันสักครั้ง… ได้โปรด…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้